เห็นบนเฟซบุ๊กมีการพูดกันบ่อยๆว่า แกนนำ นปช.พาคนไปตาย พาคนไปติดคุก แกนนำไม่รับผิดชอบกับชีวิตของมวลชน ผมคิดว่ามันเป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่นเพื่อเป็นการยกตนขึ้นสูง หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม
จำได้ว่าจำลอง ศรีเมือง ก็โดน ชวน หลีกภัย จาก ปชป.เล่นเรื่องนี้เมือการเลือกตั้ง ปี 35 ปัจจุบันนี้ ใครที่โดนข้อหานี้บ้างก็คงไม่ต้องกล่าวถคึง และใครที่พูดเรื่องนี้มากๆก็คงไม่ต้องกล่าวถึง ไล่ดูเอาในเฟซบุ๊กก็คงเห็นอยู่เยอะเพราะมันถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ
คือถ้าใครที่คิดขึ้นมาเป็นแกนนำในขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อสู้กับรัฐที่มีขีดความพร้อมในการใช้ความรุนแรงกับประชาชน ก็ขอให้เตรียมตัวรับข้อกล่าวหาซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นข้อสรุปนี้ไว้ได้เลย
อาจอ้างว่า"สิ่งที่เห็นเป็นอย่างนั้น" หากแต่ว่า "ข้อเท็จจริง"เป็นอย่างนั้นหรือไม่ ไม่มีใครสามารถพิสูจน์
ไม่แน่ใจว่ามีมวลชนที่ลงไปเดินถนนตามหลังแกนนำคิดอย่างนี้บ้างหรือไม่ และมวลชนมีทัศนะหรือความรู้สึกอย่างไรต่อข้อกล่าวหาทางศีลธรรมที่มีค่อแกนนำของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันมีผลต่อกระบวนการเคลื่อนทั้งหมด มวลชนที่ถูกแกนนำพาไปตายอยู่เรื่อยๆนี่มันจะถูกลดค่าเป็นมวลชนแบบไหน??
เคยถามพวกเขาสักคำไหม??
ถ้ามวลชนไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาดังกล่าว มวลชนมีช่องทางในการอธิบายได้อย่างไร เสียงของเขาจะได้รับการรับฟังหรือไม่ เสียงสะท้อนของเขาจะถูกนักศีลธรรมทางการเมืองเก็บกลับไปคิด จะถูกนำไปพยายามทำความเข้าใจซุ่มเสียงที่ดูแปลกแปร่งดูไม่เป็นวิชาการหรือไม่
มวลชนจะได้ข้อหาตามมาหรือไม่ว่า มวลชนก้าวข้ามไม่พ้นนู่นนี่นั่น , มวลชนยังอยู่ใต้ร่มเงาระบอบอุปถัมภ์ของแกนนำและนักการเมือง ,มวลชนยังไม่ยอมเติบโตฯลฯ
เกือบสิบปีหลังรัฐประหาร 2549 พวกท่านมองมวลชนอย่างไร? มวลชนไม่ได้เรียนรู้อะไรนเส้นทางๆการเมืองที่ผ่านมาเลยใช่หรือไม่?
ในทางกลับกันผมกลับคิดว่าเมื่อไหร่นักศีลธรรมเหล่านี้จะเติบโตเสียที เมื่อไหหร่ที่พวกเขาจะสามารถสร้างข้อเสนอทางการเมืองของตัวเองให้กับมวลชนและก้าวข้ามธรรมาสน์ลงมาสื่อสารกับมวลชนและนำมวลชนต่อสู้สักที
เดาว่าไม่มีน้ำยา !
แต่ถ้ามีน้ำยาพอ ก็ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่าให้เตรียมตัวรับทราบข้อกล่าวหา"แกนนำพาคนไปตาย"จากนักศีลธรรมทางการเมืองรุ่นต่อไปได้เลย
ให้กำลังใจ
ปรับแต่งเล็กน้อยจาก https://www.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/958600724184079?pnref=story