Skip to main content
30_8_01


มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย
....


หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น ก่ออิฐโบกปูน กั้นที่ว่างในอากาศ ตกแต่งให้เป็นที่พักอาศัย


ความคลื่นเหียนพลันบังเกิดเมื่อความจริงแสดงตัวตามรอยร้าวแยก เราพบความเพียรอันสูญเปล่าที่จะบดบังความเน่าเปื่อยผุพังซึ่งรุมล้อมอยู่รอบด้าน เหมือนจักรวาลย่อยสลายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในอวกาศ ในที่สุดธรรมชาติก็ชำนะ มันดำเนินของมันไป เบื้องใต้คือพื้นที่ลุ่มใกล้ป่าชุ่มชื้น ยุง หนอนและแมลงรักที่จะวางไข่ บ้านเช่าอนาถาไร้หน้าต่าง มีเพียงช่องหายใจติดบานเกล็ดเล็ก ๆ อนุญาตแสงมัวหม่นลอดผ่าน มวลอากาศมองไม่เห็นเต็มไปด้วยความเจ็บไข้ ชื้น หนัก อับ คลุกเคล้าเข้ากับอวลไอแห่งความต่ำต้อย เศร้าสร้อย สิ้นหวัง ของชีวิตที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจทะยานสูงขึ้นกว่านั้นได้

การหาเช้ากินค่ำ ทะเลาะตบตี เหนื่อยหน่าย เมามาย ปิดความคิดก่อนหลับใหล กล่องผุ ๆ สูงต่ำเรียงรายแทบจะเกยกันอย่างมุ่งหมายจำนวนสูงสุดนั้นปิดโอกาสแสงสว่างกับอากาศบริสุทธิ์เบื้องบน เป็นที่ซึ่งซักเสื้อผ้าไม่เคยแห้ง ความอับชื้น เหม็นหืนจะฝังลึกลงในอณูเนื้อ อาจระเหยบ้างก็ต่อเมื่อถูกสวมลงบนร่างยังชีวิตที่ส่งไอร้อนของคนเท่านั้น เด็กเล็กก่นแต่ป่วยไข้ ไอ เป็นหวัด ปอดอักเสบ สามีทะเลาะกับภรรยา ภรรยาที่เอาแต่ร่ำไห้ เพราะอยากออกไปสู่แสงตะวัน ออกไปให้พ้นอิทธิพลป่าและหล่มโคลนยวบยาบที่ไหวโยนเบื้องใต้ ...ไปเถอะไป ผู้คนแห่งชุมชนแออัดชานเมือง ไปอยู่กลางทุ่งโล่งกัน ให้สายลมพัดเป่าความป่วยไข้ ปัดเป่าโรคร้ายในหัวใจและร่างกาย เผาเสื้อผ้าเก่าเน่าทิ้ง หาชุดใหม่ ๆ ซักสะอาดในลำธารใสไหลแรง แล้วตากผึ่งแผ่บนโขดหิน นอนเหยียดยาวข้าง ๆ อาบร่างในแสงแดดเช้า...


ในเมืองหรือที่ไหน หัวใจฉันขัดขืนที่จะตกแต่งตัวเองให้เป็นอื่น เขียนคิ้ว ทาแก้ม สวมชุดออกประลองกับโลก เราก้าวออกจากที่พัก ขอบคุณสหายแสนดี สู่การพบปะนัดหมายในสถานฉากละครกำมะลอ ห้องนั่งเล่น สวน หรือห้องอาหารจำลอง ซึ่งผู้บริการยิ้มแย้มพินอบพิเทา ทุกสิ่งถูกจัดวางอย่างเหมาะสมสมมติ สอดรับกับเสื้อผ้า กิริยาพาทีสมมติ จากนั้น ควักกระเป๋า ชำระมูลค่าละครลิง


คนป่าประหลาดใจ
... แม้จะเป็นร้านกาแฟที่น่ารัก ดูดี มีรสนิยม และผ่อนคลายต้อนรับเพียงใด เขากลับไม่สะดวกใจที่จะกลมกลืนนั่งอยู่ แขนขาไม่อาจวางตามสบายเมื่อแปลกแยกกับสถานอุปโลกน์ ฝันอยากนั่งที่บ้าน หลังใดก็ได้ ซึ่งมีการอยู่อาศัยแท้จริงของมนุษย์ มีความคิด ความรู้สึก จิตใจ ความเคลื่อนไหวแห่งกิจวัตรประจำวัน ไม่ใช่สถานที่แยกขาด ชั่วคราว สำหรับจุดประสงค์ใดในช่วงเวลาหนึ่ง ร้านอาหารหรือร้านกาแฟที่สว่างไสวยามวัน แต่รกร้างเงียบงันในราตรี ผับหรือสุราสถานสลัวริบหรี่ มีเสน่ห์ลี้ลับในแสงไฟ ทว่า เหม็นอับหมักหมมด้วยอารมณ์ระบายหลังบานประตูปิดทึบ

คนเมืองพากันออกจากที่พัก พรูพรั่งออกมาพบกัน ณ ที่ซึ่งความจำเป็นบีบคั้น ร้านรวง ห้างสรรพสินค้า สถานที่สำหรับประกอบกิจต่าง ๆ เมืองซึ่งมีคนมากมาย และอึกทึกสรรพสำเนียง จนไม่มีใครสามารถอยู่เงียบ ๆ ตามลำพังได้ แม่ค้ารถเข็นบนทางเท้าเปิดโทรทัศน์ คนยามตามอาคาร อย่างน้อยเปิดวิทยุฟัง โทรทัศน์ เจ้าตัวหัวเหลี่ยมปากกว้างซึ่งผีทุนนิยมเจาะปากมาให้จ้อไม่ยอมหยุดถูกผู้คนยึดถือเป็นเพื่อน ครอบครัวทุ่งจรผ่านเมือง จากความเงียบสงัดของขุนเขา จากจำนวนคนผ่านตาไม่ถึงสิบคนต่อวัน สู่แหล่งชุมนุมของชีวิต เครื่องจักร เครื่องยนต์ เครื่องกำเนิดเสียงและไฟฟ้า พลันแก้วหูสั่นเทา ร้องอ้อนวอนว่า ... พาฉันไปจากที่นี่ที


สีเขียว คราม และน้ำเงินคล้ำใต้ร่มเงาเมฆบนเทือกทิวเขา นกร้องขานรับเวลา บ้านพื้นๆ ที่สร้างไม่แล้วเสร็จเงียบสงัด มีเพียงเสียงหึ่งๆ จากผึ้งคอมพิวเตอร์ คนบ้านนอกกลับมาและจมหายไป ในสีเขียวละลานตา ในจังหวะของสายฝน และเสียงนกที่ผุดคลอขึ้นเป็นครั้งคราว ความรู้สึกสับสนปนเปละลายลงในอากาศชื่นเย็นนุ่มนวล เรานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีร่องรอยหมาแทะ เก้าอี้ซึ่งนั่งประจำทุกวัน จิบกาแฟ กินข้าว อ่านหนังสือหรือถกเถียงสัพเพเหระ นกน้อยตัวหนึ่งผลุบพลัดมาเกาะขื่อคา มองขึ้นไป บ้านไม้ไร้เพดานทำให้เห็นโครงสร้างองค์ประกอบทั้งหมด มันดูลุ่นๆ เปลือยๆ ยังไม่ได้ทาสีหรือตกแต่ง กลางคืน ระหว่างไม้ฝากระดานแต่ละแผ่น มีแสงเดือนดาวลอดผ่าน บางวันสายฝนสาดซัดเข้ามา เบื้องนอกคือโลกธรรมชาติ เราลอยขึ้นจากผืนดินเพียงหน่อยหนึ่ง ด้านข้างมีฝากั้น เหนือหัวมีกระเบื้องลอนเก่า ๆ กั้นฟ้า ดูไม่มั่นคงปลอดภัยเช่นตึกรามหลังใหญ่ แต่จะต่างอันใดกับชีวิต มนุษย์
-หนังหุ้มเนื้อ เนื้อหุ้มกระดูก ...


ถอนออกจากความรู้สึก วิถีก็คือวิถี ชนบทหรือเมือง อาจไม่ดี
-เลว หรือต้องจำยอม ปล่อยให้เป็นไป ขึ้นกับผู้คน ว่าปรารถนาจะอาศัยอยู่ในโลกเช่นไร ...

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…