พรรคโดมปฏิวัติหัวรุนแรงจริงป้าว ?
เขียว : สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน กระผมนายเขียว กำลังเสริม (หรืออีกชื่อคือ มือ กลอง กบฏ) ขอรายงานตัว เรามาอยู่กับรายการ “เขียว สัมภาษณ์” และในวันเนร้ เราได้อยู่กับ “จ่า
ณัฐ” (ณัฐชนน ไพโรจน์) หัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติรุ่นที่ ๒ และ “เพ็ญกวิ้นทร์” (พริษฐ์ ชิวารักษ์) หัวหน้าฝ่าย ยุทธศาสตร์พรรคโดมปฏิวัติ
จ่าณัฐ : สวัสดีครับทุกคน เพ็ญกวิ้น : สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง
เขียว : เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คำถามแรกที่ผู้อ่านทางบ้านสงสัยมานาน นั่นคือ “พรรคโดมปฏิวัติ” หัวรุน แรงจริงป้าว ?
จ่าณัฐ : ผมมองว่า การที่สังคมคิดว่าเรารุนแรง มันด้วยบริบทหลายอย่าง ที่มันนอกเหนือกว่าเรื่องของมหา วิทยาลัยเสียอีก แต่หนึ่งในปัจจัยที่เราอาจจะจับต้องได้คือ เราเป็นพรรคใหม่ ที่เล่นการเมืองแบบใหม่ การ หาเสียงของเรา การออกนโยบายของเรา เป็นไปด้วยการสืบเสาะไปถึงต้นสายปลายเหตุ รากลึกที่แท้จริง ของปัญหานั้น ๆ
เขียว : ขอเสริมด้วยครับ คำว่าหัวรุนแรงหรือ Radical มาจากรากศัพท์ภาษาละติน คือ Radix แปลว่า“ราก” นั่นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงมือกระทำความรุนแรง หรือ วิธีการที่รุนแรง มันเป็นเรื่องของ “วิธี คิด” มากกว่าว่าเรามองการแก้ปัญหานั้นๆอย่าง “ถึงรากถึงโคน” รึเปล่า
จ่าณัฐ : ใช่ครับ บางครั้งการออกมาแก้ปัญหาที่ลึกไปถึงรากของเรา อาจจะทำให้การเมืองแบบใหม่ที่เรา กำลังสร้างยังเป็นเรื่องใหม่ ที่พวกเขาไม่สามารถปรับตัวได้ แต่เราสามารถสะท้อนได้จากการที่ปีก่อน เรามี สมาชิกลงน้อยมาก หากแต่ปีนี้เรามีสมาชิกพรรคที่เพิ่มมากขี้นเยอะเป็นเท่าตัว หมายความว่า สังคมกำลัง เริ่มที่จะตีความพรรคโดมปฏิวัติในความหมายยที่ไม่ใช่แค่พวกนิยมความรุนแรง ผมมองว่า เราไม่ได้เลว ร้ายเหมือนที่พูดกันแบบนั้นหรอกครับ หากแต่สังคมต้องการเวลาทำความเข้าใจ และให้โอกาสกับพวกเรา
เขียว : แล้วคุณเพ็ญกวิ้นคิดว่าอย่างไรครับ
เพ็ญกวิ้น : ผมอยากจะขยายความต่อจากที่หัวหน้าพรรคของเราพูดนะครับ นั่นคือเรื่องการ “แก้ปัญหาที่ลึก
ไปถึงราก” รู้มั้ยครับว่าทำไมเราตั้งชื่อพรรคว่า “โดมปฏิวัติ” ไม่ใช่ “โดมปฏิรูป”เขียว : ทำไมครับ คือ อีกอันมีพระ อีกอันไม่มีพระใช่ไหมครับ
เพ็ญกวิ้น : คนละวัดแล้วครับ มุขห้าบาทสิบบาทก็เล่นเนาะ
เขียว : แหม่ โทษครับๆ ผมไม่อยากให้ซีเรี่ยลส์กัน
เพ็ญกวิ้น : คืองี้ครับ “ปฏิรูป” เนี่ยหมายถึงเรามองปัญหาที่เกิดขึ้นว่า “มาถูกทางแล้วแต่มีปัญหาในรายละ เอียด” แต่สิ่งที่ต้องการการปฏิวัติเนี่ย คือ มัน “ผิดทางมาตั้งแต่ต้น” ผิดมาตั้งแต่หลักการและเหตุผล จน แก้ไขแค่ในรายละเอียดไม่ได้
จ่าณัฐ : ตัวอย่าง เช่น การค้ากำไรจากนักศึกษา ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ถือว่าผิดหลักการและเหตุผลมาตั้งแต่ ต้นครับ
เพ็ญกวิ้น : ถูกต้อง และนอกจากนั้น แม้เราจะดูเป็นพวกหัวรุนแรง แต่เราไม่ใช้ “วิธีการที่รุนแรง” เราเรียก ร้องให้มีการแก้ปัญหาและเจรจาอย่างสันติ และที่สำคัญ เราไม่เคยไปต่อยตีกับนักศึกษาด้วยกัน เราสู้แต่กับ ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจ ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด
จ่าณัฐ : ใช่ครับ
เขียว : โอเคครับ ในประเด็นนี้ผมว่าเคลียร์ละ “หัวรุนแรง” ไม่ได้จำเป็นต้องกระทำความรุนแรง เก้วกาด ใช้อารมณ์เสมอไป คำว่า “หัวรุนแรง” จริงๆอยู่ที่ “หลักการและเหตุผล” มากกว่าจะเป็นเรื่องของ “วิธีกา รนำเสนอ”
จ่าณัฐ : ครับ
เขียว : มาถึงคำถามข้อถัดไปนะครับ ถือว่าเป็นประเด็นร้อนไฟลุกเลยทีเดียว กับเหตุการณ์ที่มีอาจารย์คณะ สายสังคมท่านหนึ่ง ได้เมนชั่น “พรรคโดมปฏิวัติ” ขึ้นมาในคลาสโดยอาจารย์ท่านนี้บอกว่า พรรคโดมปฏิ วัติ “การเล่นการเมืองแบบสกปรก” ไม่ต่างอะไรกับการกระทำของ “ท่านส.ส.ปารีณา” อยากทราบว่า ทั้ง 2คนคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ
เพ็ญกวิ้น : เล่นการเมืองสกปรกนี่สกปรกเท่ากับน้ำเน่าในคลองหลังโรงกรีนรึเปล่าครับ ๆ
จ่าณัฐ : 555555 โอเค เรื่องนี้สำหรับผมนะ เมื่อได้ยินครั้งแรก คำถามที่แวบขึ้นมาบนหัวคือ เราเล่น การเมืองสกปรกอย่างไร ผมขอชี้แจงก่อนว่า สส ท่านที่อาจารย์ได้กล่าวถึงในห้อง สร้าง Hate Speech ต่อ ส.ส. ฝ่ายตรงข้าม ด้วยข้อมูลที่อาจจะไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกสภาฯ ของพรรคอื่น
ซึ่งมีความแตกต่างกับพรรคโดมฯ อยู่มากตรงที่ พรรคโดม ไม่ได้เป็นพรรคที่กล่าวโทษพรรคการเมืองหรือ ส.ส. ข้างเคียง สิ่งที่ต้องยอมรับคือสภานักศึกษาฯ ของเรา มี Conflict ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการเล่นการ เมือง แต่ผมขอเอาตัวเองเป็นประกันว่า เราเล่นเกมส์ที่ใสสะอาดเสมอ ถึงแม้บางครั้งเราถูกกระทำ แต่เราก็ไม่ เคยเอามาพูดบนที่แจ้งเลย
เพ็ญกวิ้น : สำหรับผมเนี่ย การเมืองสกปรก คือ การเมืองที่ไม่ได้แข่งกันด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริง หากแต่ เป็นการใช้เล่ห์กล การตลบตะแลง แทงข้างหลัง บางคนนี่ชอบเข้าใจผิดว่า “เป็นนักการเมืองอาชีพต้องตอ แหล” ซึ่งเป็นการมองอะไรแบบสั้น ๆ เป็นนักการเมืองเราต้องคิดถึงระยะยาว ว่าถ้าเราทำตัวตอแหลต่อไป ใครมันจะไปเชื่อถือเรา
ทางออก คือ เราต้องสร้างการเมืองสร้างสรรค์,ชัดเจน,โปร่งใส และเราประกาศชัดเจนด้วยว่า เราจะทำอะไร บ้าง
จ่าณัฐ : ถูกครับ ใครจะแย่งเอาไปทำก็ดี ผมถือว่าเป็นการช่วยกัน 55555
เพ็ญกวิ้น : อีกอย่างครับ การเอาพรรคเราไปเปรียบเทียบกับ ส.ส.ปารีณา ถือว่าเป็นอะไรที่ผิดฝาผิดตัวมาก ๆ สิ่งที่คุณปารีณาทำ คือ การ “เบี่ยงประเด็นทางสังคม” ทุกครั้งที่สังคมเริ่มจะสนใจและเห็นปัญหาของ รัฐบาลประยุทธ คุณปารีณาก็จะออกมาเล่น เพื่อให้คนไปสนใจด่าคุณปารีณาแทน ไม่ไปสนใจด่าปัญหาของ รัฐบาลจริง ๆ แต่สิ่งที่พวกเราทำคือการจุดกระแสที่เป็นปัญหาจริง ๆ เป็นปัญหาที่มีสาระสำคัญ ที่นักศึกษา จำเป็นต้องรู้
เขียว : คนที่ไปเรียนในคลาสนั้นเล่าต่อให้ฟังด้วยนะครับ ว่าอาจารย์ท่านนี้บอกทำนองว่า พรรคโดมปฏิวัติ เนี่ย โดนนักการเมืองจ้างให้มาทำ แล้วยังพูดต่อว่า พรรคโดมปฏิวัติมีแต่นโยบายขายฝัน ทำจริงไม่ได้ คิด เห็นกันอย่างไรบ้างครับ
จ่าณัฐ : 555555 ผมว่าตลกดีนะครับ ถ้าพวกเราถูกจ้างมาจริงๆ ป่านนี้ผมออกจากหอในไปเช่าคอนโดอยู่ พร้อมออกรถหรูมาขับซิ่งโชว์ผู้บริหารแล้วครับ เนี่ย หัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติรุ่นที่แล้ว คุณจักรี เสาวภา ยัง ต้องไปรับจ๊อบเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวอยู่เลย
เพ็ญกวิ้น : นโยบายขายฝันคืออะไร ? นโยบายขายฝัน คือ นโยบายที่ “ไม่น่าทำ” และ “ไม่มีทางทำได้” ซึ่ง นโยบายของพรรคโดมปฏิวัติเรา มีการทำการบ้านกันมาก่อน และ มีข้อมูลว่าทำได้จริงโดยมีตัวอย่างจากน โยบายของสภา นศ.ในหลายๆประเทศ เราไม่ได้จู่ ๆ นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเอง ซึ่งนโยบายของพรรคเรานั้น เป็นนโยบายที่ถ้าผู้บริหาสนใจจะทำ ก็ทำได้ทันที
แต่ที่ทำไม่ได้ ส่วนสำคัญเลยคือผู้บริหารฯ ไม่ฟังเสียงเรา หรือ ต่อให้ฟังก็ไม่นำพา ไม่นำไปปฏิบัติ จ่าณัฐ : นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเรายังต้องสู้ต่อไป
เพ็ญกวิ้น : เราต้องช่วยกันสร้างค่านิยมว่า “นศ.ไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัย แต่มีส่วนเป็นเจ้าของมหาลัยด้วย” ผู้ บริหารต้องให้เกียรตินักศึกษามากกว่านี้
เขียว : แสดงว่าจริงๆจุดสำคัญของนโยบายมันไม่ใช่แค่ว่า พอพรรคการเมืองชนะแล้ว ทำได้/ทำไม่ได้ แต่ มันขึ้นอยู่กับว่าพรรค กระตือรือร้นในการกดดันให้ ผู้บริหารตัดสินใจทำมากน้อยแค่ไหนด้วยใช่ป้าวครับ
เพ็ญกวิ้น : แม่นอีหลี อย่างเรื่องทุนการศึกษาเนี่ย เราหาเสียงว่า ทุนการศึกษาต้องมีให้ได้ 3,000 ทุน แม้ว่า มธ.เราจะมีรายได้ไม่มากนัก แต่ 3,000 ทุนมีคนเคยคำนวณออกมาแล้วคิดเป็นแค่ 10% ของค่าเทอมที่เก็บ จากนักศึกษาด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่าผู้บริหารจะเลือกใช้งบประมาณนั้นอย่างไร เราจะเลือกใช้เงินก้อนนั้น ในการขยายโอกาสของนักศึกษาที่ขาดทุนการศึกษา หรือไม่ จะเลือกเม็ดเงินหรือนักศึกษาเป็นหลัก
จ่าณัฐ : ผมเองก็ไม่เถียงในเรื่องของนโยบายของเรามันดูใหญ่ แต่เรามองว่า เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่จะแก้ ปัญหาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของเราเพียงอย่างเดียว มหาวิทยาลัยของเรามีโควตสำคัญคำหนึ่ง ที่ กล่าวไว้ว่า ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งและมองว่า เราควรสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นด้วยเช่นกัน โดยพรรคของเรา ก็ได้มีนโยบายของการแก้ไข กยศ. ที่มี ปัญหาในตัวมันค่อนข้างมาก ยกตัอย่างเช่น ชั่วโมงการทำจิตอาสา ที่มีถึง 36 ชั่วโมง ซึ่งตามจริงแล้ว นักศึก ษา ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ลองใช้เวลา 36 ชั่วโมงนี้ เป็นเวลาอ่านหนังสือ ที่ช่วยให้ เรียนดีขึ้น หรือให้เขาทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริมละ แล้วจิตอาสา ที่มีถึง 36 ชั่วโมงที่เป็นเงื่อนไขนี้ จะ เรียกจิตอาสาอยู่หรือไม่ และมันยังมีปัญหาอื่นๆอยู่อีกมากครับ
เขียว : แล้วคุณว่าพรรคโดมปฏิวัตินี่เป็นพรรคขายฝันรึเปล่าครับ
จ่าณัฐ : อืม.... ผมไม่ได้มองว่าเราขายฝัน แต่การที่เราถูกมองว่าขายฝัน เพราะมันอาจทำไม่ได้เพียงสมัย เดียว หากแต่ต้องขับเคลื่อนกันอีกหลายสมัย ในธรรมศาสตร์ อาจยังไม่มีพรรคการเมืองที่มีความเป็น สถาบันพรรคการเมืองเพียงพอ ที่จะทำให้ชาวธรรมศาสตร์เชื่อว่า เราสามารถอยู่ในระยะยาวและขับเคลื่อ ในประเด็นเหล่านี้ได้ ซึ่งพวกเรากำลังทำอยู่ ขอกำลังใจด้วยนะครับ
เขียว : ทีนี้ครับพี่น้อง มาถึงคำถามสุดท้ายแล้ว
เพนกวิ้น : จัดมาเล้ยยย
เขียว : จุดมุ่งหมายสูงสุดของพรรรคโดมปฏิวัติคืออะไรครับ ?
เพนกวิ้น : เราอยากกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ นักศึกษา ต่างมหาลัยให้กล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิอันพึงมีของ เรา ไม่ใช่แค่ในธรรมศาสตร์ และ ไม่ใช่แค่ต่อผู้บริหารมหาลัย แต่รวมไปถึงผู้บริหารประเทศด้วย!
จ่าณัฐ : อืม..ขอคิดแปปนะ โอเคร เป้าหมายของเราไม่ใช่เรื่องทำนองว่า เราจะได้เก้าอี้สูงสุดในสภา หรือ ว่าจะแมสในวงนักศึกษา และหลายคนอาจคิดว่า (มีสักคนไหมน้า 555) มันคือมอทโตของพรรคโดมฯ คือ สวัสดิการต้องคุ้มค่าเทอม
ซึ่งก็ใช่ นั่นคือหนึ่งในเป้าหมายของเรา ที่ต้องการให้นักศึกษา มีชีวิตที่ดีในธรรมศาสตร์ สมกับค่าเทอมที่ พวกเขาต่างจ่ายไป ซึ่งปัจจุบัน ปัญหาของนักศึกษา มีอีกมากที่เราต้องร่วมกันช่วยให้เมืองธรรมศาสตร์อัน แสนอบอุ่นของเรามันดีขึ้น
เขียว : ครับ แล้วไงต่อ
จ่าณัฐ : หากแต่นั่นอาจไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเราครับ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า พรรคโดมฯ เองไม่ได้ ใส่ใจแค่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย หากแต่เรายังมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคนภายนอกอีกด้วย ซึ่งเป้า หมายสูงสุดของเราคือ การที่ได้เห็นรัฐสวัสดิการที่ดีของประชาชน การที่ได้เห็นสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นธรรมที่เกิดขึ้นจริงในสังคม โดยที่เราต่างต้องช่วยกัน คนละเล็กคนละน้อย เรื่องที่ผมกล่าว มาเป็นเรื่องที่ใหญ่มากครับ และทุกวันนี้อาจยังไม่เกิดขึ้นดี แต่พรรคโดมปฏิวัติขอเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมในอุดมคติข้างต้นนี้ไปด้วยกัน
ผมตื่นเต้นกับการจินตนาการถึงการที่ได้มีความสุขในการมีสังคมที่น่าอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว หากคุณเห็นด้วย กับเรา คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ โดยเริ่มต้นจากสมัครสมาชิกมาร่วมงานกับเรา ได้ครับ เราต้องการทุกคนในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ขอบคุณครับ
เขียว : โห งี้ไม่กลัวคนมาด่าว่า “ไอ้พวกอุดมคตินิยม ,เพ้อฝัน” หรอครับจ่า ?
จ่าณัฐ : 555555 คนที่เป็นพวกเพ้อฝัน คือ คนที่เอาแต่คิด เอาแต่ฝัน แต่ไม่ลงมือทำ ส่วนเรื่อง “อุดมคติ นิยม” ถ้าในนานาอารยประเทศ มันไม่มีพวกที่มี “อุดมคติแบบประชาธิปไตย” จนป่านนี้ผมว่าทั้งโลกคงยัง
ปกครองด้วยระบบ “นาย-ทาส” คงไม่มีประเทศประชาธิปไตยสักประเทศหรอกครับ “ความเป็นจริง” ทุก คนก็รู้ หากแต่รู้ความจริงกันคนละชุด
สิ่งที่ท้าทาย คือ เราจะยอม “จำนนต่อความจริงรูปแบบนี้” หรือเราจะชี้และพาสังคมวิ่งไปยัง “ความจริงรูป แบบอื่น” กันล่ะ ?
เขียว : เวลาหมดลงแล้ว ขอขอบคุณทั้ง 2 คนที่ให้โอกาสผมได้สัมภาษณ์ด้วยครับ เพนกวิ้น : เออ ไม่ให้ได้ไงล่ะ ก็พรรคเดียวกัน
เขียว : มึงอย่าเอ็ดไปสิ เดี๋ยวคนก็รู้หมดว่าเตี๊ยมกันมา
จ่าณัฐ : มาขนาดนี้แล้วมึงยังต้องกลัวคนรู้กันหรอ ไอ้ซั๊สส ไปๆ แยกย้ายๆ เขียว/เพนกวิ้น : สวัสดีคร้าบ ลาก่อนทุกท่าน
จ่าณัฐ : คุณเขียว นั่นบทกูครับ
เขียว : เออ โทดๆ เอาใหม่ๆ
จ่าณัฐ/เพ็ญกวิ้นทร์ : สวัสดีคร้าบพี่น้อง ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะครับ