จากกรณี ชาวอุรักลาโว๊ย และชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆถูกคุกคาม นี่ผมเห็นใจนะ พยายามช่วยเหลือกันไปตามอัตภาพ
แต่พอมี ขาใหญ่ภาคประชาชน NGOs นกหวีด ออกมาโวยวายถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านนี่ผมขอถอย ไม่ร่วมสังคายนาด้วย
ไม่ได้เหมารวมนะ เพื่อนของผมหลายคนที่หนุนรัฐประหาร ปี 49 พอเจอเหตุการณ์ปี 52-53 แล้วกลับใจชัดเจนนี่โอเคนะ ผมไม่ติดใจ ใครๆก็ผิดกันได้ ผมก็เคยผิดพลาดมาไม่น้อย
แต่ไอ้พวกหนุนรัฐประหาร ปี 49 แล้ว ปี 57 มันก็ยังสนับสนุนรัฐประหารเหมือนเดิมอีก นี่ถ้าจะมาบอกว่าให้อภัย มันก็ดูเหมือนว่าจะดูถูกกันไปหน่อย
ต้องเออ ออ จับไม้ จับมือ. เห็นดี เห็นงาม ไปกับไอ้พวกที่หนุนรัฐประหารสองครั้งซ้อนนี่ผมไม่เอานะ ผมไม่ได้เป็นโรคความจำสั้น แล้วก็ยังไม่โง่พอ
เรื่องเพื่อนพ้องมันเป็นเรื่องส่วนตัว ใครใกล้ชิดใครนี่ผมไม่ก้าวล่วง คบหากันตามสบาย แต่เรื่องการรัฐประหารนี่มันเป็นเรื่องส่วนรวม มันเลวร้ายเหมือนกับการฆ่าคนน่ะแหละ จะให้ร่วมวงไพบูลย์นี่คงไม่ไหว
คนประเภทไหนกัน ที่มันจะประกอบอาชญากรรมกับระบอบการปกครองของบ้านเมืองไทยได้ถึงสองรอบ คนประเภทไหนกันที่อ้างความเดือดร้อนของประชาชนแต่ขณะเดียวกัน ก็ได้ร่วมมือกับทหารปล้นชิงอำนาจของประชาชนไป
ในทางส่วนตัว ผมคิดว่าคนพวกนี้ 'คบไม่ได้'
แต่ถ้ามองในส่วนของขบวนการเคลื่อนไหว หลายคนอาจติงหรือเสนอว่าให้จัดความสัมพันธ์อยู่ในระดับเป็น 'แนวร่วม' ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในทางหลักการ เพราะก็เห็นๆอยู่ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถ้าไม่มีแนวร่วมมันก็คงจะไม่มีทางชนะหรอก แต่อยากขอให้ลงรายละเอียดว่า ใคร ? กลุ่มไหน? ที่มันพอมีราคา นับเป็นแนวร่วม
ไม่ใช่เอะอะอะไร ก็เที่ยวจับมือเซ็นสัญญาเป็นแนวร่วมกับเขาไปทั่ว
แหม่ ก็ไอ้แนวร่วมภาคประชาชนบางตัว อ้าปากตะโกนถึงความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน ขณะที่ 'ขนในที่ลับ'ของขุนทหารยังติดซอกฟันอยู่
ใครจะนับคนพวกนี้เป็นแนวร่วมก็ตามใจ แต่ผมขอบาย
ที่มา: https://www.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/1097336496977167
หมายเหตุ: แรงบันดาลใจจากสเตตัสของ ปุ๊ ระเบิดขวด facebook.com/thanapol.eawsakul