Skip to main content

 

ข้าแด่พระเจ้า
ข้าพระองค์ ไม่ปรารถนาจะให้พระองค์ประทานทุกอย่าง
ที่ใจของข้าพระองค์ปรารถนา

\\/--break--\>
 

แต่ขอได้โปรดช่วยสอน
ให้ข้าพระองค์แสวงหาคุณค่าและปฏิบัติตามพระวัจนะของพระองค์
ในทุกขณะของชีวิต
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักร้องไห้บ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะแสดงว่า
ข้ายังเป็นปุถุชน
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักหัวเราะบ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะให้ข้า
สามารถมีจิตใจสดชื่น
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักยอมแพ้บ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะให้ข้า
สุภาพถ่อมตน...
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักมิตรภาพบ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะให้ข้า
ได้รับกำลังใจมากขึ้น


โปรดสอนให้ข้ารู้จักความประทับใจบ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะช่วย
ปลอบประโลมใจ
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักความอดทนบ้าง
อย่างน้อยเพียงพอ
ที่จะอยู่ท่ามกลางความเป็นอนิจจังของชีวิต
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักความเชื่อบ้าง
อย่างน้อยเพียงพอ
ที่จะเป็นหนทางก้าวไปสู่พระองค์.


หมายเหตุ ; นี่เป็นคำอธิษฐานขอคุณค่าต่างๆของความเป็นมนุษย์..จากพระเจ้าของชาวคริสเตียนคนหนึ่ง ที่ผมจดเอาไว้ในสมุดบันทึกเก่าๆตั้งแต่ปี 2534 แบบหวัดๆ ผมเข้าใจว่า ผมพบคำอธิษฐานนี้ จากการอ่านหนังสือที่ไม่ใช่ของตัวเอง ณ ที่ใดที่หนึ่ง ในช่วงเวลาอันจำกัด และคงจะโดนใจผมมากๆ จึงรีบจดๆเอาไว้ โดยมิได้บันทึกรายละเอียด - ที่มาที่ไปของคำอธิษฐาน ... 


สองสามวันก่อน ผมเปิดตู้เก็บสมุดบันทึกต่างๆ และหยิบสมุดเล่มนี้มาพลิกๆอ่าน และพบคำอธิษฐานนี้ เมื่ออ่านๆดูแล้ว ผมก็รู้สึกว่า มันช่างเป็นคำอธิษฐานขอคุณค่าของความเป็นมนุษย์
..จากพระเจ้าที่งดงามและอบอุ่นทุกๆคำขอ โดยเฉพาะคำอธิษฐานขอ...บทที่ว่า
 

โปรดสอนให้ข้ารู้จักยอมแพ้บ้าง
อย่างน้อยเพียงพอที่จะให้ข้า
สุภาพถ่อมตน
 

เป็นคำอธิษฐานขอ...ที่คนโตเป็นผู้ใหญ่อย่างผม ซึ่งชีวิต..มีแต่เรื่องราวที่ต้องพ่ายแพ้และล้มเหลว และไม่สามารถจะพูดให้ใครฟังได้ เพราะโลกนี้ เป็นโลกที่ยินดีรับรู้และยกย่อง แต่เรื่องราวของชัยชนะและความสำเร็จของผู้คน จนเป็นธรรมดา มีความรู้สึกที่ดี.. ต่อความพ่ายแพ้ของตัวเอง เพราะเขาชี้ให้เราเห็น คุณค่าที่ดีงามบางอย่างของชีวิตที่หาได้ยาก - จากความพ่ายแพ้ นั่นเอง.
 

22 กรกฎาคม 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…