Skip to main content

 

หลายคนถามว่าถ่ายรูปอย่างไรให้สวย ช่วยสอนหน่อยได้ไหม ความที่ไม่ได้ร่ำเรียนเรื่องการถ่ายภาพมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เราสอนเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้เช่นกัน คำตอบที่บอกไปส่วนใหญ่จะบอกแบบโยนกล้องให้แล้วไปหาเอา

\\/--break--\>

กำปั้นทุบกล้อง...ข้อแรกคือถ่ายรูปมือต้องนิ่งที่สุด

 

ยุคนี้ถือเป็นยุคทองของคนรักการถ่ายภาพ เพราะกล้องดิจิตอลที่เราใช้กันอยู่นี้ นอกจากทำให้ประหยัดสตางค์ซื้อฟิล์ม ประหยัดเวลา ถ่ายปุ๊บเห็นปั๊บ ไม่ต้องรอให้ฟิล์มหมดแล้วล้างรูปอัดรูปจึงจะเห็นภาพผลงานที่เราถ่าย กล้องดิจิตอลเห็นภาพได้ทันที ภาพไม่ดีลบทิ้ง ทำให้เราถ่ายได้จำนวนมากเท่าที่ต้องการ

 

แต่ถ่ายยังไงให้ดี ... กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ที่คนใช้กันเป็นกล้องคอมแพค หรือกล้องตัวเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ กล้องเหล่านี้จะมีระบบอัตโนมัติ และยังสามารถเล่นแบบธรรมดา ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ และรูรับแสงได้ หากยังชอบแบบ manual อยู่ ข้อดีของกล้องแบบนี้คือตัวเล็ก พกพาง่าย แต่ข้อเสียสำหรับเราคือมีน้ำหนักเบาเกินไป เวลาถ่ายเราไม่อาจวางกล้องในอุ้งมือแล้วแนบตาไปที่กล้องเหมือนกล้องรุ่นเก่า กล้องแบบนี้ต้องมองผ่านจอของกล้อง ซึ่งน้ำหนักที่เบานี้ทำให้กล้องไหวง่าย เมื่อกล้องไหว ก็ทำให้ภาพเบลอได้ง่าย จะแบกขาตั้งกล้องไปทุกที่ก็ไม่ไหว ยิ่งถ่ายในที่แสงน้อยๆ ยิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็มีวิธีแก้ไขอยู่เหมือนกัน

 

รูปที่ยกมานี้ ถ่ายตอนเช้าตรู่ในป่าดิบชื้นบนดอยอินทนนท์ แสงน้อยมาก ทำตัวให้นิ่งยังไง มือและร่างกายเราไม่ใช่ก้อนหิน ยังไงก็ไหว เราแก้ไขด้วยการเปิด ISO ให้สูงขึ้น กล้องทุกตัวจะมีค่า ISO ให้เลือกตั้งแต่ 80 ไปจนถึง 1600 ของเราไปถึงถึง 3200

 

ค่า ISO คือค่าความสามารถในการรับแสงของฟิล์ม สมัยก่อนใช้กล้องฟิล์มจะมีฟิล์มให้เลือกหลายแบบ เช่น ฟิล์ม 100, 200, 400 เวลากลางวันแสงเยอะ ๆ เราใช้ฟิล์ม 100 แต่เวลามืด หรือกลางคืนเราใช้ฟิล์ม 400 เพื่อรับแสงได้มากขึ้น กล้องดิจิตอลก็ปรับโหมดนี้มาไว้ในระบบเช่นกัน แสงปกติเราตั้งค่า ISO ที่ 100 แต่ถ้าแสงน้อยๆ เราปรับตัวเลขให้มากขึ้น เพื่อให้กล้องรับแสงได้มากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะสัมพันธ์กับความไวชัตเตอร์ ถ้าแสงมากชัตเตอร์เปิดและปิดอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้แสงเข้ามามากเกินไปจนทำให้ภาพขาวเว่อร์ ความเร็วชัตเตอร์เร็วนี้ก็ทำให้โอกาสที่จะจับภาพขณะมือสั่นไหวก็น้อย แต่ถ้าแสงน้อย ชัตเตอร์ก็จะเปิดเพื่อรับแสงในการจับภาพ และปิดลงมาช้าลง เพื่อให้แสงเข้ามามากพอสำหรับภาพ ตรงความช้านี่แหละถ้ามือสั่นภาพก็จะไหวเบลอ

 

การตั้งค่า ISO ให้สูงแบบนี้ เป็นการแก้ปัญหาของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย และไม่มีขาตั้งกล้อง ถ้าถ่ายภาพวิวแบบนี้ แล้วมีขาตั้งกล้อง เราก็จะตั้งค่า ISO ให้ต่ำลงมาเหลือ 100 ก็จะได้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่าได้

 

ดีกว่ายังไง....ค่า ISO สูง ถ่ายออกมาก็จะเสียความละเอียดของภาพไปเยอะ ภาษาช่างภาพเรียกว่า noise เยอะ เราจะเห็นภาพมีเม็ดเล็ก ๆ อย่างชัดเจน แต่ถ้าค่า ISO ต่ำ ภาพจะละเอียดจนมองไม่เห็น noise

 

มีวิธีเล่นกับกล้องอีกเยอะ ไว้เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกันเน้อ...

 

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…