Skip to main content

เมื่อคุณออกไป ทุกอย่างก็พังทลาย  ยินเสียงชายชรารำพึงในความเงียบ  ...ไปกันเถอะแพลทเทอโร นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเรา *

เพียงคุณเดินทางไป ออกจากและมุ่งตรงสู่ ค่ำคืนสงบเงียบงามกระจ่างพลันสลาย  ยี่เป็งของคุณอยู่ที่นี่ ที่ซึ่งความมืดบนแผ่นดินเป็นฉากรองรับ ขับเดือนเต็มดวงงดงามเปล่งมนต์ หมู่ไม้นิ่งสงบ วิหคหลับใหล เรือนไม้ซ่อนตัวอยู่ในเงา


ที่นั่น อานุภาพแห่งแสงฟ้าไม่อาจรับรู้  แรกคุณนั่งอยู่บนกำแพง คล้ายลูกแมวสามตัวของมิสพอตเตอร์**  ตื่นตา ร่าเริงใจยามขบวนแห่ผ่านหน้า  สรรพเสียงที่เงี่ยฟังเริ่มอวดประชัน บุษบกบนรถลากศพลอยเลื่อน แห่แหนเด็กสาวในชุดนางในจินตนาการ  เด็กหนุ่มสองนายถือไม้ง่ามค้ำสายไฟระโยงระยางเหนือยอดเทวาปราสาท  ขณะฉีกใบตองเย็นย่ำนั้นยังไม่นึกอะไร เด็กหญิงบอก ไม่น่าเชื่อ แม่เพิ่งทำกระทงครั้งแรก ทำไมชีวิต บางทีก็มีเรื่องแปลกๆเหมือนกัน คุณเองยิ้มน้อยๆด้วยความฉงน จริงสิ นี่เป็นกระทงใบแรก  ลูกเอ่ยว่า อย่าให้ใครเลยนะแม่จ๋า แม่ลอยเองเถิด

แต่ความรู้สึกจบแล้ว เบ็ดเสร็จในใบตองม้วนกลีบ เสียบแต้มดวงดอกไม้ ทูนไว้เหนือหัว จบแสงจันทร์  คุณให้กระทงแก่หนูน้อยคนหนึ่ง บอกเธอแม้ว่าเธออาจจะไม่ได้ยิน...ลอยเสียในวันที่หัวใจยังเต้นขยับ ลอยเสียก่อนมันจะสิ้นเสื่อมความหมาย



หรือเบียร์เพียงหนึ่งกระป๋องขื่นเศร้า หรือสรรพเสียงแก่งแย่งอวดประชันหัวใจจึงเปราะกระเจิง หรือเป็นเพราะแสงสีที่สาดเกินจึงทำให้รู้สึกขมขื่น  ลมหนาวบาดโบยแล้ว และคุณก็ง่วงด้วย หะแรกคุณก้มมอง รู้สึกดีชะมัดที่ได้อยู่บนที่สูง ไม่ต้องเบียดเสียดผู้คน ตั้งจิตตั้งใจเพ่งดู เงี่ยฟังพี่น้องชนเผ่าเป่าแคนน้ำเต้าพร้อมเต้นเข้าจังหวะ  เหนื่อยเปล่า ไร้ค่าสิ้นดี ไม่มีใครได้ยินหรอก ทั้งหมดที่นำมานี้ ทั้งเสียงดนตรีอันกังวานไพเราะโดยเขาสูงป่าสงัด  เสื้อผ้าอาภรณ์งามวิจิตร แต่ละชิ้นตัดเย็บประณีต เครื่อง ประดับเงินแวววาวย้อยระย้า มอดมลายหมดแล้วภายใต้แสงสปอตไลท์และลำโพงกระหึ่ม

ค่ำคืนนี้โลกย์ดำเนินไปบนบาทวิถีของตน โดยท่วงทำนองและบทร้องของมัน คุณเพียงอิ่มล้น...กับทุกรูปแบบนำเสนอ

เด็กๆกลับเสนอตัวเป็นมัคคุเทศก์นำทางจากอาศรม  พวกเขาประดุจสะพานชักนำเราออกจากถิ่นพำนัก หัวใจที่สดใหม่นั้นตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่ง มันอยากมีส่วนร่วมในงานเฉลิมฉลอง อยากเห็นแสง สี เสียง ยินกับหู ดูด้วยตา ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของฝูงชน  ทว่า โลกย์ส่งเสียงดังและส่องแสงจ้า แม่จึงขอเยี่ยมชมเพียงไม่หูอื้อแสบตานะลูกเอ๋ย

หรือทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นเพียงความผิดหวังเกี่ยวกับลูกชิ้น  หิว ละลานตากับลูกชิ้นทอดมันเยิ้มแปดร้อยเจ้า ใครจะปิ้งเล่าในคืนรีบร้อนเช่นนี้  หรือว่าขยาดไส้กรอกสิบรสสาดสี ทั้งที่เด็กน้อยกระทุ้งขาพ่อขอกินอยู่เร่าๆ หรือเวียนหัวกับเสียงจากแปดร้อยลำโพงห้าหกเวที ประกวดนางนพมาส ชกมวย ดนตรี ตลก หางเครื่อง เครื่องเล่นเป่าลมยางใหญ่ยักษ์กับมัจฉากาชาด ใครกันจะแทรกตัวเข้าไปดูนักร้องนุ่งห่มน้อยชิ้น ใครจะอดทนโต้ลมหนาวดูสาวงามผู้งามเลิศ หัวดำๆอออยู่เนืองแน่น ฝูงชนเดินพล่าน ถุงพลาสติกขาวโพลนเกลื่อนกลาด ไม่มีผมมวยต่ำกับผ้านุ่งเคยคุ้น ไม่มีเสียงพูดคุยเบาๆที่ตลิ่งริมน้ำ ไม่มีกลิ่นธูป แสงเทียนวอบแวม เสียงน้ำไหลเซาะ และเงาจันทร์กลมโตเหมือนถาดเงินกลางท้องธาร

.............................................................................................


ไฟหน้ากราดส่องเป็นลำยาว แสงกลางคืนทำให้เห็นเป็นสีน้ำตาลอ่อนปนขาวเทา กระต่ายตัวเขื่องกระโดดแผล็วแล้วหยุดนิ่ง เอี้ยวคอหันมาสบตา เด็กหญิงร้องกรี๊ดกร๊าด ขอพ่อหยุดรถ กระปูดตัวใหญ่โฉบผ่านหน้าบ่อยแล้ว แต่ไม่ใช่เจ้าสิ่งมีชีวิตนัยน์ตาสุกใสเช่นนี้  ผู้เป็นแม่รำพึง กระต่ายเต้นชมจันทร์หรือนี่  

เริ่มจากพ้นเขตเมืองมา เมืองเล็กที่เหมือนกับเมืองทุกเมือง ซึ่งผู้อยู่บนฟ้า นกกับนักบินรู้อาณาเขตด้วยแสงไฟ  ความมืดสลัวรางเริ่มปรากฏสองฟากถนนซึ่งปราศจากบ้านเรือน เสาไฟ  แล้วเมื่อดวงตาคุ้นชิน แสงจันทร์จึงทอประกาย ข่ายสีเงินนวลเย็นจับแผ่วทุกหนทุกแห่ง แสงเก่าก่อนทอดทับขุนเขา โลกเผยตัวออก เก่าแก่และแสนไกล  ขุนเขาใหญ่ดูลี้ลับ โบราณ สะกดใจเราให้หวาดหวั่น ยำเกรง

มนุษย์..เดิมๆเหมือนเมื่อพันปีที่แล้ว ยังคงยืนสองขาหากแต่สะสมความคิดความเชื่อร้อยพัน  ฉันยืนอยู่ที่นี่..ธรรมชาติ วาดหวังขอได้คืนสู่  รู้ที่ดำเนินไป พยายามเท่าทัน ทำความเข้าใจ แต่ไม่ขอเดินทางไปด้วยได้ไหม  ฉันเปิดตัวฉันออก ให้ท่านขุดค้นอณูเนื้อกายใจ ปลุกบางสิ่งซึ่งนอนหลับใหล...สิ่งเก่าแก่เดิมแท้ ซึ่งคำนามนั้นเรียกว่า “คน”

..........................................

* แพลทเทอโร  ,Platero and I ,  ฮวน รามอน จิมิเนซ  กวีและนักประพันธ์รางวัลโนเบลชาวสเปน
**นิทานภาพ ลูกแมวน้อยทอมคิตเทน,บีทริกซ์ พอตเตอร์

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง