Skip to main content

ฉันมีภูเขาทั้งลูก จริงๆแล้วมากกว่านั้น จู่ๆฉันก็พบว่า แดดยามเช้าที่สดใสเป็นสีทองทำให้ริมฝีปากเผยอยิ้ม  เมื่อคืนเราพูดคุยกันบนที่นอน สมมติว่าถ้าฉันมั่งมีขึ้นมา ฉันจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม  ฉันอยากจะได้อะไรบ้างหนอ ฉันซักไซ้ไถ่ถาม คอยกวนไม่ให้เขาหลับ นั่งพร่ำเพ้อ จินตนาการเล่นๆ และคอยเขย่าตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขายังฟังฉันอยู่  เขาหลับๆตื่นๆแต่มีรอยยิ้มฉาบหน้า  เขาแค่งีบเล่นๆเท่านั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาทำงานกลางดึก  ฉันพูดออกมาดังๆว่า ถ้าให้ไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าแลกกับที่อยู่ตอนนี้จะเอาไหม  จากนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธตัวเองทันใด  ไม่เห็นสนุก ไม่เห็นอยากเลย  จริงๆนะ ฉันเขย่าแขนนั้นย้ำๆ เขายิ้มอีก ไม่รู้ว่าฝันหรือละเมอกันแน่
\\/--break--\> 

ยามเช้า หลังจากดื่มกาแฟ ฉันเปิดประตูหน้าต่าง เยี่ยมมองดอยหลวงที่นอกชาน เช้านี้เป็นยังไงบ้าง มีหมอกบังมากไหม กำลังพ่นไอหรือมีแดดส่องประกายจับเหลี่ยมเขา  หลังจากโปรยข้าวให้ไก่สองตัวที่มาร้องกุ๊กๆขอข้าวกินแล้ว  ฉันไปนั่งเล่น คิดอะไรเพลินๆ  ตอนลืมตาอยู่เห็นแดดที่หายหน้าไปหลายวันทออาบโลกผ่านบานหน้าต่าง  พอหลับตาลง ได้ยินเสียงนกร้องจู้จุ๊กจิ๊กมาจากทุกทาง และรู้สึกเหมือนคลื่นสีเขียวของภูเขา หอมกรุ่น มีน้ำหนักด้วยไอชื้น กำลังเคลื่อนตัวช้าๆ สาดซัดอบอวลอยู่รอบตัว หลุดปากออกมา "ฉันมีภูเขาทั้งลูก" เหมือนเด็กอวดคุณ มันใหญ่โตและมีค่ามากกว่าการอวดของเล่นแบบเด็กนะ  ฉันมีภูเขาจริงๆ มีมาตลอด ไม่ใช่ลูกเดียวด้วย  ทิศตะวันตกมีดอยหลวงกับดอยนาง และเทือกทิวติดต่อเมืองปาย  ทิศตะวันออก จากหน้าต่างสามบาน ที่เขาเพิ่งเปลี่ยนบานผลักตรงกลางให้สามารถเปิดได้กว้างๆ  ภาพพาโนรามาทิวเขายอดตัดประปรายเรียงรายเต็มตลอดสามช่องหน้าต่าง นี่มันมากกว่าที่ฉันคาดคิดไว้เสียอีก ฉันพร่ำบอกคนที่นอนอยู่อย่างตื่นเต้น  เราแค่อยากมีบ้านเล็ก ๆ ของตัวเองเท่านั้น  แต่ตอนนี้กลับมีมากมายกว่านั้น  โลกอัศจรรย์รายล้อมรอบตัว   

 

นานแล้วที่ไม่ได้เห็นทะเล  ผืนน้ำสีฟ้า คลื่นนับร้อยนับพันทยอยสาดซัดชายฝั่ง ลมที่พัดโกรกเรือนผม  หาดทรายสีขาวและแดดจ้าสว่างไสว  ลูกๆของฉันพร่ำร้องน่าอิดระอา... แม่จ๋า หนูอยากไปเที่ยวทะเล  เราไปเที่ยวทะเลกันเถอะ  ครอบครัวภูเขาวางแผนกันมาหลายปี  หากมีเงิน มีรถดีๆ เราจะพากันไปเยี่ยมทะเลที่แสนคิดถึง

แล้วพอหลับตา กลับรู้สึกถึงคลื่นภูเขา  ทะเลคือความโปร่งเบา ฟองคลื่นซัดสาดแล้วแตกสลาย  แต่ภูเขาคือลมหายใจ คือคลื่นสีเขียวที่หนักแน่น นุ่มนวล โอบอุ้ม หล่อเลี้ยง  เกือบสี่สิบปีแล้วที่ฉันเติบโตในแดนภูเขา  ฉันกลายเป็นต้นไม้ มีตะไคร่ขึ้นเสียแล้ว  ใช้ชีวิตอยู่เมืองอื่นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต  แม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้นำทางฉันกลับ ตั้งรกรากยังถิ่นเกิด มีภูเขานับสิบร้อยลูก ทิวเขาขึงพาดม่านกั้นทุกชายฟ้า

แรกจากถิ่นเหนือ เคว้งคว้างเหมือนว่าวหลุดลอย ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวเลยหรือนี่ ขอบฟ้าปราศจากภูเขา  ถนนที่ตัดกว้างลาดยาวตรงดิ่งไปไม่สิ้นสุดแดนอีสานชวนให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวหดหู่ใจ  คิดถึงงูเล็กสีขาวที่คดเคี้ยวเลื้อยผ่านภูเขา เลียบหุบเหว แม่น้ำ ราวป่าบ้านเกิด  นิจจา แล้วพอย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ ฉันกลายเป็นดักแด้ ซ่อนกายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม  มีตึกสูงแหลม กั้นขอบฟ้าเป็นที่กำบัง

เฮ้! ภูเขาทั้งหมดนี่เป็นของฉัน... ฉันร้องตะโกน...และฉันก็เป็นของขุนเขาด้วยสิ เสียงนั้นเบาลง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เธอได้ยินเสียงของป่าไม้ ลมหายใจสีเขียวชื้นๆ เห็ดรา มอส เฟิร์น สน ต้นไม้ป่า ลมหายใจที่หนัก หอมกรุ่นรวยริน พัดพุ่งมาหาคุณ  คุณกลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่  ผืนดิน อวลไออากาศ สายฝน สายธาร ทั้งหมดไหลรินเข้าไปในตัว  แล้วหายใจออกมา นาข้าว ต้นไม้ ตัวหนังสือ สิ่งที่คุณทำ ที่ที่คุณอาศัย ปรุงปรนสรรพสิ่งในหม้อข้าวแห่งโลก บรรยากาศที่ห่มอาบท้องทุ่ง หมู่บ้าน ตำบล อำเภอเล็ก ๆ ที่คุณสังกัด ฉันเป็นต้นไม้ของเรือกสวนน้อยนี้  ฝังราก ไม่ค่อยออกไปไหน สมองแล่นจี๋คิดเรื่องงานไม่หยุด ปลูกต้นไม้ ขุดดิน  ซ่อมเสื้อผ้า ส่งจดหมาย เขียนจดหมาย แก้งาน แปลงาน เขียนงานให้เสร็จฯลฯ  ชีวิตช่างเต็มไปด้วยสิ่งสารพันจนอยากให้วันแต่ละวันยืดยาวออกไป กลางคืนต้นไม้นอนหลับ นก ไก่ สุนัข และคนนอนหลับ ตะวันบอกอย่างนั้นและเราเชื่อฟัง ฉันจะอ่านหนังสือนิดหน่อย หรือชมจันทร์หน้าระเบียง ค่ำคืนชื่นเย็น หอมเปรี้ยวสดชื่นด้วยกลิ่นมหาหงส์และสายน้ำผึ้ง  กลิ่นของกลางคืนอบอวลอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นรวมของหลายสิ่งสาระพัน เช่นเดียวกับกลิ่นยามบ่ายซึ่งฟุ้งชื่นนำด้วยกลิ่นหญ้าสดที่ชาวสวนชอบตัด มันคือกลิ่นเข้มๆของวัน  กลางวันถักสานด้วยกลิ่นต่างๆเหล่านี้ กลิ่นหญ้า ดอกไม้ กลิ่นฝน กลิ่นดิน กลิ่นแดด  และยังถักทอด้วยสารพัดส่ำเสียง เสียงนก เสียงฝน เสียงลม กระดึง กังสดาล  นานๆจะมีเสียงยวดยานเสียทีหนึ่ง  เสียงลมพัดกรรโชกนั้นน่าฟังเป็นที่สุด  ลมที่พัดมาอย่างเต็มกำลัง กัมปนาท แสดงนำอยู่ในท้องฟ้า เมื่อปะทะคาคบของแมกไม้ใหญ่  มันจะโกรธเกรี้ยว ฟาดเขย่ากรูเกรียว น่าหวาดเสียวใจ ก่อนจะอ่อนแรง พัดลากราวเบากับหลังคา เรื่อยไปครางลู่ลิ่วอยู่บนปลายหญ้าแล้วเงียบหายไปในที่สุด 

ลมที่คึกคะนองนั้นเหมือนการเต้นรำ เต้นอย่างคนป่า หรือคนบ้าที่มัวเมาในอารมณ์  คุณเคยได้ยินเรื่องการเต้นรำของอินเดียนแดงไหม  ผู้เฒ่าเหล่านั้นที่หายใจเป็นจังหวะเดียวกับมูลธาตุแห่งธรรมชาติ  เขาประกอบพิธีกรรม เต้นรำกันอย่างลืมตัว เคลื่อนคล้อยไปในจังหวะเร็วรี่ หมุนตัว กระโดดขึ้น คล้องแขนแล้วกระเถิบไปทางขวา  วกกลับมากระโดดสองก้าวไปทางซ้าย ย่อตัวลง ปรบมือ ซอยเท้า ประสานวงแคบเข้ามาใกล้ จนกระทั่งรูปเงาเริ่มพร่าพราย  ละอองฝุ่นฟุ้งตลบผสมควันไฟ  เสียงดนตรีและจังหวะรุกเร้าถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาที่เฝ้ามองของเราเริ่มไม่สัตย์ซื่อกับตัวเอง ทันใดนั้น นักเต้นรำทั้งวงก็ลอยเลื่อนขึ้น  พวกเขาเต้นรำจนสายลมหอบลอยไปในท้องฟ้า นั่นล่ะ พลังแรงกล้าแห่งลม

ภูเขาสิทำให้เราถ่วงหนัก หนักอึ้งด้วยความชื้น ความสงบชุ่มฉ่ำ  ทำให้เรางีบหลับงอกราก  โดยเฉพาะหน้าฝน  ห้วงยามเช่นนั้น  คุณจึงกลายเป็นต้นไม้หนุ่ม ห่อหุ้มโคนด้วยตะไคร่  ทว่าไฟธาตุทั้งหลายยังคงลุกไหม้  เปลวไฟแห่งชีวิตในภูเขาสีเขียว  หม้อธาตุต้มอยู่ทั่วหัวระแหง ดุจเดียวกับเตาไฟในท้องของคุณที่ย่อยของสดให้กลายเป็นของสุก  ปรุงน้ำเลี้ยงส่งไปตามกระแสเลือด  ในภูเขามีเตาใบใหญ่ ส่งความร้อนมายังคุณ  เลี้ยงดูคนภูเขา กล่อมให้พวกเขาหลับ ปลุกพวกเขาตื่น  ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกคนมีสายโซ่ล่องหน สายรกตัดไม่ขาดที่ผูกโยงไว้กับสะดือโลก  เชื่อมต่อกับแผ่นดินถิ่นกำเนิด  มนุษย์คือลูกของแม่พระธรณี ณ แห่งที่เขาถือกำเนิด ไม่ว่าจะอพยพไปอยู่ที่ใดไม่อาจลืมแม่ได้เลย ในอ้อมอกแม่นั้น เราเติบโตได้ดีที่สุด  อ้อมกอดภูเขาจะเห่กล่อมคุณตลอดไป  ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ 

...ฉันมีภูเขานับสิบร้อยพัน

ฉันคือลูกสาวภูเขา

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
ฉันคงเคยทำคุณความดีมาบ้างกระมัง จึงได้รับน้ำใจไมตรีมากมายเพียงนี้ ... เธอมาพร้อมกับมิตรภาพแสนอบอุ่น รอยยิ้ม เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงแจ้วๆ กับการกระโดดโลดเริงร่าของเด็ก ๆ เพื่อนทุกคนมาเยี่ยมเราที่ตูบตีนดอยพร้อมด้วยความมั่นคงทางอาหาร จากจิตใจที่ห่วงใยและยอมรับในวิถีที่เราเป็น รอยต่อระหว่างปี มีขนมมากมายในบ้าน เครื่องดื่ม กาแฟ ของฝากของแห้งที่แทบจะไม่มีที่เก็บ เรานำกาแฟสดแสนอร่อยของฝากจากเพื่อนมาชงเลี้ยงเพื่อนทุกคน ทั้งที่มาค้างและผ่านทางแวะเยือน ข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนยนั้นนำมาปิ้งย่างแบ่งปันกันกิน หุย... ของที่เธอนำมานั้น มันมากจนฉันรู้สึกว่าน้ำใจของเธอ(…
รวิวาร
เด็ก ๆ คือคนตัวเล็กที่แสนงาม ในบรรดาผู้มาเยือน เด็กน้อย สาม สี่ ห้าหรือหกขวบ คือแขกที่ทำให้ผู้เหย้าอย่างเราสดใส มีความสุข เราไม่รู้ตัวเลยว่า ได้กลายเป็นลุงป้าตายายที่เฝ้าจดจ่อรอคอยการมาเยือนของลูกหลานเสียแล้ว หนูมายาเพิ่งมาและกลับไป หนูนานาเข้าโรงเรียนแล้ว แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเยือน แล้วเมื่อปีใหม่มาถึง หนุ่มน้อยพีพี หลานน้อยตัวขาวแก้มยุ้ยก็จะมาหา เดาได้เลย เขาต้องพาน้องกุ๊กกิ๊ก ตุ๊กตาแมวน้ำตัวเก่าขะมอมขะแมมมาด้วย น้องกุ๊กกิ๊กที่เปื้อนน้ำลาย และเจ้าของเที่ยวยื่นไปชิดจมูกใคร ๆ พร้อมกับคำยืนยันจากปากแดงย้อยว่า ‘หอมนะ ๆ หอมไหมล่ะ?’  
รวิวาร
ความรักยกเราขึ้น ติดปีกเหนือทุกข์ในปรากฏการณ์...ความรู้สึก เราคือผู้คนแห่งความรู้สึก ความเครียดเต็มสองแผ่นหลังไม่เบาบางด้วยการคิดพิจารณา จิตใจมีกำลังเมื่อ ความรักหลั่งไหลมา ความหวังเรืองรองตามติด เรื่องราวยากยิ่ง เหมือนไร้ทางออกดูเล็กน้อยลง ขอบคุณที่มีความรัก ขอบคุณที่มีคนรัก ขอบคุณที่โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า รัก ฉันขอขอบคุณจากหัวใจสำหรับใครคนหนึ่งซึ่งอยู่เคียงข้างและมอบความรักกว้างใหญ่ให้แก่ฉันเสมอ รักอดทนและรอคอย รัก ขัดเคือง ไม่พอใจ หากยังรีรออยู่ เงี่ยหูฟังคำอธิบาย อดทนทำความเข้าใจ เพราะเชื่อมั่นในเนื้อแท้ บนพื้นผิวของความกราดเกรี้ยว ทะเลาะเบาะแว้ง…
รวิวาร
ความรู้สึกหนึ่งไหลวนอยู่ภายใน ขับเคลื่อนเราอยู่ เหมือนสายโลหิตแห่งความปรารถนา ... เธอมา นั่งอยู่ตรงนี้ เขามาและจากไป คนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วผ่านไป จังหวะบรรเลงแตกต่าง นึกถึงสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ มันคืออะไรหนอ หลายคนเขียนหลายสิ่ง... สร้างงาน พวกเขาเรียกมันว่า การทำงาน แต่เธอ เธอไม่รู้เลยว่า วันแต่ละวัน เช้าแต่ละเช้า สิ่งซึ่งไหลเวียนอยู่ อึดอัด กระสับกระส่าย ดิ้นรนและปรารถนา หาหนทางหลั่งไหลนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ เธอเฝ้าแต่รอคอย พล็อตต่าง ๆ มีอยู่ สมองไม่เคยหยุดเรียบเรียง วางแผนความคิด แต่แล้ว เจ้าสิ่งนั้น ที่บงการอยู่ข้างในไม่เคยเออออไปกับการกำหนดสั่งการ เธอพยายาม เงี่ยฟัง…
รวิวาร
ฤดูหนาวนำความสุขมากมายเหลือจะกล่าว สายลม ก้อนเมฆ ท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป โลกอบอวลด้วยสีสันและกลิ่นหอมอย่างใหม่ ไม่ทันไร หน้าหนาวเวียนมาอีกครั้ง เสียงหมอกกลั่นเป็นน้ำค้างหยดเปาะแปะลงบนใบไม้ เสียงลมแห้ง ๆ กรูเกรียวผ่านทุ่ง ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งฤดูกาลเวียนมาครบรอบแล้วหรือนี่ งานเขียนขนาดย่อมสองสามชิ้นทำให้ลืมกาลเวลา เราหยุดกิจกรรมกับผืนดินไปตั้งแต่กลางฤดูฝน หญ้าดวงดาวแห่งอัฟริกา (อัฟริกันสตาร์) หญ้าคอมมิวนิสต์ โตพรวดพราด สูงท่วมหัว เมื่อมองมุมกว้างจากถนน สวนรอบข้างดายหญ้าโล่งเตียน แต่ที่ล้อมรอบบ้านหลังคาเขียวซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวนี้คือ กองทัพต้นหญ้า…
รวิวาร
ดอยหลวงเชียงดาว แนวเทือกทิวหินปูนสูงต่ำเหยียดตัวมาจากหิมาลัย หากผ่านเมืองไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง จู่ๆ จะพบขุนเขาก้อนทื่อผุดขึ้นจากขอบฟ้าตะวันตก แต่หากหยุดแวะเชียงดาว เมืองน้อย ๆ สัญจรไปตามทิศทางแตกต่าง รูปลักษณ์ที่ประจักษ์ต่อสายตาจะเปลี่ยนไป ขุนเขาลูกนั้น บนก้อนที่ดูเป็นมวลเดียวกัน จากทางเลี่ยงเมืองหรือตำบลแม่นะ ดอยหลวงแยกตัวให้เห็นเป็นสามยอด ดังคำเรียก ขาน ‘ดอยสามพี่น้อง’ เลี้ยวซ้ายมาทางตูบตีนดอย บ้านทุ่งละคร ภูเขาเผยโฉมหน้าอีกเสี้ยวหนึ่ง ไม่แยกยอดเด่นชัด แค่พอแลเห็น แล้วหากเดินทางวกย้อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เที่ยวน้ำพุร้อน บ้านยางปู่โต๊ะ ขุนเขาชะโงกง้ำ ก้มหน้ามาใกล้…
รวิวาร
ตลาดแห่งนั้นเงียบ เป็นระเบียบและเย็นฉ่ำ ไม่มีคนขายนั่งประจำอยู่หลังกองสินค้า มีเพียงพนักงานเก็บเงินคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูทางออก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ กล่อมเกลาบรรยากาศ ข้าวของมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นสูง ยืนเข้าแถวราวกับทหาร ระหว่างชั้นแต่ละชั้นเกิดช่องลึกยาว พอเหมาะพอเจาะสำหรับเด็กๆ เล่นซ่อนหา... เรามาจากโลกข้างนอก ออกมาจากพาหนะคู่ชีพบุโรทั่งที่คอยรับใช้มาอย่างซื่อสัตย์ จึงไม่กล้าบ่นที่แอร์ไม่เย็น และฝนสาดเปียกปลายผมเพราะกระจกหน้าต่างไม่อาจปิดสนิท (... ขอบคุณนะที่พาไปทุกที่ ไม่รู้เจ้าจะน้อยใจหรือเปล่าที่บางครั้งฉันก็แอบฝันถึงรถคันใหม่อยู่เหมือนกัน)
รวิวาร
การผ่อนพักอันยาวนาน มืดและเงียบสงบ ในวงล้อมของหมู่ไม้ ได้ยินเสียงสัตว์เล็กๆ และการไหวตัวใต้พื้นดิน... ฉันอยู่ที่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหวติง หยุดมหาสมุทร สายน้ำ สายลมในตัว โลกกำลังต้องการการหลับใหล ความคิดหยุดลงชั่วขณะ เอียนเหลือแล้วกับสิ่งต่างๆ ที่ตนแสดงออก ความคิด โครงการ คำพูด เหน็ดเหนื่อยกับความกระตือรือร้น และการกระทำฉับไวต่อเนื่องไม่ยอมหยุด นอนอยู่บนผืนดิน เงียบสงัดจากความคิด ไหลเลือน ละลาย ชำระ ปล่อยให้สารพัดสิ่งพวยพุ่งทะลักกลับคืนแหล่ง โลกไม่ต้องการอะไรจากฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องพ่นตัวเองออกสู่โลก ออกข้างนอกมากไปแล้วจำต้องหวนกลับคืนสู่ภายใน เข้าจัดการกะเกณฑ์ วางแผนมากไป…
รวิวาร
กาดก้อมเย็น มีเหตุต้องเข้าไปในหมู่บ้าน ฉันสตาร์ทมอเตอร์ไซค์อยู่นาน สลับกับคอยไล่หมา ในที่สุดรถก็วิ่งฉิว สายลมปะทะใบหน้าแสนสดชื่น อากาศยามเย็นเป็นสุข ถนนหักเลี้ยวทอดหาชุมชน เราเป็นคนของหมู่บ้านนี้แหละ บ้านทุ่งลั๊วะคอน (ทางการเรียก ทุ่งละคร) เป็นโดยสำมะโนครัว แต่ไม่ค่อยรู้จักใครเพราะอยู่ห่างออกมา ถนนสายน้อยพาไปพบสะพาน จากนั้นผืนโลกก็ลาดลงเป็นที่ลุ่ม หัวใจปริ่มสุขขึ้นฉับพลัน ผืนนาเขียวขจี กิ่งก้านสาขาของต้นไม้กลางนางามเด่น ขับด้วยแถวทิวต้นข้าว เถียงนาเล็ก ๆ ดุจที่พำนักอันสมถะสงบสุข กอดอกเทียนสีม่วงขาวชมพูพราวบานอยู่ใต้ร่มตะขบริมลำธาร หันมองกลับไป…
รวิวาร
'กาดนัด'วันอังคารเป็นวันที่ใครหลายคนในเมืองนี้รอคอย ฉันเองยังติดนิสัยเขียนรายการข้าวของไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าใกล้วันนัดหมายประจำสัปดาห์แล้ว เรานั่งกุกกักอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากเด็กๆ ไปโรงเรียนในตอนเช้า มองไปยังถนนทอดยาว เห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านเป็นระยะ มีถุงใส่ของหลายใบแขวนเป็นพวงที่มือจับและตะกร้า...กาดนัดเชียงดาว ถึงนั่งอยู่บ้าน ฉันก็นึกภาพออกและจำได้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เร็วหน่อย พ่อบ้าน ตื่นเร็ว วันนี้เราจะไปตลาดนัดกัน สัปดาห์นี้ขาดอะไรบ้างเอ่ย พริกแห้งเม็ดเล็ก กะปิ กระเทียม กุ้งแห้งซื้อไว้แล้วจากเจ้าท้ายถนนเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จะซื้อหอยดองแม่กลองของเขาดีไหมนะ ยำหอยดอง…
รวิวาร
เดือนบางเดือน สัปดาห์บางสัปดาห์ผ่านไปราวเมฆล่องลม เจ็ดแปดวันสั้นๆ หากแต่บรรจุด้วยเรื่องราวและผู้คนแน่นขนัด ขณะบางเดือน เรานั่งอยู่ติดเก้าอี้ จมจ่อมกับภาระหน้าที่แทบไม่ได้ก้าวพ้นเขตรั้ว เรียกมันว่า ‘สัปดาห์แห่งผู้มาเยือน’ มีผู้คนแวะเวียนมาทุกวันโดยมิได้นัดหมาย กะทันหัน ฉับพลันเสียจนกระทั่งไม่มีเวลาถอยหลัง ผงะ หรือนึกหงุดหงิดใจว่า...แขกเหรื่ออะไรนักหนา วันที่หนึ่ง วันที่สอง และสามสี่ ตามมาอีกจนเลยแปด เมื่อจิตใจตระหนักได้ เราพากันหัวเราะ อ้อ นี่ละหนอ ความบังเอิญที่ควบคุมไม่ได้ ชีวิตจัดส่งมา พ้นความคาดเดา นอกเหนือการจัดการ
รวิวาร
มันไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า การแต่งหน้า เนื้อตัวเท่านั้น แต่รวมถึงการเข้าไปในสถานที่อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนการโอภาปราศรัย.... หิ้วกระเป๋าเข้าที่พัก กล่องสี่เหลี่ยมครอบลงบนพื้นดินชื้นแฉะ มีพรุน้ำอยู่ข้างใต้ กล่องเก่า ๆ ที่ผุเน่าไปทีละน้อยด้วยไอชื้นจากผืนดิน และการคายน้ำของใบไม้ชายป่าที่รุกล้ำเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดรอยแยกที่ผนัง เหล่าแมลงสาบพล่านยั้วเยี้ยยามดึกขณะผู้พักพิงหลับใหล งูเงี้ยวเขี้ยวขอ จิ้งจกตุ๊กแกและหนู ซุ่มซ่อนจับจ้องจากรู โพรงบนผนัง ขื่อคาและเพดาน ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ พื้นโลกก็คือหิน ดิน ทราย น้ำ ฝุ่น โคลน เราเพียงนำวัตถุเรียบแข็งโปะทับ ทาบแผ่นกระเบื้องหลากสีลงบนพื้น…