Skip to main content

เพลงเก่าแก่ท่วงทำนองแสนเศร้า กับเนื้อหากินใจจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือเวลาในขวดแก้ว ของประภัสสร เสวิกุล นิยายรุ่นยี่สิบที่แล้ว ส่วนเพลงนั้นไม่ต้องพูดถึง เก่ามาก จนต้องเช็คอายุคนรู้จักเพลงนี้ หรือชอบ น่าจะต้องใกล้เคียงสี่สิบอัพ เก็บเพลงนี้ไว้ในสต็อคเสียนาน ฟังไม่เคยจบเสียที เพราะทนอารมณ์เพลง และเสียงกีต้าร์เหงา ๆ ที่ฟังแล้วใจเหี่ยวไม่ได้ แต่สำหรับบางคนฟังเพลงและเสียงกีตาร์ของจิมแล้วกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น

จิมเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 30 ปี มีอัลบั้มออกมาขณะมีชีวิตอยู่ 2 ชุด ส่วนชุดที่ 3 นั้นออกมาหลังจากเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกเพียง 1 วัน

อ่านประวัติจิมได้ในนี้ค่ะ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=24/Jun/2550&news_id=144093&cat_id=220300
 

ช่วงนี้จิตใจรกรุงรังจนไม่มีอารมณ์เศร้ากับเพลง (ฮา) ก็เลยรีบหยิบมาฟัง เนื้อหาดีนะเพลงนี้ พูดถึง "ถ้า" ซึ่งทำให้รู้ว่าความเป็นจริงนั้นคงไม่สวยงาม คนถ้าขึ้นต้นว่า "ถ้า" แล้วล่ะก็แปลว่ามันเซ็ง ไม่ก็ฟุ้งซ่าน ฮาฮา ลองนึกดูว่าถ้าเราเก็บเวลาไว้ในขวดแก้วได้ ขวดใบนั้นจะเป็นอย่างไร เพราะวันเวลาของคนไม่เหมือนกัน เพลงอาจเก็บเวลาดี ๆ อดีตอันแสนหวาน ความหวัง ความฝัน รวมทั้งสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหลาย พวกที่ไม่ยอมปล่อยอดีตให้ผ่านไป พวกเจ็บจำไปถึงปรโลก

ฟังเพลงนี้แล้วถ้าฉันเก็บเวลาไว้ในขวดแก้วได้ ขวดคงแตกแหละ เพราะความเป็นคนชอบเก็บจนรกรุงรังไปหมด ในขวดคงเต็มไปด้วยเรื่องที่ดี ๆ มากมาย หลายเรื่องฉันจำไม่ได้ จนกระทั่งมีคนมารื้อฟื้นให้ฟัง และมีหลายเรื่องที่เลวร้าย บาดเจ็บ สกปรก จนต้องรีบซุกไว้ในขวดแล้วปิดจุกพร้อมคำสาปแช่งให้คนรับเปิดออกมาหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ได้

ขวดของคุณล่ะ จะเป็นยังไงกันบ้าง

If I could save time in a bottle
The first thing that Id like to do
Is to save every day
Till eternity passes away
Just to spend them with you

If I could make days last forever
If words could make wishes come true
Id save every day like a treasure and then,
Again, I would spend them with you

But there never seems to be enough time
To do the things you want to do
Once you find them
I've looked around enough to know
That you're the one I want to go
Through time with

If I had a box just for wishes
And dreams that had never come true
The box would be empty
Except for the memory
Of how they were answered by you

But there never seems to be enough time
To do the things you want to do
Once you find them
Ive looked around enough to know
That youre the one I want to go
Through time with

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…