Skip to main content

“เมื่อไรลื้อจะมา ลื้อบอกว่าจะมาหกโมง นี่จะสามทุ่มแล้ว”  เสียงโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ตรงหน้าราวกับทะเลาะกันทางโทรศัพท์  รีเซฟชั่นยืนนิ่งมองชายคนหนึ่งยืนคุยโทรศัพท์หน้าดำคร่ำเครียด ฉันมองนิดหนึ่งเห็นว่าไม่มีอะไรก็หันมาอ่านหนังสือตรงหน้าต่อ

วันนี้วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่คนรอบข้างล้วนไม่มีใครสนใจใคร แม้แต่ฉันซึ่งหมกตัวเองอยู่กับงาน จนพบว่าลืมอาบน้ำเป็นวัน ๆ พบตัวเองที่หน้าคอมฯ อีกทีก็หน้ามันแผล่บ ป้า ๆ แถวนี้มาเห็นคงเหล่ตามองเย้ยหยัน ว่าทำตัวแบบนี้ไงเล่า!

บอกน้องสาวไปทางเอ็มว่า วาเลนไทน์ของพี่ตายไปแล้ว ตั้งแต่เช้ามานี้ยังไม่ได้หายใจโล่ง ๆ เลย ดอกกุหลาบเหรอ...แพง! ความรักเหรอ...เหมือนเสาวิหารของยิบรานไง อยู่ห่างกันโน่นเลย แต่อนาคตมันคงเป็นวิหารเก่า ๆ ที่ถ้าใครโยกเสาสักข้างก็คงพัง โรแมนติกเหรอ...โอ..มันคือเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์  เดี๋ยวนี้ชีวิตมีแต่เรียลลิสติค ความเป็นจริงตรงหน้ามันช่างน่าปวดหัวอะไรเช่นนี้ ว่าแล้วน้ำย่อยก็ซึมผนังกระเพาะออกมาทักทายร่างกายให้จี๊ด ๆ เล่น

น้องสาวส่งตัวเหวอกลับมา ว่าพี่อายุสี่สิบนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ

********

ชายคนนั้นเดินกลับไปที่โต๊ะแล้ว  สักพักรีเซฟชั่นอุ้มช่อดอกไม้ขนาดยักษ์เดินเข้าร้านมา ตัวเธอเล็กจนทำให้เหมือนอุ้มต้นไม้สวย ๆ สักต้น โบว์ยักษ์ ดอกไม้สีขาวในช่อทอดยาวจนเธอต้องคุ้มตัวอุ้มดอกไม้อย่างประคับประคอง “ตั้งพันนึงแน่ะคุณ” เธอเดินเข้ามาเล่าให้ฟังก่อนบอกว่าของผู้ชายคนตะกี้ ที่ยืนโทรศัพท์โวยวายน่ะ เขาคุยกับร้านดอกไม้ ว่ามาส่งช้า ร้านดอกไม้คงงานหนักมากจนมาสาย เขาต้องจ้างตุ๊ก ๆ มาส่ง นี่เขาบอกว่าอีกห้านาทีให้เอาขึ้นไปให้ เขาจะเซอร์ไพร์สแฟนเขา

น่ากลัวจริง ๆ เมื่อนึกถึงเสียงชายคนนั้นที่ฟาดฟันคนที่อยู่ปลายสาย  ดอกไม้จะรับอะไรไปบ้าง คนรับจะมีความสุขไหม ดอกไม้ก็สวยดีนะ ฉันมองช่อดอกไม้ตรงหน้าพลางพยักหน้า และปรายตามองแบบไร้ความรู้สึก นึกไปถึงพี่ชายเพื่อนที่เขาทำสวนกุหลาบ ว่าวันนี้คงได้เงินเยอะ ขณะที่พี่อีกคนบอกว่าดอกกุหลาบปีนี้ราคาไม่แพงอย่างที่คิด จากมัดละ 80 บาท มี 50 ดอก ก็ขึ้นมาเป็น 120 บาท ซึ่งก็ไม่ถือว่าแพงนักสำหรับเทศกาลแบบนี้

เชียงใหม่เป็นเมืองดอกไม้ มีตลาดดอกไม้โดยเฉพาะยามค่ำคืนนั้น เป็นเวลาอันแสนสุขสำหรับฉันถ้ามีโอกาสผ่านไปที่ตลาดดอกไม้ริมแม่น้ำปิง ด้านหลังตลาดวโรรส อากาศเชียงใหม่กลางคืนนั้นโปร่ง โล่ง สบาย จอดรถ แล้วเดินเลือกดอกไม้มาปักแจกันที่บ้าน  ไม่ต้องวาเลนไทน์  ขอเพียงมีความรัก ขอเพียงมี ดอกไม้ในหัวใจ รู้บาน รู้โรย ก็รู้จักชีวิต

*******

ฉันเก็บของตรงหน้าเตรียมกลับบ้าน  ยิ้มให้กับหนุ่มสาวที่กุมมือกันแน่นที่แวะดูร้านของฉัน  ฉันแอบมองและคิดในใจว่าไม่ต้องกุมมือแนบแน่นขนาดนั้นก็ได้ แค่พออุ่นหัวใจ และกุมไว้นาน ๆ และตระหนักรู้ได้ว่านี่มือของคนรัก ไม่ใช่ "ถ่านร้อน” ที่เร้าใจ แต่เผลอเกาะกุมเมื่อไร ไม่นานก็ต้องปล่อย

******

ชายคนเดิมเดินยิ้มหน้าบานประคองแฟนสาวกับดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ออกมาจากร้าน หน้าตาเธออิ่มเอิบ ฉันยิ้มให้ทั้งคู่ เธอถือช่อดอกไม้ยืนให้เขาถ่ายรูป

ตรงที่เขายืนด่าร้านดอกไม้ทางโทรศัพท์ตะกี้นี้เอง!

20080216 กาสะลอง

20080216 Queen Sirikit

20080216 ทองกวาว

20080216 ดอกรักใหญ่

20080216 ทิวลิป

20080216 เมียว เมียว

20080216 Queen Sirikit

20080216 Queen Sirikit

20080216 เอื้องผึ้ง

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…