Skip to main content

หลังจากอยู่ในดงข้อมูลอันบ้าคลั่งที่ไหลมาเทมา มองไปข้างหน้าเห็นแต่สถานการณ์ที่ใส่กุญแจปิดตายอย่าง “เอารัฐบาลสมัครออกไป” แต่รัฐบาลสมัครไม่ออก

 

ถามว่าถ้าเอาออกไปแล้วจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อเลือกตั้งใหม่ยังไงก็แพ้อีก

กุญแจลูกที่สองโยนออกมาบอกว่า “เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองใหม่ จากหน้ามือซ้ายของประชาชนไปเป็นหลังเท้าขวาของอีกคน” ฟังจบแล้วก็รู้สึกว่าลูกกุญแจที่จะเปิดล็อคถูกโยนทิ้งลงทะเลความคิดอันกว้างใหญ่


*********************************


7_07_01


Just living is not enough, one must have sunshine, freedom and a little flower.

 

แค่มีชีวิตนั้นไม่เพียงพอ มนุษย์ควรจะได้มองพระอาทิตย์ขึ้นและตกบ้างในชีวิต มีอิสรเสรีภาพที่จะคิดและทำในสิ่งที่ตนพึงพอใจ และที่สำคัญไม่เดือดร้อนคนอื่น นอกจากสองสิ่งนี้ไปแล้ว เพียงมีสายตามองเห็นความงามของดอกไม้เล็ก ๆ ข้างทางบ้าง ก็เติมเต็มชีวิตได้แล้ว

 

7_07_02


ก้อนเมฆถามภูเขาว่าท่านรักต้นไม้จริงหรือ เมื่อต้นไม้มีแต่ต้องการพึ่งพาผืนแผ่นดินจากท่าน และสายฝนจากท้องฟ้าเพื่อยังชีพ

 

7_07_03


ภูเขาถามต้นไม้ว่าท่านรักดอกหญ้าจริงหรือ ดอกหญ้าเป็นแค่ต้นไม้เล็ก ๆ ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ กินก็ไม่ได้ ขายก็ไม่ได้ มีมากไปก็กลายเป็นวัชพืช บางชนิดยิ่งตัดก็ยิ่งแตก บางชนิดก็มีพิษในตัวเอง เจ้ารักพวกเขาทั้งหมดจริงหรือ

 

7_07_04


ดอกไม้เล็ก ๆ ข้างทางถามมนุษย์ว่าท่านมองเห็นความงามของดอกไม้จริง ๆ หรือ เมื่อดอกไม้อย่างเรากินไม่ได้ ปักแจกันไม่ได้ เราเพียงแต่งแต้มสีให้สองข้างทางของท่านไม่ว่างเปล่าจนเกินไปเท่านั้น สิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ คือปากท้องของท่าน ท่านควรคารวะเมฆฝนให้ตกลงมาตามฤดูกาล และดูแลชาวนาของท่านให้ปลูกข้าวในที่ดินของเขา ทำให้เขามีความสุขและท้องอิ่มเพื่อเขาจะได้ปลูกข้าวเหลือเผื่อให้ท่านกินได้

 

7_07_05


มนุษย์บอกว่า แค่กินข้าวแล้วมีชีวิตรอดนั้นไม่เพียงพอหรอก ฉันต้องการแสงสว่าง ดอกไม้เล็ก ๆ และอิสรภาพในการคิด ฉันอยากชวนเพื่อนของฉันเดินข้ามสะพานออกมาพบกับดอกไม้ข้างทางอย่างเจ้า มาทักทายสายฝนที่กำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า อยากให้เขาพบว่าบางครั้งการได้เปียกฝนบ้าง ก็ทำให้เราได้พบว่ายามที่กายและใจเราแห้งแล้วนั้น มีความสุขอย่างไร อบอุ่นอย่างไร


***********************

 

ในวันที่เราอยู่ในห้องปิดตายแล้วโยนกุญแจทิ้งไปนี้ เราจะอยู่อย่างไร บ้านของเราจะเป็นเช่นไร ประชาชนอย่างฉันมีสิทธิ์ที่จะรับรู้บ้างไหม ว่าแท้จริงแล้ว sunshine, freedom and a little flower นั้น เป็นเพียงวาทะโรแมนติคที่กล่อมฉันจนเคลิ้มเพื่อให้อยู่ในห้องมืด ๆ

 

เท่านั้นเอง.


บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่รับลมหนาวด้วยความรู้สึกถึงวันอันล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับร่างกาย  หนึ่งปีที่หมกมุ่นอยู่กับงาน ห่างหายกับการยืดเส้นยืดสายออกกำลังกาย  มีโยคะบ้างบางครั้งแล้วก็มาเจออุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดอยู่กับที่ ลากยาวมาจึงถึงวันนี้กับอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ โรคประจำตัวของคนนั่งหน้าคอม และขับรถจี๊บแคริบเบียนที่เกียร์แข็งจนเส้นเอ็นที่แขนเคล็ดไปหมดกลิ่นดอกปีบหอมอบอวลไปทั้งเมือง  ลมหนาวไม่มากเริ่มพัดมาเยือน ได้เวลาออกไปดูโลกยามเช้าเสียที  วันนี้ตื่นแต่ตีห้า เตรียมตัวออกจากบ้าน บอกเพื่อนร่วมบ้านว่าจะไปด้วยรถมอเตอร์ไซด์  จุดมุ่งหมายคือห้วยตึงเฒ่า ที่เก่าเวลาเดิม…
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม…
โอ ไม้จัตวา
พาไปเดินเล่นข้างเครือกล้วยดีกว่า ที่ร้านจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นเครือแขวนไว้หน้าร้านตรงประตูทางเข้า เดินเข้ามาจะเห็นกล้วยก่อนอื่น เจ้าของร้านเธอเห็นกล้วยลูกอวบอ้วนเป็นเครือดูงามนัก เธอก็เลยซื้อมาแขวนไว้ เผื่อให้แขกที่มา หรือเด็ก ๆ ในร้านได้กินกันกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้บ้าน ๆ ให้ความรู้สึกเป็นบ้าน เป็นความธรรมดา แต่เมื่อนำมาแขวนไว้หน้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยจะธรรมดา คำถามเกิดขึ้นจนเบื่อจะตอบ และจนตอบเป็นความเคยชิน ว่ากล้วยมีไว้ให้กิน ไม่ได้ขาย พอมีไว้ให้กิน เราก็เว้นวรรคไว้โดยไม่บอกว่ากินแต่พออิ่ม พอคนเท่านั้น กินข้าวเสร็จเดินออกมาเจอกล้วยน้ำว้าล้างปากช่วยท้องเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ…
โอ ไม้จัตวา
กลับมาเดินเล่นในเรื่องคนต่อค่ะ กำลังสนุกกับการเล่าเรื่องคนรอบข้าง มีอีกคนหนึ่งที่อยู่กันมานาน ตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อเขาทำงานในบาร์น้ำ เมื่อพ่อลากลับบ้านที่ท่าสองยาง และจะไม่กลับมาอีก จึงส่งสันติมาทำงานต่อ  เหมือนเป็นวัฒนธรรมของคนทำงานในร้าน ถ้าใครคนใดคนหนึ่งลาพัก หรือลากลับบ้าน พวกเขาจะหาคนมาทำงานแทนในหน้าที่ของเขา เพราะการลาของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ อย่างสันตินั้น เป็นปกากญอ บ้านอยู่ในเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางจากเชียงใหม่ไปท่าสองยางนั้น ต้องนั่งรถไปลงที่อ.แม่สะเรียง แล้วต่อมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินอีกครึ่งวัน เมื่อกลับบ้านทีจึงต้องไปเป็นเดือน หรืออย่างน้อยก็ครึ่งเดือน…
โอ ไม้จัตวา
เริ่มคอลัมน์ใหม่หัวใจดวงเดิม ขอประเดิมด้วยการพาไปเดินเล่นตามประสาคนถ่ายภาพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ที่ผ่านมามีโอกาสนั่งเครื่องบินไปเกาะสมุย และช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เป็นเวลาที่ข่าวเครื่องบินวันทูโกตกกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไทย เครื่องลงปุ๊บเปิดโทรศัพท์ได้ก็มีสายเข้าและ miss call เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงสมุยได้ในวันนั้นก็ทุลักทุเล เพราะน้องสาวเป็นคนจองตั๋วคืนก่อนที่จะมาหนึ่งวัน นัยว่าเป็นงานด่วนของเธอ ขอให้ฉันมาเป็นเพื่อน ตอนจองตั๋วฉันถามว่าขึ้นเครื่องที่ไหน ดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ เธอตอบว่ากำลังหาอยู่ น่าจะดอนเมือง พรุ่งนี้เธอจะโทรถามอีกครั้ง เราบินจากเชียงใหม่ไปลงดอนเมือง…