Skip to main content

หากกล่าวถึงความรักคงต้องบอกว่าหลายคนมักมีนิยามต่างกันไป ความรักเปรียบเสมือนยาขม ความรักเปรียบเสมือนน้ำผึ้งชโลมจิตใจ หรือแม้แต่ในซีรีย์อภินิหารของจีนก็ยังมีการกล่าวถึงความรักในทำนองที่ว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เป็นต้น คงมีหลายแง่มุมที่เราพอจะมองถึงนิยามความรัก นิยามความรักหากเราแบ่งพวกแบบคร่าวๆตามความหมายในนิยามก็จะพบนัยของความรักอยู่สองอย่างคือ ความรักคือความสุข หรือ ความรักคือความทุกข์ เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าตกลงแล้วความรักมันคือสุขหรือทุกข์กันแน่ หรือว่าเอาเข้าจริงความรักก็ประกอบด้วยความหลากหลายภายในตัวของมันเอง

ข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นแง่หนึ่งของนิยามความรักที่น่าชวนคิดและสนใจอยู่ไม่น้อย นอกจากเรื่องความหลากหลายภายในตัวของความรักแล้ว เรื่องที่น่าสนใจของความรักก็มีจุดเน้นอีกทางหนึ่งที่สำคัญก็คือ ความรักที่มาพร้อมการละเมิดกำเกณฑ์ต่างๆ หากกล่าวตามหลักคิดตะวันตกการพรรณนาถึงเหตุการณ์ที่สำคัญภายในสรวงสวรรค์ คงหนีไม่พ้นการกล่าวถึงมนุษย์คู่แรกของโลกที่ก่อการละเมิดจนต้องถูกอัปเปหิมายังพื้นโลกทำให้ต้องสูญเสียความเป็นอมตะไปในที่สุด

แม้นว่าตามหลักคิดทางศาสนาจะปฏิเสธและมองว่าการร่วมรักถือว่าเป็นบาปอย่างมหันต์ เหตุผลหนึ่งซึ่งใช้อธิบายก็คือ การร่วมรักนั้นเป็นการเรียนแบบมาจากสัตว์ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่ามนุษย์ลดตัวเองไปอยู่ในโลกของความเป็นสัตว์จึงถือว่าในที่สุดแล้วการร่วมรักก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ดีหากจะไม่มีช่องว่างให้มีการร่วมรัก ก็เท่ากับว่ามนุษย์ก็จะถึงการอวสานในที่สุดเพราะการห้ามมิให้สืบพันธุ์ก็เท่ากับว่าเป็นวิธีการที่ทำให้ไม่สามารถมีสมาชิกใหม่ภายในสังคมได้ การผ่อนปรนเงื่อนไขจึงบังเกิดขึ้นโดยพระเจ้าเองก็ยอมให้มนุษย์สามารถร่วมรักกันได้แต่การร่วมรักนั้นต้องกระทำภายใต้เงือนไขของ “การสืบพันธุ์” เป็นหลัก เมื่อการร่วมรักต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการสืบพันธุ์ ดังนั้น การร่วมรักตามกรอบคิดของคริสต์ศาสนาก็อนุโลมให้มีการร่วมรักกันภายใต้สถาบันการ “แต่งงานหรือครอบครัว” เท่านั้น กล่าวได้โดยสรุปว่า การร่วมรักที่มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะสืบพันธุ์ก็ถือว่าผิดต่อเจตจำนงของพระเจ้าซึ่งเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง

เมื่อการร่วมรักจำกัดอยู่แค่ในสถาบันครอบครัว ดังนั้นการร่วมรักที่ไม่อยู่ในสถาบันครอบครัวก็ถือเป็นบาปอย่างมหันต์ ไม่เพียงเท่านั้นหากการร่วมรักแล้วผู้ชายไม่ปล่อยน้ำอสุจิของตนเข้าร่างกายของฝ่ายหญิงก็ถือว่าเป็นบาปเช่นกัน เพราะเราต้องไม่ลืมว่าการร่วมรักเจตจำนงของพระเจ้านั้นอยู่ที่การสืบพันธุ์ดังนั้นเมื่อการร่วมรักแล้วไม่นำอสุจิเข้าไปในร่างการของฝ่ายหญิงก็เท่ากับจงใจที่จะละเมิดและจงใจที่จะไม่ต้องการมีทายาทซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเป็นอันมาก

กล่าวได้ว่าการร่วมรักแบบเสร็จข้างนอกถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ในที่สุดแล้วเป็นสัญลักษณ์ของการละเมิดต่อพระเจ้าโดยมนุษย์ก็ว่าได้ ดังนั้นหากเรากล่าวถึง “ถุงยางอนามัย” สรรพคุณของมันกล่าวโดยสรุปได้ว่าอย่างน้อยที่สุดก็ป้องกันการตั้งครรภ์โดยการกั้นน้ำอสุจิไว้เมื่อเพศชายหลั่งทำให้สเปิร์มไม่สามารถเข้าสู่มดลูกของเพศหญิงได้ เมื่อไม่มีสเปิร์มก็ไม่มีการตั้งครรภ์

เมื่อสรรพคุณของถุงยางอนามัยชัดเจนถึงขนาดนั้นก็กล่าวได้ว่า การมีอยู่ซึ่ง “ถุงยางอนามัย” นั้นก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วหลักศาสนาก็แพ้อย่างราบคาบให้กับมนุษย์ มนุษย์ได้ทำการละเมิดต่อพระเจ้าโดยชัดแจ้ง ในที่นี้ก็สะท้อนให้เห็นในแง่หนึ่งว่า ตะวันตกเองการต่อสู้กันในเรื่องของศาสนามีมาตั้งแต่สมัยกาลนาน แสดงให้เห็นพื้นที่ที่มนุษย์ก้าวล่วงไปในศาสนาและสามารถบดขยี้ความเชื่อทางศาสนาได้อย่างราบคาบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการมีอยู่ของ “ถุงยางอนามัย” นั่นเอง

nawakulbanrai@gmail.com

บล็อกของ เผ่า นวกุล

เผ่า นวกุล
"โดยโครงสร้างทางความคิดของสังคมไทยมันบล็อคให้ชาวนาต้องจนตลอดไป นักธุรกิจต้องรวย ผมไม่รู้หรอกครับว่าโครงการฯรัฐต่างๆมันเลวทรามต่ำช้ามากน้อยเพียงใด แต่ที่ผมชอบมันก็เป็นสิ่งที่เข้าไปกระทบโครงสร้างทางความคิดของสังคมเสมือนการเขย่าขวดที่มีตะกอนอนก้น อย่างน้อยก็ทำให้ตำแหน่งในสังคมของชาวนามันขยับเขยื้อนบ
เผ่า นวกุล
เก่าไป ใหม่มา โดย : เผ่า นวกุล  
เผ่า นวกุล
มีคนกล่าวทำนองว่า "พรรคเพื่อไทยเก่งที่สามารถทำให้คนจน คนมีการศึกษาน้อย สนับสนุนตนเองได้" แต่ผมว่าที่เก่งกว่าคือ "พรรคประชาธิปัตย์ที่สามารถทำให้ ชนชั้นกลาง คนผู้มีการศึกษา สนับสนุนและเชื่อว่าตนเป็นคนดี"
เผ่า นวกุล
http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5
เผ่า นวกุล
บทความชิ้นนี้เป็นบทความที่ผู้เขียนนำเสนอต่อ คุณเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ครั้งเมื่อสมัยศึกษาอยู่ในระดับบัณฑิตศึกษา ได้รับคำแนะนำจากท่านเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มของการเริ่มเขียนบทความเชิงวิชาการก็ว่าได้  แต่ความสำคัญของเรื่องไม่ได้อยู่ที่เรื