Skip to main content


ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา
(อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า


ใช่ว่าเราหลงใหลป่าหญ้าและจะรักษามันไว้ตลอดไปหรอกนะ แต่เมื่อยังไม่อาจตัดเตียน เราพยายามมองมันด้วยอารมณ์ขัน ฉันคิดถึงฤาษีอเมริกันธอโร เขาวิพากษ์วิจารณ์สวนแบบอังกฤษที่ตัดเล็มดูแลอย่างดี โดยความคิดเดียวกับการตกแต่งบ้าน การจัดห้องรับแขก อันมีองค์ประกอบและระเบียบแบบแผนอย่างที่กำหนดไว้ดีแล้ว และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป เขาบอกแก่คนทั้งหลายว่า ปล่อยให้หญ้าบุกมาถึงบ้านท่านเถิด เชื้อเชิญป่าไม้มาเยือนยังหัวกระได ส่วนตัวเองก็ปล่อยพงรกลุกลามมาจนถึงประตูกระท่อม ทว่า นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกับการแปรผืนดิน ปลูกผักเลี้ยงตัวหรอกนะ จากบันทึกของเขา ฤาษีผู้นี้ได้แปลงตนเป็นชาวไร่ผู้กรำงานหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำ ปลูกถั่ว พืชผล รวมทั้งข้าวสาลี สำหรับทำขนมปังเลี้ยงปากท้องตน


ละแวกตูบตีนดอย นอกจากหญ้าแล้ว ฉันยังมีเพื่อนบ้านแสนน่ารัก แม้ว่าพวกเขาจะมา ๆ ไป ๆ ไม่ได้อยู่ตลอด มีเพียงเพิงพักเล็ก ๆ ชั่วคราวหากอาศัยถาวรในหมู่บ้าน พี่ป้าน้าอาทั้งหลายใส่ใจ เอื้อเฟื้อแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ แก่ฉันเสมอ แม่น้อยสวนข้าง ๆ นำหน่อไม้หวานมาให้ ลุงดิษฐ์สวนข้างหน้าปลูกอะโวคาโดตรงข้ามประตู ให้เราเก็บกินหนึ่งต้นโดยเฉพาะ เมื่อต่อเสือมาทำรังใหญ่บนต้นไทร แกก็ไม่อนุญาตให้ใครปีนเก็บ ด้วยห่วงว่าพวกสัตว์ร้ายจะอพยพมาสร้างรังใหม่ใต้ชายคาบ้านฉัน ลุงเลิศสวนขนัดซ้ายหักข้าวโพดหอบใหญ่มาฝาก อ้ายอินตาสวนถัดไปอุ้มมะละกอลูกใหญ่มา พร้อมกับบอกให้ไปเก็บมะนาวดกดื่นในสวน แต่สำหรับเรื่องหญ้านั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน แรกทีเดียวบอกให้พ่นยาฆ่าหญ้า เมื่อเรายืนยันที่จะไม่ใช้สารเคมี พวกเขายังคงบอกกล่าวห่วงใย ตัดหญ้านะ ๆ หนึ่งปีผ่านไป ช่างคนหนึ่งที่เคยมาทำบ้านร้องเสียงหลงตกใจ ทำไมปล่อยหญ้ารกอย่างนี้ ชาวสวนนั้นคอยกำจัดหญ้ากันตลอดทั้งปี พวกเขามีสวนลำไยที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แลโล่งตลอดทั้งสวน ฉันเองก็อยากมีสวนสวยงามเหมือนกัน งามรกเรื้อด้วยพืชผักและต้นไม้นานาพรรณ ฉันพอจะเข้าใจเรื่องการหักร้างถางพง กันพื้นที่คนกับป่า ก็พวกเขาไม่ได้อพยพจากเมือง มาบุกเบิกผืนป่า จับจองที่ดิน ปลูกเรือน ทำสวน นา ไร่กันหรอกหรือ


ใจเย็น ๆ นะ สวนที่แตกต่างไปของเรา คอยระแวดระวัง ตัดหญ้าในหน้าฝน ตัดหญ้าหน้าแล้งป้องกันไฟ ปล่อยให้เศษหญ้าร่วงทับถมปกคลุมดินไป นำไม้ใหญ่ให้ร่มเงามาปลูก ลงพืชตระกูลถั่ว ให้เจ้าดินสีเทาที่แห้งแข็งกระด้างค่อย ๆ ชื้นชุ่ม เปลี่ยนเป็นดินดำ เพื่อนพี่น้องบอกสูตรปรับปรุงดินแก่เรามากมาย ล้วนแต่ล้ำค่า เป็นภูมิปัญญาจากผืนดิน ทว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นต้องอาศัยเวลา เรี่ยวแรงและการเรียนรู้ใหม่ ๆ ถึงใครจะกล่าว ปล่อยหญ้ารกรุงรัง ฉันก็ไม่หวั่นไหวเลย กี่ปีก็คอยได้ กี่วันก็มีชีวิตไป ผืนดินคือเนื้อนาใจ ค่อย ๆ ถากถาง เรียนรู้ ถนอมรักษา ปรับปรุงไป วันหนึ่งคงลึกซึ้ง วันหนึ่งคงอุดมดี ทั้งสวนในจิต และที่โลกกายภาพ


ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทรมานไปกับความปรารถนาเร่าร้อนที่จะเนรมิตผืนดินหรอก และไม่แบกรับความคาดหวังหรือภาพลักษณ์จากใครด้วย เราเป็นเพียงคนชั้นกลางที่ถูกพรากจากการใช้แรง การทำงานด้วยสองมือและเรี่ยวแรงกาย ทุกอย่างที่นี่เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่ เราไม่ได้รู้อะไรเลย มีเพียงความรู้สึก มีเพียงหัวใจ


ที่จริง ทิวดอกหญ้าสีน้ำตาลในแสงอาทิตย์อัสดงนั้นแสนงาม ยามคอนหมอกยามเช้า พวกมันดูนุ่มชุ่ม เป็นก้อนขาวโพลน ยามบ่าย เมื่อสายลมพลิ้วผ่าน เกิดเสียงซู่ซ่าไล่ล้อแผ่วเบา ก้าวออกจากบ้านไปไม่กี่ก้าว เราตื่นตาตื่นใจ เมื่อฝูงนกจากพงหญ้าพรูขึ้นสู่ฟ้า นกสารพัดชนิด ชีวิตนับหลายร้อยล้านชีวิตอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งนี้ สำหรับฉัน
...
ท้องฟ้าสีน้ำเงิน ดวงดาวระยิบพราวยามราตรี และขุนเขาที่โผล่ยอดลับแลอยู่หลังทิวหญ้า เมื่อสายลมพัดมา ฉันคิดถึงลอรา อิงกัลล์ กับบ้านน้อยในทุ่งกว้างของเธอ หนังสือเล่มนั้น ฉันจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากภาพเด็กหญิงที่เพิ่งก้าวลงจากเกวียนสู่ความมืดยามราตรี เพชรพลอยดาวเม็ดน้อย ๆ กระจายเกลื่อนนภา แล้วเมื่อสายลมพลิ้วคลื่นทะเลหญ้าตรงหน้า บทเพลงสงัดสงบก็แผ่ซ่านสู่ดวงใจ
....


บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง