ลักษณะของหลุมที่ทางหลวงชนบทจ้างบริษัทรับเหมาทำถนน มาขยายถนน ระยะทาง 14 ก.ม. ผ่านหน้าบ้านนิส นิสขับรถมอร์ไซด์กลับจากทำงานเข้าบ้านช่วง 21.00 น. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2551 ถนนไม่มีไฟฟ้า ขุดหลุมไว้ก็ไม่มีป้ายเตือนคนใช้รถใช้ถนน ไม่มีอะไรมากั้นหลุมด้วย จึงมีคนขับรถตกลงไปหลายคัน นิสอาการหนักกว่าเพื่อนที่ตกลงไปแล้วหัวฟาดกับขอบปูน สลบไป เจ็บขนาดต้องนอนรักษาตัวนานเกือบ 4 เดือน..ญาติก็ห่วงจนไม่ได้คิดถึงการฟ้องร้องเอาผิดทางหลวงชนบท จนมีชาวบ้านมาบอกว่า คนทำถนนรีบเอาดินมากลบหลุม เพราะกลัวคนที่ตกลงไปมาฟ้องเหมือนกัน..เวรกรรมจริงๆ..
ถนนเส้นนี้ใช้เวลาทำถึง 2 ปี จึงมีคนประสบอุบัติเหตุเยอะ แต่ไม่รู้จะไปฟ้องร้องใครกัน ไม่มีใครรับผิดชอบ
ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระยองนาน 2 เดือน กับอีก 20 วัน ( 13 ธันวาคม 2551 ถึง กุมภาพันธ์ 2552 )
พอนอนอยู่โรงพยาบาลได้ 2 เดือน 20 วัน หมอก็ให้ญาตินำตัวกลับบ้านพร้อมทั้งให้คำตอบกับญาติว่านิสจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่รอดหรอก โอกาสรอดมีแค่ 50% แต่พอมานอนอยู่บ้านได้ 20 วัน นิสก็ฟื้น ตื่นและรู้สึกตัวดีขึ้นมาจนญาติพี่น้องตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่านิสจะฟื้น จะรอด
เมื่อฟื้นมาตอนปลายมีนาคม ก็เริ่มเดินได้ พูดได้ กินได้ นอนหลับ ความคิดความจำกลับมาเหมือนเดิมได้ ภาพนี้เพื่อนพี่น้องที่โอเคเนชั่น จัดงานรับขวัญให้เมื่อ 21 กรกฎาคม 2552 ที่กรุงเทพฯ
พี่ป๋าธนธัช...ที่รักนิสมาก เปรียบประดุจดังพระเกตุ ที่ทำให้นิสรอด
ได้รับกอดมากมาย ทั้งอบอุ่น ทั้งชื่นใจ ทำให้ร่างกายยิ่งแข็งแรงมากขึ้น
ที่รอดมาได้ รอดด้วยพลังแห่งเมตตา พลังแห่งกำลังใจจากมิตรภาพพี่น้องระยอง พี่น้องโอเคเนชั่น ที่ทุกท่านคอยส่งให้นิส ต่างมาเยี่ยมเยื่อนนิส..เหมือนมีมือมากมายที่ยื่นลงไปในหลุมที่นิสตกลงไป ยื่นให้นิสคว้าและเมตตา กำลังใจเหล่านี้ต่างก็ดึงนิสขึ้นมาได้สำเร็จ..สาธุ
ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 23 สิงหาคม 2552 ที่ระยอง..ตอนนี้นิสแข็งแรงดีแล้วจ้ะ เหลือเพียงตาข้างซ้ายที่ยังต้องหาหมอรักษาอยู่ ตาขวาหายดีมองได้ชัดเจนแล้ว เหลือเพียงตาซ้ายที่รอให้หมอชัยรัตน์ เสาวพฤทธิ์ จักษุแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ ผ่าตัดให้ 25 มกราคม 2553 ... ที่ตามองไม่เห็นเป็นเพราะตอนที่ตกลงไปในหลุมหัวไปฟาดกับขอบปูนทำให้เลือดออกมาและซึมเข้าไปในตาทั้งสองข้าง เมื่อฟื้นมาตาจึงมองไม่เห็น ต้องผ่าตัดรักษา ตาจะปกติดี..