Skip to main content


ถ่ายภาพเด็กกับสัตว์ให้โฟกัสที่ตา”

ออกจากห้องโสตทัศนศึกษา ห้องปฏิบัติการถ่ายภาพที่โรงเรียนเมื่อสมัยอยู่ม.3 แล้วก็ไม่เคยเข้าห้องเรียนถ่ายรูปที่ไหนอีกเลย เคยเข้าไปเล่นเองบ้างก๊อกแก๊กในห้องอัดของชมรมถ่ายภาพในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้มีโอกาสหมกตัวอยู่ที่สวนทูนอิน บ้านพักของคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นบางช่วง และมีโอกาสเดินถ่ายรูปดอกไม้ยามเช้าในสวนทูนอิน ประโยคที่ยกมาข้างบนนั้นคุณ’รงค์ วงษ์สวรรค์ พูดขึ้นมา (จะเรียกว่าสอนก็น่าจะได้) เมื่อชี้ให้ดูภาพแมวที่เขาถ่ายและใส่กรอบติดไว้ที่ผนังบ้าน

 

 

\\/--break--\>

 

ภาพนี้ก็โฟกัสที่ตา แต่เป็นตาแบบไม่มองกล้อง สภาพแสงตอนบ่ายแก่ ๆ ประมาณสี่โมงเย็น แสงลอดต้นไม้เข้ามาในบริเวณอาคาร ทำให้ได้แสงเหลืองนวล เจ้าชมพูตัวนี้มีจมูกสีชมพูเป็นแมวค่อนข้างเรียบร้อย มักนั่งนิ่ง ๆ ยืนนิ่ง ๆ จึงถ่ายภาพเธอได้ง่ายกว่าตัวอื่น แมวแต่ละตัวก็นิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวเห็นกล้องเห็นคนไม่ได้ ต้องเดินเข้ามาหา ทำให้ถ่ายภาพได้ยาก บางตัวชอบมองกล้อง แต่ที่สำคัญนอกจากมองตาแมวแล้ว เราคิดว่าสัตว์ทุกตัวมีรอยยิ้มเป็นของตัวเอง ลองหามุมกล้องที่หมาแล้วแมวยิ้มให้เจอ แล้วจะได้ภาพน่ารัก ๆ

 

 

 

 

ถ่ายภาพแมวสร้างความรื่นรมย์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยเฉพาะแมวเด็กที่อยู่รวมกันเป็นแมวหมู่นั้น สนุกตรงที่แมวอยู่รวมกันมักไม่อยู่กับที่ จะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ถ้ากล้องมีการประมวลผลเร็วก็จะถ่ายติดต่อกันไปได้เรื่อย ๆ

 

 

 

ภาพที่ยกมานี้ใช้ Nikon D70 เลนส์ 18-70 mm. ที่ติดมากับกล้อง ใช้ได้ครอบจักรวาล เพราะซูมใกล้ได้พอสมควร และความกว้างของหน้าเลนส์ก็พอไปได้เมื่อยามต้องถ่ายภาพวิว แต่กล้อง Canon G 10 ตัวใหม่นี้ประมวลผลช้ากว่า D70 เยอะ ถ่ายเสร็จต้องรอเวลาให้กล้องกลับมา stand by อีกประมาณ 2-3 วินาที ขณะที่ D70 นั้น สามารถถ่ายรัวได้ตลอด เวลาถ่ายแมวจึงสะดวกกว่า เพราะเราสามารถถ่ายไปเรื่อย ๆ แล้วมาเลือกภาพที่ชัดภายหลัง

 

 

 

จับแมวใส่กระด้ง บางครั้งต้องถ่ายถึง 20 รูปแล้วเลือกได้รูปเดียวก็มี บางรูปไม่ชัดเลยก็ลบทิ้ง การถ่ายแมวเยอะ ๆ แบบนี้บางทีก็มั่วเหมือนกัน สิ่งที่ต้องทำคือพยายามหาโฟกัสให้ได้แล้วกดชัตเตอร์อย่างเดียว อ้อ ลืมบอก ถ่ายแมวเราใช้โหมด Av ล็อคหน้ากล้องไว้ให้กว้างที่สุด (ตัวเลขน้อยที่สุด) แล้วกล้องจะปรับความเร็วให้สูงสุดโดยอัตโนมัติ ขึ้นกับสภาพแสง แมวเป็นสัตว์เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จึงต้องใช้ความเร็วหน้ากล้องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจับภาพที่กำลังเคลื่อนไหวนั้นให้ได้

 

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…