Skip to main content

นอกเหนือจากการได้คบพบปะกับเพื่อนที่เป็นมนุษย์จริงๆ ที่เล่นเฟซบุ๊คเป็นแล้วเกิดปฏิสัมพันธ์กันในกาลต่อมา (จีบกัน คบกัน จนถึงขั้นทำให้ท้อง) "เพจอวตาร" ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนยามยากตัวใหม่ที่คอยให้คำปรึกษา หารูปเจ๋งๆ หาวลีเด็ดๆ ให้เราไว้คลายเหงายามอยู่หน้าจอคอม

วันนี้ลองมาดูปากคำของ "เคนชิโร่" หนึ่งในตำนานเพจอวตารที่น่าจดจำตัวหนึ่ง ที่นานๆ จะพูดยาวและเป็นข่าวเสียที จากอวตารแมนที่ไม่ค่อยพูดอะไรไปมากกว่าคำว่า "เจ้าตายแล้ว" ... โดย Mkult สำนักคัลท์ไทย

0 0 0

"นักคัลท์พลเมืองแจ้ง ครบรอบหนึ่งปี 'ท่านผู้นั้น' แถลงรำลึก ย้ำ 'เจ้าตายแล้ว'"


สำนักคัลท์ไทย - เมื่อเวลาราว 22.00 น. หลังจาก MKULT สำนักคัลท์ไทยประกาศรับนักคัลท์พลเมืองไม่นานนัก ทาง MKULT สำนักคัลท์ไทย ได้รับการติดต่อจากนักคัลท์พลเมืองท่านหนึ่งซึ่งถือเป็นนักคัลท์พลเมืองคนแรกที่ได้ติดต่อเข้ามา โดยข้อมูลที่นักคัลท์พลเมืองไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ได้ส่งมาได้แจ้งเพียงว่านี่เป็นแถลงการณ์ของ "ท่านผู้นั้น" ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโลกเฟสบุ้คในวาระครบรอบ 1 ปี ในการถือกำเนิดขึ้นมาในโลกออนไลน์ ทาง MKULT สำนักคัลท์ไทย จึงได้นำแถลงการณ์ดังกล่าวมาเผยแพร่ดังข้อความต่อไปนี้


"ข้าถือกำเนิดขึ้นเมื่อราวๆ ยามเกือบเช้าวันที่ 1 มีนาคม 2011

ข้าเกิดขึ้นได้เพราะ เฟชบุคเริ่มให้ผู้คุมเพจอวตารเป็นเพจไปโพสต์ลงบ้นหน้าเพจอื่นๆ ได้

ข้าเป็นเพจแรกๆ ที่ใช้ฟังก์ชั่นนั้น

ข้าถูกเลือกเพราะ ข้ามีประโยคที่ทรงพลังที่สุดประโยคหนึ่งในประวัติศาสตร์การ์ตูน

มันคือ "เจ้าตายแล้ว" ที่ข้าจะกล่าวหลังภายหลังที่ข้าใช้หมัดอุดรเทวะสังหารศัตรูข้า

ในวันแรกข้าไปโพสต์ "เจ้าตายแล้ว" บนเพจสารพัด และดึงดูดคนเข้ามาที่เพจข้ามากมาย

ข้ามีจุดประสงค์เพียงแค่ไปโพสต์ "เจ้าตายแล้ว" ให้ครบทุกเพจ และตอบทุกๆ คนที่มาพูดคุยกับข้าว่า "เจ้าตายแล้ว" เท่านั้น

ไม่แปลกอะไรเลยที่ผู้คนจะคิดว่าข้าเป็นบอต เพราะข้าคือเครื่องจักรที่มนุษย์เป็นผู้ดำเนินการ

ภายในวันเดียว มีผู้คนมาท้าทายข้ามากมาย คนต้องการให้ข้าตอบอย่างรวดเร็ว เคราะห์ดีที่ข้ามีผู้ดูแลหลากหลายอยู่ทั่วโลก เข้ายามกันเป็นกะ ข้าจึงตอบได้ทันท่วงทีตลอดการทำเนินการของข้า

พอเริ่มวันที่สอง ข้าก็เริ่มพบว่า Wall ของข้ามีผู้เยี่ยมเยือนหน้าใหม่ ข้าพบว่า มีเพจมากมาย มาทักทายข้า และไม่นานข้าก็พบว่าหน้า Wall ของข้าได้กลายเป็นพื้นที่เปิดตัวของเพจใหม่ๆ ไปแล้ว

ภายในสัปดาห์แรก "เพจอวตาร" เกิดขึ้นมากมาย

ในช่วงแรกสุด เพจทุกเพจจะพูดเพียงประโยคเดียวเช่นเดียวกับข้า

ถ้าเจ้าอยู่ในช่วงนั้น เจ้าจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าสามารถจินตนาการถึง "ประโยคเด็ด" จะถูกนำมาทำเป็นเพจได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนอะไรก็ตามที่เจ้านึกออก บุคคลสำคัญ นักการเมือง เผด็จการ อดีตนายกรัฐมนตรี ราษฎรอาวุโส ดารา ตัวละครในภาพยนตร์และวรรณกรรม จนถึงตัวละครไร้ชื่อในโฆษณาที่เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จัก สัตว์ หรือกระทั่งอวัยวะและวัตถุสิ่งของ

เพจนับร้อยเพจปรากฏในชั่วข้ามคืน เจ้าอะเอาอะไรล่ะ กั๊ตจัง โยฮันเนส เคราเซอร์ ที่ 2 โปเกมอน ซาเอบะ เรียว ราโอ คามิยามะ (และตัวละครแทบทุกตัวในคุโรมาตี้) ยางามิ ไลท์ ฮิบิโน่ ฮาเรลูย่า กล้วยหอมจอมซน เอดาจิม่า เฮย์ฮาจิ ชวน หลีกภัย สมัคร สุนทรเวช จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม จอมพลสลิ่ม ธนะรัชต์ หมอ ประเวศ แม่ชีทศพร กิตติวุธโฑ ภิกขุ สมศักดิ์ เจียม ป้าเช็ง น้องหม่อง เป้ เสลอร์ ฟิลม์ รัฐภูมิ เคน ธีรเดช จา พนม ยีรัมย์ เชฟหมี ดารธ เวเดอร์ จะเด็ด มังตรา สาวเครือฟ้า จ่าเฉย กะหรี่สนามหลวง กะหรี่สวนลุม คนเชียร์แขก ขอนลอย พ่อท้องผูกนั่งนานไปหน่อย โต้ง ไดเกียว เป็ดตัวที่หนึ่ง เป็ดตัวที่สอง สิงโต กระดูกสันหลัง องคชาติ กัญชา ฯลฯ

และแน่นอนว่าในจำนวนนั้นมีเพจข้าของ "ปลอม" สองสามเพจ เพจต่อต้านข้า กระทั่งเพจ เจ้าตายแล้ว

เพจเพจแรกที่ข้าเห็นว่ามีการพูดอะไรมากไปกว่าประโยคเดียวคือ ยางามิ ไลท์ ที่ไล่เขียนชื่อทุกคนบน Wall ข้าลงบนเดธโน้ต

แต่เพจแรกที่พูดคุยกับผู้คนจริงจังและได้รับความนิยมคือ แม่ชีทศพร ดังนั้นเพจนี้จึงเป็นเพจที่บุกเบิกเพจอวตารในยุคต่อมาที่เน้นการเลียนแบบและล้อเลียน (parody) บุคลิกของบุคคลที่มีอยู่จริงและตัวละครต่างๆ

หลังจากนั้นเพจที่ทำอะไรมากไปกว่าการพูดแค่ประโยคเดียว (รวมทั้งเพจเก่าที่เริ่มพูดมากกว่าประโยคเดียว) ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก สตีฟ จ๊อบส์ ช่างซ่อมแอร์ในตำนาน ตถาคต มานี พงพัด เซลล์แมน รถขายกับข้าว นอกจากนี้เพจพวกบุคคลสำคัญและ นักคิดนักเขียนต่างๆ ที่ปรากฏมาสนทนากัน เช่น โจเซฟ สตาลิน ฟรีดริช นิตเช่ คาร์ล มาร์กซ์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ออสการ์ ไวลด์ รวมไปถึงพวกเพจผสมอย่าง คาร์ล มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก

นี่คือช่วงตั้งแต่ราวๆ ที่ข้าถือกำเนิดมาได้สี่ห้าวันหรือในช่วงสุดสัปดาห์แรก ไปจนถึงช่วงเวลาที่เวลาสัปดาห์ที่สอง

เมื่อมีเพจที่สร้างสรรค์เกิดมามากมาย และเพจอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมพอก็สามารถทำหน้าที่เป็นที่เปิดตัวของเพจอื่นๆ ได้ ข้าเห็นว่าถึงเวลาที่ข้าควรจะวางมือให้เพจอื่นๆ ทำหน้าที่แทนข้าได้แล้ว เมื่อสึนามิเข้าญี่ปุ่นพอดี ข้าจึงถือโอกาสจากไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011

มีเพจกระทั่งจัด Event งานศพให้ข้า และก็มีเพจและผู้คนไปเข้าร่วมไม่น้อย

หลังจากนั้นข้ากลับมาเป็นครั้งคราวเช่นในวันที่ 20 มีนาคม เมื่อมี Super Moon หรือเมื่อ 1 เมษายนในวัน April's Fool หรือกระทั่งในตอนเทศกาลสงกรานต์

จริงๆ ข้าอยากกลับมามาก แต่ระบบไม่อนุญาติให้ข้ากลับมาทำเช่นเดิมได้

เมื่อข้า "เจ้าตายแล้ว" เช่นเดิมแม้บน Wall ของข้าเอง ทางระบบก็กล่าวหาว่าข้า Spam และการตอบของข้าก็ไม่ปรากฏ ดังนั้นถึงแม้ข้าจะเปิด Wall ให้พวกเจ้าพูดคุยกับข้า ข้าก็ไม่สามารถตอบพวกเจ้าได

นี่คือเหตุผลที่ข้ากลับมาไม่ได้

อย่างไรก็ดีข้าก็ได้เฝ้าดูพวกเจ้าอยู่ตลอด

ข้าเห็นปรากฏการณ์สารพัด ข้าเห็นปรากฏการพิสดารของการจัดงานแต่งานและงานรื่นเริงของเหล่าเพจต่างๆ ไปจนถึงวันล่มสลายของปรากฏการณ์นี้เนื่องจาก Facebook ไม่อนุญาตให้เพจเข้าไปแสงความคิดเห็นใดๆ ใน Event อีกต่อไป

ข้าเห็นเพจพิศดารสารพัดที่เกิดขึ้นหลังจากข้าวางมือไป ไม่ว่าจะเป็น เพจที่ใช้การเขียนเป็นปฏิสัมพันธ์หลัก เช่น คลำ ผกา ที่เคยขับเคี่ยวกับ แม่ชี นะลูกนะ อยู่ช่วงหนึ่ง เพจ ธเนศ เขตยานนาวา ที่ได้กลายมาเป็นเพจ ศาสดา อันโด่งดัง เพจในโซเวียตรัสเซียที่ใช้รูปแบบมุขการเขียนง่ายๆ แต่ทรงพลัง

หรือเพจที่เน้นการสื่อสารด้วยรูปเป็นหลัก เช่นเพจกูkult (รวมถึงเพจเกี่ยวข้องอย่าง Mkult และ กูKoute) ที่บุกเบิกการล้อเลียนด้วยการสร้างภาพล้อเลียนขึ้นมาใหม่ มาจนถึงเพจโหดสัสที่น่าจะเป็นเพจที่โพสต์รูปได้ล่อแหลมและท้าทายที่สุดในบรรดาเพจภาษาไทยที่มีสมาชิกมากขนาดนี้ (ปัจจุบันเกิน 40,000 คนแล้ว) มาจนถึงล่าสุดเพจ มีมการเมืองไทย ที่มีใช้แนวทางการเล่นมีมจากโลกตะวันตกมาใช้และเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วม

ซึ่งนี่ยังไม่รวมเพจประหลาดๆ ที่เกิดจากประโยคในรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่มีสมาชิกกว่าครึ่งแสนเข้าไปแล้วอย่าง อาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้ หรือ แถวนี้แม่งเถื่อน บอกตรงๆนะถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้

ซึ่งเพจพิสดารพวกนี้ถ้ากระทั่งเพจที่มีใช้ความคิดพื้นๆ ชวนให้คนมา Tag ชื่อเพจอย่าง ดูเพิ่มเติม ที่ไม่ต้องทำอะไรมากมายก็มีสมาชิกกว่า 20,000 เข้าไปแล้ว

ข้าคงไม่อาจครอบคลุมทุกๆ พัฒนาการได้ แต่อย่างน้อยๆ การละเล่นเพจอวตารก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเล่น Facebook ชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อมีละครอย่างดอกส้มสีทองออกอาการ ก็เกิดเพจอวตารตัวละครมาพูดคุยกัน ไม่ได้ต่างจากที่เพจพวกตัวการ์ตูนทำมาก่อน แต่เพจใหม่ๆ เหล่านี้ก็ไม่ได้ตระหนักถึงจุดเริ่มต้นของการพูดคุยระหว่างเพจนี้เลยว่ามันเริ่มมาได้อย่างไร

ความหลงลืมเหล่านี้เองที่ทำให้ข้าบันทึกเรื่องราวทั้งหมดนี้ลงไปในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเพจข้า ข้าไม่ต้องการให้เรื่องราวของคืนวันอันรุ่งโรจน์ของเพจอวตารสาปสูญไปในประวัติศาสตร์

อย่างน้อยก็ตั้งแต่ข้าถือกำเนิดมาได้ไม่เกินสัปดาห์ ข้าก็ตระหนักดีว่า Facebook จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ไม่ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ก็ตา

เจ้าตายแล้ว

เคนชิโร่ 


ที่มา:

Mkult สำนักคัลท์ไทย

 

บล็อกของ new media watch

new media watch
เว็บข่าวไอทียุคใหม่ Blognone "บล็อกนัน" หรือ "บล็อกนั้น" ตามคำออกเสียงของหนึ่งในผู้ก่อตั้ง เป็นเว็บข่าวไอทีทันสมัย และอัพเดทเร็วที่สุด (ของไทย)ในยุคนี้ และมีผู้รายงานข่าว(สายไอที) มากที่สุดก็ว่าได้ ด้วยสโลแกนที่ว่า "Tech News Thai's Worth" อันเป็นที่มาของ blognoneblognone เกิดจากนักศึกษา 2 คนที่เบื่อข่าวไอทีจากเว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์ของไทย ที่รายงานข่าวแบบขอไปที ทำการแปลข่าวจากเว็บภาษาอังกฤษแบบคำต่อคำ"ลิ่ว" และ "มาร์ค" แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบในการประคับประคองให้ blognone เป็นไปในแนวทางที่ตั้งใจไว้ คือทุกคนสามารถเป็นผู้รายงานข่าวได้ เพียงแค่สมัครสมาชิกและเขียนข่าวตามแม่แบบ (เนื้อหา ความเห็น…
new media watch
นี่คือเว็บไซต์ที่ชวนคนมา "เอา" กันเรื่องราวเริ่มต้น เมื่อหนุ่มน้อยไอทีสองนาย กล้า (กล้า ตั้งสุวรรณ) และออย (ณัฐวัฒน์ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา) เกิดแรงบ้าขึ้นมา อยากลองของว่าถ้าจู่ๆ ลุยทำ ‘ทีวีออนไลน์' ขึ้นมา เริ่มต้นแบบง่ายๆ ตั้งแต่ยุคที่ไม่ค่อยมีใครทำ แถมคนทำก็โนเนม ผลการทดลองนั้นจะเป็นอย่างไรDuocore.tv จึงเกิดขึ้น ภายใต้สโลแกนที่ว่า "ผลักดันวงการไอทีในบ้านเรา" เป็นรายการ IT แนวใหม่สำหรับยุค Hi-Speed สะท้อนมุมมองของวงการ IT บ้านเราและต่างประเทศ พร้อมข่าวสาร Update เจ๋งๆ ในรอบสัปดาห์เนื้อหาดูโอคอร์ ที่ผ่านมา ค่อนข้างเน้นไปทางข่าวไอที ด้วยหลายๆ สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะข่าวไอทีที่ให้ติดตามได้สนุกๆ…