Skip to main content

 


รูปนี้ก็ต้องจับกล้องนิ่ง ๆ เพราะถ่ายท้องฟ้าตอนเย็น

มีกล้องแล้ว ฝึกให้มือนิ่ง ๆ ได้แล้ว สำหรับมือใหม่หัดถ่ายก็อาจใช้โหมด Auto ไปก่อนได้ แต่พอใช้โหมดนี้ไปสักพัก เริ่มเรียนรู้ความสำคัญของความไวชัตเตอร์ และรูรับแสงที่สัมพันธ์กันแล้ว ก็อาจเปลี่ยนมาใช้โหมด Av หรือ Tv ก็ได้ ช่างภาพมักเรียกค่ารูรับแสงว่า f เอฟ

 

โหมด Av ก็คือ เราตั้งค่ารูปรับแสงไว้คงที่ แล้วกล้องจะปรับความเร็วชัตเตอร์ให้สมดุลโดยอัตโนมัติตามสภาพของแสง

 

โหมด Tv ก็คือ เราตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ไว้คงที่ แล้วกล้องจะปรับเอฟ หรือรูรับแสงเพิ่มลดให้อัตโนมัติตามสภาพของแสง

 

 

สำหรับเราชอบใช้ Av ชอบตั้งค่ารูรับแสงต่ำ ๆ ค่ารูรับแสงต่ำ แปลว่าเปิดกว้าง แต่ถ้าค่ารูรับแสงสูงแปลว่าเปิดแคบ ใช้ตอนแดดจัดแสงเยอะเปิดรูรับแสงแคบ ๆ แสงน้อยเปิดรูรับแสงกว้าง ๆ แสงจะได้เข้ามาได้มากพอ และเป็นเทคนิคง่าย ๆ สำหรับการถ่ายภาพแบบให้หน้าชัดหลังเบลอ นั่นก็คือ เปิดเอฟกว้างที่สุด (เอฟกว้างตัวเลขน้อย) ส่วนความเร็วก็แล้วแต่กล้อง

 


รูปนี้มีเหมือนไม่มีคอมโพส

 

หลักการถ่ายภาพว่าไปแล้วก็เหมือนการใช้ชีวิตแหละ ต้องสมดุล ถ้าแสงน้อยภาพก็มืด แสงมากภาพก็โอเวอร์ อยากได้ภาพดีก็ต้องอยู่นิ่ง ๆ มีสติ จับกล้องนิ่ง ๆ มองให้เห็นแสงเงา และตั้งค่าสมดุลของแสงในตัวกล้องให้พอดี กล้องเป็นเครื่องมือในการนำสิ่งที่เราเห็นออกมา และการจะนำออกมาให้สวยได้อย่างไรนั้น มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะฝึกไว้ นั่นคือการจัดองค์ประกอบให้กับภาพ องค์ประกอบหรือคอมโพสสิชั่น หรือบางคนเรียกคอมโพส

 

คอมโพสก็ใช้หลักการสมดุลเหมือนกัน อย่างง่ายที่สุดก็คือเอาไว้ตรงกลาง สองข้างเท่ากัน อย่างภาพบุคคล นอกจากสองข้างเท่ากันแล้ว ก็น่าจะต้องให้ที่ว่างกับด้านบนด้วย ในกรณีที่วัตถุอยู่ด้านล่าง ถ่ายไปมาก ๆ เข้า ความสมดุลอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงกลางเสมอไป น้ำหนักวัตถุอาจโยกมาไว้ซ้าย แล้วหาอะไรมาถ่วงดุลทางขวาให้ภาพ แล้วแต่กรณีไป

 


ภาพแบบนี้มีคนบอกว่าไม่มีคอมโพส แต่เราไม่สน

 

สำหรับเราบางครั้งก็แหกกฎคอมโพสเหมือนกัน เช่นเวลาถ่ายท้องฟ้า บางภาพเราให้พื้นที่วัตถุบนดินนิดเดียว แต่ให้พื้นที่ท้องฟ้ากว้างมาก น้องที่เรียนถ่ายภาพในห้องเรียนมาบอกว่า รูปนี้คอมโพสไม่ได้ แต่เรายืนยันที่จะใช้คอมโพสแบบของเรา ก็ชอบอ่ะ ใครจะทำไม

 

เคยเห็นภาพคนหัวขาดไหม นั่นแหละคือขาดคอมโพส เวลาเรามองในกล้อง เราต้องจัดภาพไปในตัว ต้องทำให้เป็นอัตโนมัติ

 


รูปนี้โฟกัสที่รอยยิ้มของแมวหลับ

 

พูดไปพูดมาก็เหมือนชีวิตอีกนั่นแหละ ทั้งการปรับสมดุลเรื่องแสงเงา และองค์ประกอบ ถ้าปล่อยปะละเลย ภาพชีวิตก็อาจออกมามืดบ้าง สว่างบ้าง แย่หน่อยก็เป็นชีวิตหัวขาด...

ถ่ายเยอะ ๆ ค่ะ ฝึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง

 


ส่วนภาพนี้มีช่องว่างระหว่างแมวตัวขวา ซึ่งเป็นระยะบังเอิญที่นายโด้เดินเข้ามาพอดี ถ้ากดชัตเตอร์ช้ากว่านี้ก็จะไม่ได้รูปนี้ ถ่ายรูปสัตว์ต้องตั้งความเร็วสูง ๆ เพราะมันเคลื่อนไหวตลอดเวลา ยกเว้นแมวหลับ

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…