Skip to main content

14 เมษายน 2552

“เราแพ้แล้ว”

ผู้ชายคนหนึ่ง หน้าเศร้า เดินมาบอกผู้ชายอีกสองสามคนที่บ้านหลังหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความเสียใจ ผิดหวัง และจากนั้น หลายๆ คนก็เข้ามานั่งคุยกัน ทุกคนสีหน้าไม่สู้ดี

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของ อ. กุดชุม จ.ยโสธร ขณะที่แทบทุกบ้าน ตั้งวงกินดื่ม รื่นเริง ญาติพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าวันสงกรานต์ ชาวบ้านผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็จับกลุ่มคุยกัน

สองสามวันต่อมา วัยรุ่นในหมู่บ้านโพกผ้าแดงที่หัว แว้นมอเตอร์ไซค์ ร้องตะโกน “อภิสิทธิ์ออกไป อภิสิทธิ์ออกไป” และโบกผ้าแดงร่อนรอบหมู่บ้าน

เขาเป็นญาติของคนรู้จัก ฉันถามว่า สองสามวันที่มีการชุมนุมที่ กทม. น้องไปด้วยใช่ไหม “แหม ไปอยู่แล้วครับ เรามันต้องเรียกร้องประชาธิปไตย ฮ่าๆๆ”

เขาพูดแบบเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่า

เหตุการณ์นี้ สื่อรายงานในช่วงแรกว่ารัฐบาลปฏิบัติการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงดีมาก ไม่มีใครตายเลย ปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง รอบคอบมาก แต่ภายหลังพบว่ามีเสื้อแดงตายจริง และศพถูกจับโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างน้อย 2 ศพที่ค้นพบ แต่ไม่รู้สาเหตุว่าใครทำ

 

หลังเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม 2553

ลูกสาวฉันอายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ ยังต้องอุ้มกระเตงไปที่ไหนๆ ภายใต้กฎอัยการศึกและการล้างทำความสะอาด กทม. (บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์)  ฉันเปรยกับพี่สาวคนหนึ่งว่า ฉันอยากรู้ว่า คนเสื้อแดงตอนนี้ไปอยู่ไหน ฉันรู้แน่ๆ ล่ะว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่รอบตัวฉันนี่แหละ  สันป่าตอง สันกำแพง ดอยสะเก็ด พวกเขาไม่ใช่ภูติผีปีศาจที่ไหน ฉันอยากไปสัมภาษณ์พวกเขา อยากรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร อย่างไรบ้าง ทำไมถึงไปชุมนุม พวกเขาถูกจ้างไปจริงหรือ

รุ่นพี่ที่เรียนมช. มาด้วยกัน เธอพอมีรายได้บ้าง ให้เงินฉันมาสองพันสำหรับค่าน้ำมันรถ ลองไปสัมภาษณ์ดู เพราะตอนนั้นฉันจนมาก ไม่มีงานทำ ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน เงินแค่ร้อยสองร้อยก็ไม่มีติดตัว

คนเสื้อแดงอยู่ไหน จะถามใครดี

ทุกอย่างเป็นแค่ความเชื่อมั่นว่าพวกเขาอยู่รอบๆ ตัวนี่แหละ แต่เป็นใครก็ไม่รู้

แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งที่เริ่มปรากฎตัวเพื่อจะยืนหยัดต่อสู้หลังการตายของคนเสื้อแดงหลายสิบคนในเวลานั้น คือคนที่ให้เบอร์โทรผู้นำในพื้นที่บางคนมา และพี่ไม้หนึ่ง ก กุนที เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยการันตี ให้ว่า ฉันไม่ได้เป็นสายของใคร ฉันเป็นนักเขียนเหมือนแก รักความยุติธรรมเหมือนแก (ตอนไปสัมภาษณ์ผู้มาร่วมชุมนุมที่เชียงราย ผู้นำบางคนไม่แน่ใจในตัวฉันนัก เขาโทรศัพท์หา ไม้หนึ่ง ก กุนที ซึ่งตอนนั้นกำลังหลบหนีเช่นกัน) มันเป็นช่วงที่ยากสำหรับการขอสัมภาษณ์ในยามที่คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งพากันหลบหนี ถูกไล่ล่า ถูกอุ้มฆ่าเป็นข่าวติดๆ กันหลายคน (ซึ่งจนบัดนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าใครฆ่า)

นั่นเป็นที่มาของข้อเขียนชุด ละครโรงหนึ่ง ที่นำลงในประชาไท มีทั้งหมด 5 ตอน

ฉันไม่เคยลืมทุกคำ ทุกกิริยา ที่พวกเขาตอบ ทั้งเคียดแค้น ร้องไห้ ไม่ว่าจะตำบลไหน อำเภอไหน จังหวัดไหน ทุกคนโกรธ ทุกคนแค้น ทุกคนเจ็บ

เขียนไปก็น้ำตาซึมไป

หมดสิ้นการชุมนุม ทุกคนกลับมายืนที่เดิม เป็นแม่ค้าขายของ ทำร้านตัดผม ขายกล้วยทอด ขายลาบ ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ช่างซ่อมรถ ทำนา เป็นข้าราชการเกษียณ ทิ้งไว้ให้ชนชั้นกลางอย่างฉัน และปัญญาชนจำนวนหนึ่งได้เกิดอาการตาสว่าง ว่าวันนี้พวกเขาเรียนรู้ เติบโตไปถึงไหนแล้ว

ขาดก็แต่สิทธิที่เท่าเทียมกันเท่านั้นเอง

 

30 พฤศจิกายน 2556

ตู่ เต้น เหวง วีระกานต์

พวกเขาจะมีบทบาทแค่ไหนก็ตาม แต่คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่เกินการจำกัดความแค่ “ทักษิณ” น่าเสียดายที่ไมค์สัมภาษณ์ของนักข่าวส่วนใหญ่เลือกที่จะสัมภาษณ์คนอยู่เท่านี้

ความตายที่สนามกีฬารัชมังคลาภิเษก ฉันขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะต้องตาย -- วันนั้น ช่วงเย็นฉันอยู่หน้ารามด้วย เห็นความป่าเถื่อน เห็นความรุนแรงหลายอย่างของม็อบนกหวีด เห็นการรุมกระทืบคนเสื้อแดงที่บังเอิญนั่งมอเตอร์ไซค์ผ่านมา เห็นความบ้าคลั่ง และรู้ว่าคนจนไม่มีวันชนะหรอกสำหรับประเทศนี้ เพราะเสียงของพวกเขาเบาเหลือเกิน ภาพของชาวบ้าน คนธรรมดาๆ โบกธงด้วยใบหน้ายิ้มย่อง ฮึกเหิม พร้อมจะมาปกป้องรัฐบาลของเขา ไม่มีเลย ข่าวยังคงรายงานประหนึ่งว่าชาวบ้านถูกหลอกมา และการปะทะกันไม่มีใครบอกสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร คนเสื้อแดงตายวันนั้น 4 ศพ ก่อนที่แกนนำจะยุติและขอให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน

 

23 เมษายน 2557

ไม้หนึ่ง ก กุนที ถูกยิงเสียชีวิต

พี่ไม้หนึ่งที่ฉันรู้จัก เป็นกวี จิบชา ฉลาดล้ำเลิศ น้ำใจเหลือเฟือ ขายข้าวหน้าเป็ด บะหมี่ รักชนชั้นรากหญ้า อุดมการณ์แน่วแน่ มั่นคง รักความยุติธรรม – ฉันรู้เท่านี้ มากไปกว่านี้ ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะไม่กล่าวหาว่าใครโดยไม่มีประจักษ์พยานหลักฐาน

 

10 ปีแล้วของการกำเนิด นปก. นปช. หรือคนเสื้อแดง

ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง เป็นศพแรกของการปะทะระหว่างพันธมิตรและเสื้อแดง เขาถูกรุมตีจนตาย จากนั้นก็มีมาเรื่อยๆ ทั้งจากสองฝั่ง เสื้อเหลืองก็ตาย เสื้อแดงก็ตาย ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่โดนลูกหลงก็ตาย นักข่าว พยาบาล

พฤษภาคมแห่งความทรงจำ

บางคนที่ฉันสัมภาษณ์ไปเมื่อ 5 ปีก่อน ได้ล่วงลับไปแล้วเพราะเจ็บป่วย ชราภาพ บางคนก็แขวนคอ

 คนเสื้อแดงเป็นใครบ้าง การเมืองซับซ้อนและรุนแรงขนาดไหน บางคนก็ว่าเขารู้ลึก รู้ดีกว่า บางคนก็ว่า ผมอยู่วงใน ผมรู้อะไรเยอะกว่าคุณมาก

ไม่รู้สินะ --  มันอาจจะจริงอย่างเขาว่า ฉันไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ฉันไม่รู้วงใน ไม่รู้ความเป็นไปในกลไกอันรุนแรงครั้งนี้ ฉันเป็นเพียงคนนอก เฝ้ามองดู และเห็นความไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม ภายใต้สติปัญญาที่พอจะจำแนกแยกแยะ ตัดสินใจด้วยตนเองได้ ฉันก็อยากทำอะไรเท่าที่จะทำได้บ้าง

การชุมนุมในสี่ห้าปีที่ผ่านมา ทวีความรุนแรงและอาวุธร้ายแรงถูกนำมาใช้จริง ทั้งเหลือง ทั้งแดง  แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกได้ว่า อาวุธและบุคคลลึกลับที่เข้ามาทำให้เกิดนั้นเป็นใคร

เท่าที่ฉันจะพอค้นหาความจริงได้ มีเพียงเท่านี้ คือ การคุย การคุ้ยเข่งแห่งความหลากหลายในความหมาย “เสื้อแดง” การค้นหาว่าพวกเขาเป็นใคร สะท้อนเสียงของเขาออกมา ไม่ว่าเขาจะรักใคร เลือกใคร ชื่นชอบนโยบายแบบไหน ฉันเคารพการตัดสินใจของพวกเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้ละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือกระทำการอันผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย

ภาพผู้ชุมนุมที่บ่งบอกถึงความยากจน ยากไร้ น่าสงสารของคนแก่ ผู้หญิง เด็ก ที่กระเตงกันมา เสมือนว่าถูกชักชวนมาอย่างไม่รู้เรื่อง คนเสื้อแดงปะปนไปกับภาพลักษณ์ของพวกผู้ชายวัยฉกรรจ์ ที่ดูกุ๊ย นักเลง กระโชกโฮกฮาก ตัวเหม็น เสียงดัง หัวไม่ได้สระ ฟังเพลงไร้รสนิยม บ้านนอก ก้าวร้าว หน้าตาไว้ใจไม่ได้สิ้นดี แต่พวกนี้ส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานในหมู่บ้านของเขาน่ะเอง ยามมีงานวัดก็เมาหัวรา ตีรันฟันแทง ยามมีการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม 10 เมษา -19 พฤษภา 2553 พวกนี้เองที่ปกป้องพ่อแม่พี่น้องของตน และล้มตายลงบนท้องถนนก่อนที่คนเมืองกรุงรีบออกมาเช็ดล้างเสนียดจัญไร

คนเสื้อแดงที่ฉันรู้จักเป็นแบบนี้

เป็นคนจนๆ กลุ่มใหญ่ที่กระจัดกระจายไปทั่ว เฝ้าฝันและวาดหวังถึงชีวิตที่ดีกว่า

คนพวกนี้การต่อสู้ของเขาไม่เคยมีราคา

คำว่า “ประชาธิปไตย” จากปากเขาไม่มีความหมาย

พวกเขา จน เจ็บ และแพ้อย่างโงหัวไม่ขึ้นตลอดมา

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน