Skip to main content

หลายปีก่อนเมื่อครั้งฉันยังเร่ร่อนเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วยังไม่รู้จะนอนไหนนั้น นึกแบบเด็กแนวก็รู้สึกถึงอิสรเสรีภาพอันหอมหวาน ในวันวัยเช่นนั้น ฉันมีความสุขกับการเดินทางไปมา ผู้หญิงคนหนึ่งกับรถคันหนึ่ง เป้หนึ่งใบ อุปกรณ์การยังชีพ และชุดทำงานพร้อม เมื่อว่างเว้นจากงานประจำ มีวันหยุดเมื่อไร หรือบางครั้งแค่มีเวลาสักครึ่งวันฉันก็โลดแล่นไปมาระหว่างเมืองแล้วเช้าก็บึ่งรถกลับมาทำงานทันเวลา


บ่อยครั้งที่เตรียมการสอนที่หลังพวงมาลัย ช่วงเวลานิ่งเงียบระหว่างขับรถคนเดียวเป็นช่วงเวลาที่สมองคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างขับรถจึงเป็นเวลาเรียบเรียงหัวข้อและรายละเอียดที่จะไปพูดคุยกับเด็ก ๆ ในชั่วโมงข้างหน้า


บางเวลาฉันก็จับเจ่าอยู่กับรังพักได้นานสองนานเช่นกัน ห้องพักเล็ก ๆ ขนาด 3*4 เมตร ประตูกว้าง กับหน้าต่างสองบาน วางเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะวางทีวี กับคอมพิวเตอร์ ห้องนั้นก็เหลือพื้นที่ว่างประมาณ 2 ตารางเมตร เล็กจนแทบไม่ต้องทำความสะอาด หลังห้องมีระเบียงยื่นออกไป นอกระเบียงเป็นแนวต้นแคฝรั่งปลูกเป็นแถวยาวเหยียด ถัดไปเป็นสนามฟุตบอล และสระว่ายน้ำ ถัดไปเป็นภูเขาที่ชื่อว่า ดอยพระบาท


ยามพักจากการเดินทางฉันมักหมกอยู่ที่นี่ นั่งดูดอกไม้บาน ยามหนาวนั้นแคฝรั่งทิ้งใบออกดอกขาวเต็มต้น ความเงียบสงบของที่นี่ทำให้มีนกจำนวนมาก ฉันชอบส่องดูนก แต่ไม่รู้สึกสนุกกับการดูเพราะไม่รู้ว่าคือนกอะไร ดูแล้วเห็นว่าสวย ขนสวย สีสวย ลีลาการบินสวย แค่นั้นก็จบ แต่ที่ชอบมากคือการแอบดูนกคาบเส้นหญ้าแห้ง ๆ มาสร้างรังที่ต้นแคฝรั่งหลังห้องฉัน เสียงจิ๊บ ๆ และความเคลื่อนไหวหลังห้องทำให้ฉันต้องเบาเสียงตัวเองเพราะอยากรู้


นกค่อย ๆ คาบเส้นหญ้าแห้ง ๆ บินมาที่นี่ วางหญ้าแล้วบินไป แล้วบินมาพร้อมกับหญ้าแล้ววาง เป็นเช่นนี้จนหญ้าเหล่านั้นสานกันกลายเป็นบ้านนกที่ค่อย ๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภาพยามนั้นยังอยู่ในความทรงจำ ฉันมองยิ้มแล้วคิดว่านกยังมีบ้าน สร้างบ้านเอง เป็นสถาปนกที่ทำให้เห็นอยู่ตรงหน้า คนมีสองมือสองแขน มีงานทำ สักวันถ้าจะสร้างบ้านจะนึกถึงสถาปนกที่นี่


แต่การสร้างบ้านของคนนั้นยากเย็นแสนเข็ญ เพียงแค่เริ่มแรกฉันก็รู้แล้วว่า การสร้างบ้านคือสงครามอย่างหนึ่ง เป็นประโยคที่ผุดขึ้นมาเมื่อคุยกับเพื่อน เมื่อพูดประโยคนี้กับใครที่เคยสร้างบ้านทุกคนก็จะพยักหน้าและบอกตรงกันไม่ลังเลว่าถูกต้อง


ในความยากลำบากนั้น ฉันอดเทียบกับการบินครั้งแล้วครั้งเล่าคาบหญ้ามาทีละเส้นสองเส้น กว่าจะเป็นบ้าน หรือนกก็ใช่จะสร้างบ้านได้ง่าย ๆ นกสร้างบ้านด้วยสองปีก แต่คนสร้างบ้านด้วยสองมือ แล้วหาเงินมาซื้ออิฐ หิน ดิน ทราย และเหล็ก ที่ขึ้นราคาทุกวัน


นกยังมีบ้านได้

แต่คนไม่มีเงินยากจะมีบ้าน.


14_7_01

ที่ดินผืนน้อยของฉัน


14_7_02
ยามตะวันรอน


14_7_03
หลังบ้าน

14_7_04
ที่ร้านขายประตูไม้เก่า




บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…