Skip to main content

ความรักมักเป็นสิ่งหอมหวานเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยหนุ่มสาวแรกแย้ม การประสบพบเจอกับใครซักคนโดยไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้เรารู้สึกในจิตใจได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็น คนนี้น่ารัก คนนี้น่าเกลียด คนนี้เป็นสิว คนนี้ตาเหล่ และคงมีอื่นๆอีกมามายเป็นแน่ และทั้งหลายทั้งปวงวัยรุ่นหนุ่มสาวก็คงเคยที่จะพบใครซักคนซึ่งเป็นเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันที่คุณถูกตาต้องใจเมื่อแรกเห็น หากจะกล่าวกันให้เข้าใจก็คือ นี่แหละคือ “รักแรกพบของฉัน”

รักแรกพบมักจะมากับจินตนาการเสมอราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะดีหากตัวเราได้เธอหรือเค้ามาครอบครอง เราจินตนาการไปถึงขนาดที่ว่า ถ้าสองเราสามารถก้าวเข้าสู่ความรักเสมือนหนึ่งนิยายรักโรแมนติกกับเขาหรือเธอแล้วก็จะทำให้ไม่มีผู้ใดอีกแล้วในโลกนี้ที่จะมีความสุขเท่าสองเรา เราวาดฝันเอาไว้อย่างสวยงามในจินตนาการของเรากับรักแรกพบอันนี้

หลังจากนั้นเมื่อจินตนาการก้าวย่างสู่ความเป็นจริง ความรักที่เกิดขึ้นเมื่อแรกพบก็จะพบกับสิ่งอื่นที่เข้ามาสอดแทรกอยู่เสมอ มีคำถามเกิดขึ้นมาว่าในที่สุดแล้วความรักล้วนๆมันมีอยู่จริงหรือไม่ ความรักที่บริสุทธิ์ปราศจากการมีส่วนร่วมของสิ่งอื่นดังจินตนาการมีหรือไม่ เมื่อหนุ่มสาวได้พบกันแรกเห็นก็จะบอกกับตัวเองว่าคนนี้ใช่ คนนี้สมควรที่จะเป็นภรรยาของเรา หลังจากนั้นเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีไม่ปฏิเสธทั้งสองก็คงเริ่มที่จะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ทางหนึ่งเมื่อผู้ชายทราบว่าผู้หญิงคนนั้นมีคู่แล้วก็คงต้องกลับมาตรึกตรองอีกครั้ง ทางหนึ่งเมื่อรู้ว่าผู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกผู้สูงศักดิ์กว่ามากคุณก็คงต้องกลับมาตรึกตรองอีกครั้ง ทางหนึ่งเมื่อพบว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่มีนิสัยใจคอที่ต่างจากคุณสุดขั้วก็คงต้องกลับมาตรึกตรองอีกครั้ง เหล่านี้กลับทำให้เห็นว่า ความรักล้วนๆด้วยตัวของมันเองเอาเข้าจริงย่อมหาได้ยาก หากแต่ต้องมีสิ่งอื่นที่ผสมอยู่กับคำว่า “ความรัก” เสมอ ดังนั้นในที่สุดแล้วการตัดสินใจที่จะรักสิ่งใดก็มักจะมีเหตุผลทาง สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และอื่นเข้ามาร่วมด้วยเสมอ

เมื่อแรกเห็นและเกิดความรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่งครั้งแรกพบ (at first sight) ก็อาจชวนให้เราหลงใหลกับมัน เสมือนหนึ่งดอกไม้ที่โชยกลิ่นเกสรอันหอมหวานให้หมู่มวลผึ้งตัวน้อยๆมาลิ้มชิมรส แต่พอได้เข้าใกล้เมื่อหมู่มวลผึ้งพบว่าดอกไม้นี้มันรสชาดที่ไม่น่าอภิรมย์นักก็มิใคร่ที่จะไปดอมดมสัมผัสรสอีกต่อไป ดังนั้น LOVE AT FIRST SIGHT ก็มักจะถูกทำลายลงด้วยสิ่งอื่นอยู่เสมอ จนในที่สุดแล้วทางออกก็คือ “การจากลา”

 

บล็อกของ เผ่า นวกุล

เผ่า นวกุล
"โดยโครงสร้างทางความคิดของสังคมไทยมันบล็อคให้ชาวนาต้องจนตลอดไป นักธุรกิจต้องรวย ผมไม่รู้หรอกครับว่าโครงการฯรัฐต่างๆมันเลวทรามต่ำช้ามากน้อยเพียงใด แต่ที่ผมชอบมันก็เป็นสิ่งที่เข้าไปกระทบโครงสร้างทางความคิดของสังคมเสมือนการเขย่าขวดที่มีตะกอนอนก้น อย่างน้อยก็ทำให้ตำแหน่งในสังคมของชาวนามันขยับเขยื้อนบ
เผ่า นวกุล
เก่าไป ใหม่มา โดย : เผ่า นวกุล  
เผ่า นวกุล
มีคนกล่าวทำนองว่า "พรรคเพื่อไทยเก่งที่สามารถทำให้คนจน คนมีการศึกษาน้อย สนับสนุนตนเองได้" แต่ผมว่าที่เก่งกว่าคือ "พรรคประชาธิปัตย์ที่สามารถทำให้ ชนชั้นกลาง คนผู้มีการศึกษา สนับสนุนและเชื่อว่าตนเป็นคนดี"
เผ่า นวกุล
http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5
เผ่า นวกุล
บทความชิ้นนี้เป็นบทความที่ผู้เขียนนำเสนอต่อ คุณเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ครั้งเมื่อสมัยศึกษาอยู่ในระดับบัณฑิตศึกษา ได้รับคำแนะนำจากท่านเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มของการเริ่มเขียนบทความเชิงวิชาการก็ว่าได้  แต่ความสำคัญของเรื่องไม่ได้อยู่ที่เรื