Skip to main content

 

เมื่อคืนดูรายการเดอะ สตาร์ ปีหก หลังจากที่เป็นแฟนติดตามดูการแข่งขันมาตั้งแต่ปีที่สอง ชอบลุ้นเหมือนพนันกับตัวเองว่าใครจะได้และใครจะดัง ปีนี้เป็นปีที่หก นักร้องแต่ละคนหน้าตาดีเป็นส่วนใหญ่ เมื่อคืนมีแขกรับเชิญคือน้องแก้ม นักร้องที่ได้รับรางวัลชนะเลิศปีที่แล้ว เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้


เธอร้องเพลงดีมาก เสียงมีพลัง เธอใช้น้ำเสียงและการร้องเพลงของเธอเอาชนะมุมมองการตลาดที่เอารูปร่างหน้าตามานำการร้องเพลง  ปีที่แล้วรู้สึกดีที่เธอได้ เพราะลุ้นไปกับเธอว่าสาวใต้ตัวใหญ่ ผิวคล้ำคนนี้ เธอจะฝ่าด่านไปได้ไหม เธอร้องเพลงดีจริงๆ

 

เมื่อคืน เธอกลับมาเวทีนี้อีกครั้ง ด้วยเพลงของเธอ และก็เป็นธรรมเนียมที่กรรมการสามคนจะคอมเมนท์นักร้อง ทั้งสามคนชื่นชมน้องแก้มในฐานะนักร้อง ที่มีพลังเสียงยอดเยี่ยม และพวกเขาภาคภูมิใจในตัวเธอ โดยเฉพาะพี่ม้านั้นรู้สึกดีที่ให้รางวัลกับ อีดำ คนนี้ กรรมการผมขาวบอกว่า น้ำเสียงเธอทะลุรูปร่างหน้าตา และเธอเป็นไข่มุกดำที่มีค่าของท้องทะเล

 

จากนั้นพิธีกรบนเวทีชายหนุ่มสองคน ก็เริ่มปล่อยมุกความดำของน้องแก้ม เช่น ต้องแต่งหน้านาน (พูดแล้วหัวเราะ) และบรา บรา บรา ว่าด้วยความดำของน้องแก้มผสมกับความภาคภูมิใจในนักร้องเสียงดำ ๆ เอ๊ย ตัวดำ ๆ ขณะที่น้องแก้มซึ่งควรจะยิ่งใหญ่ในฐานะนักร้องที่ชนะด้วยความสามารถ ก็กล้อมแกล้มหัวเราะฮาความดำของตัวเองไปกับพิธีกรทั้งสอง

 

น่าสงสารน้องแก้มที่ต้องได้รับรางวัลบนเวทีที่ไม่ให้เกียรติตัวเองเช่นนี้ ท่ามกลางแสงอันเปล่งประกายที่พวกเขาสร้างขึ้นมา แล้วบอกว่าเป็นดวงดาว  แต่ยังไม่เปลี่ยนความคิดว่านั่นคือดวงดาว ไม่ใช่สะเก็ดอุกกาบาตเหมือนพวกเขา

 

ความอ้วน ความดำ ไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาพูดด้วยความขบขัน ในความเป็นนักร้องของน้องแก้มนั้น เธอใช้เสียงร้องเพลง เราใช้หูฟังเพลง แต่ประเทศนี้ให้สีผิว ใช้รูปร่าง หน้าตา ประกอบเสียงเพลง ทำให้เกิดมุมมองต่อนักร้องที่บิดเบี้ยว นักร้องต้องขาว ต้องเกาหลี ต้องผอม

หาก ก้านบัวบอกตื้นลึกชลธาร  มารยาทส่อสันดานชาติเชื้อ (โคลงโลกนิติ) แล้ว การที่รายการสร้างดาวแบบนี้นำเสนอทัศนะคติแบบนี้ ก็สะท้อนให้เห็นความตื้นลึกชลธารความคิดของผู้ผลิตรายการที่มีปมด้อยต่อเชื้อชาติ และสีผิวของตัวเอง ไม่พอใจ ไม่ภาคภูมิ ต่อสิ่งที่ติดตัวมานี้ จะนำมาเป็นมุกตลกกับดวงดาวที่พวกเขาสร้างขึ้นมา พยายามให้ตลก แต่ไม่ตลก

 

น้องแก้มคือเดอะสตาร์ แต่ในความเป็นพิธีกรของผู้ชายสองคนนั้นไม่ใช่ อยากให้น้องแก้มลุกขึ้นมาประกาศความภาคภูมิใจในผิวคล้ำของตัวเอง อย่าถูกกลืนด้วยมุกโง่ ๆ แบบนั้น 

 

คุณม้า และกรรมการปากจัดอีกสองคน น่าจะให้คะแนนพิธีกรบ้าง อืม ลืมไป คุณม้าก็เรียกอีดำเหมือนกันนี่นะ

 

 

 

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…