ปกติ การวินิจฉัยโรคไข้เลือดออก จะวินิจฉัยเมื่อเจาะเลือดแล้วมีเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดต่ำ ซึ่งตามตัวโรคจะต่ำเมื่อเข่้าสู่วันที่ 3-4 ของอาการไข้ ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเจาะเลือดในวันแรกๆ เพราะเจาะออกมาก็ปกติ ทำให้บางทีเกิด miss diagnosis (การวินิจฉัยโรคผิดพลาด) ได้
ส่วนบางรพ.สามารถตรวจตัวเชื้อไข้เลือดออกได้เลย ซึ่งสามารถเจาะได้ตั้งแต่วันแรก แต่ค่าใช้จ่ายแพง เป็นพัน และส่วนตัวยังมองว่าไม่มีประโยชน์ในการรักษา
การรักษาไข้เลือดออกหลักๆ ไม่มียาฆ่าเชื้อ การรักษา คือ การประคับประคอง ให้ยาพาราลดไข้ ให้ ORS ในกรณีที่ทานไม่ได้ และเมื่อคนไข้มีภาวะแห้งมาก จึงจะให้น้ำเกลือ ซึ่งการให้น้ำเกลือโดยไม่จำเป็น หรือมากเกินไปในคนไข้ไข้เลือดออก ก็จะทำให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ไข้ลง อาจทำให้มีภาวะน้ำท่วมปอด หรือน้ำในช่องท้องได้
อาการจะเป็นอยู่ประมาณ 7 วันแล้วหายเอง ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ยกเว้นคนไข้ที่แห้งมาก หรืออาการหนัก หรือเกร็ดเลือดต่ำมากๆ
ดังนั้น เเนื่องจากช่วงนี้ไข้เลือดออกระบาดอยู่ เริ่มแรก คือ ทานพารา พยายามทานน้ำและอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ และหากมีไข้สูงลอย 3 วันไม่ดีขึ้นก็ให้ไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือด และหากเจาะเลือดแล้ว เข้าข่ายไข้เลือดออก แพทย์อาจต้องนัดมาเจาะเลือดทุกวัน จนกว่าไข้จะลงดี 24 ชม. เพื่อดูปริมาณเกร็ดเลือด เฝ้าระวังภาวะเลือดออกที่ไม่พึงประสงค์ในกรณีที่เกร็ดเลือดต่ำมากๆ
ก่อนเจาะ หมอฝนจะขอคนไข้ก่อนค่ะ ถ้าเค้าเบิกประกัน หรือว่าจ่ายได้ก็เจาะ ไม่ต้องรอ วันที่3-4 ไม่ต้องคาใจ แต่มันไม่ได้มีทุก รพ.
แต่ถ้าจ่ายเอง หมอฝนว่ายังไม่จำเป็นต่อการรักษาอยู่ดี
อีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีเมนส์ก็บอกหมอด้วยนะคะ ถ้านิดๆ หน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันแรกๆ หรือมาเยอะ ก็อันตราย อาจต้องให้กินฮอร์โมนหยุดเมนส์ไปก่อน รอเกร็ดเลือดกลับมาปกติแล้วค่อยให้มาใหม่
อีกเรื่องๆๆๆ ช่วงที่เป็นไข้เลือดออก ควรงด อาหารดำแดง น้ำโค้ก ช็อกโกแลต น้ำมะเขือเทศ กาแฟ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก อะไรเทือกนี้ เพราะหากเกร็ดเลือดต่ำ แล้วซวยมีแผลในกระเพาะด้วย มันจะเลือดออกได้ ทีนี้อาเจียนออกมา เป็นสีดำๆแดงๆ หมองง ไม่รู้ว่าเป็นเลือดหรือของที่เพิ่งกินเข้าไป
ส่วนชื่อ "ไข้เลือดออกนั้น" เข้าใจว่ามาจากภาวะเกร็ดเลือดต่ำ แล้วมีจุดเลือดออกตามตัวค่ะ