Skip to main content

 

 

 

มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า หรือมีชีวิตข้ามวันด้วยรูปแบบหนึ่ง เผชิญเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง คุณเฝ้าดู ติดตามและถลำล่วง บรรดาพ่อมดหมอผี ผู้ทรงอาคมแห่งปลายปากกาลักพาคุณไปยังโลกที่พวกเขาสร้าง ซึ่งเขามีอำนาจเต็มที่ จะกระทำย่ำยี ปั่นหัวคุณอย่างไรก็ได้ คุณคือนักอ่านในอุดมคติ ถูกชักจูงด้วยเรื่องเล่า หลงละเมออยู่ภายใน นานสามวันสามคืนหรืออาจถึงสัปดาห์หากหนังสือหนา ลืมเลือนที่ตัวเองเป็น จิตใจดิ่งจมอยู่ในห้วงแห่งนิยาย กลายเป็นตัวละครตั้งแต่ก้าวข้ามธรณีบทนำ เขานั่นแหละส่งเส้นด้ายเหนียว ๆ เสกสร้าง ยึดโยง เหนี่ยวรัด ลากทึ้งคุณไป สู่ท้องทะเลถ้อยคำ ดำดิ่ง แหวกว่ายไม่รู้ตัวไปจนจบเรื่อง เหล่านักประพันธ์ ผู้ที่ทำคำ “อำนาจวรรณกรรม” เป็นจริง

\\/--break--\>

สิ่งนี้กินเวลาอยู่นาน การทำงานของมันในความรู้สึก ระหว่างอ่าน ภาพภายนอกเริ่มบิดเพี้ยน แสงแดดสดสว่าง นกปีกสีฟ้า อากาศเย็นชื่นหลังฝน แดดที่ส่องลอดเมฆทอประกาย ล้วนถูกเคลือบคลุมบดบัง ทุกสิ่งสูญเสียความจริง ความสด ความเป็นหมดสิ้น คุณ-ผู้รับรู้ได้ถูกครอบงำโดยเรื่องราวเข้มข้นยืดยาวอันหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจหอบพาไปยังห้วงเวลาและสถานที่กำหนด นวนิยายมีผลต่ออารมณ์อย่างลี้ลับ บางครั้ง อย่างชั่วร้าย มันทำหัวใจคุณเต้นเร็วถี่ ผิดจังหวะ ทำให้คุณชุ่มฉ่ำ สงบผ่อนคลาย ทำให้คุณหดหู่ อ้างว้าง ขมขื่นใจ คุณต้องอาศัยเวลาสำหรับคลายมนต์ดำ หลังอ่านจบจนกลับเป็นปกติ ไม่กี่วัน คุณกลับมาเปิดเล่มใหม่ ยอมตัวต่อชู้รักเล่มต่อไป

สรรเสริญกันว่า การอ่านคือประสบการณ์ยอดเยี่ยม สร้างเสริมสติปัญญา วิจัยกันออกมา การเรียนรู้ด้วยอารมณ์ประทับฝังแน่นในจิตที่สุด ทั้งละคร หนัง หนังสือ ดนตรี ศิลปะ ดุจเดียวกับประสบการณ์ที่ส่งผลแรงกล้าในชีวิต เฉพาะอย่างยิ่งยามอ่อนวัยไร้เดียงสา ไม่อาจแยกแยะ กลั่นกรองป้องกัน บาดแผลวัยเด็กที่ส่งผลตลอดทั้งชีวิต

ประชากรหนังสือบอกเล่าความลับแก่คุณ พวกเขาไม่เคยคิดปิดบัง คุณเห็นเขาได้ในที่รโหฐาน รโหฐานทั้งจิตใจ ร่างกาย แต่ละหน้า ๆ คุณติดตามเขาไป ประดุจภูตผี รูปเงา ชั่วขณะแห่งการอ่าน พวกเขาต่างหากที่เป็นคนจริง ๆ มนต์ประพันธ์ทำคุณเป็นหมอกควัน งานเขียนที่ทรงพลังทำให้เรากลายเป็นผี ไม่มีเรื่องราวของตัวเหลือแล้ว ตัวละครต่างหากที่โลดแล่น มีเลือดเนื้อ จริงเสียจนหัวใจระบม จากนั้น ทั้งที่คุณปิดเล่ม อำลาแล้ว กลับออกมาก็ไม่มีทางเหมือนเก่า พวกเขาแฝงฝังอยู่ในตัว คุณโดนของไปแล้ว ไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม ในตัวคุณสะสมความเจ็บปวดและประสบการณ์ของพวกนั้นไว้ เศษเสี้ยวของหญิงชรา ชายบ้า เสมียนติดอ่างแบกปมด้อย เด็กชายแปลกแยก กะลาสีเรือหรือนักเดินทางผู้กล้า ทั้งหมดทิ้งเสี้ยวชีวิตในคุณ ดีหรือไม่อย่างไรไม่รู้ สำหรับคุณ ผู้ตกเป็นทาส ผู้เสพมนต์ดำ ไม่อาจถอนตัวออกห่าง กี่เดือนกี่ปีเล่าที่รับมนต์สะกดเข้าไป มนต์พ่อมดแม่มดมือใหม่ มนต์อ่อนๆ งวยงงซึ่งส่งผลไม่นาน มนต์กวีตราตรึงลึกล้ำ มนต์นิยายวรรณกรรมจับใจไม่รู้ลืม เวทมนต์ของพ่อมดชั้นสูง ยิ่งมายิ่งกล้าแกร่งทรงพลัง คุณมีแต่เสพซ้ำ ถวิลหาวันที่จะได้เสพใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ยอมถูกกระทำย่ำยี ปล่อยตัวให้ปากกาลากพาไป บางช่วงชีวิต คุณผลุบเข้าผลุบออก หายไปเลยก็มี คุณบางคนนั่งตาลอย อยู่เหมือนไม่ได้อยู่ ขานรับหนึ่งคำ กล่าวประโยคไม่ปะติดปะต่อแล้วเงียบใบ้ แอบอยู่ในโลกหนึ่ง สนิทสนม พูดคุยแต่กับตัวละครอันเป็นที่รัก เดินเหินภายนอกแต่จิตใจอยู่ข้างใน อยู่ยังท้องทุ่ง หุบเขา เคหาสถ์บ้านเรือนของเพื่อนคุณ

อย่างนั้น หนังสือก็คือแอลเอสดี แต่มันก็กล่อมประสาทไม่มากไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นในโลก คุณหันหน้าหนีผู้คนพล่ามชีวิต เล่าเรื่องราวจัดวางไม่เข้าท่า หมั่นตอกย้ำในจุดที่รู้สึกสำคัญ เล่าซ้ำ ๆ พร่ำซากๆ เสียงที่กระทบอากาศแล้วพลันสลาย ไม่เกี่ยวกับการดูถูกเพื่อนมนุษย์หรอกนะ แต่มีบางที เราต้องอดกลั้น ทนฟัง

สาธยายไม่ได้ว่า อ่านหนังสือทำไม เหตุใดการอ่านจึงต้องเป็นวาระแห่งชาติ เราอ่านมาชั่วชีวิต ตั้งแต่อ่านได้ ยังไม่จำความดี คนต้องมนต์คงไม่อาจถอยมามอง แยกแยะได้หรือ ตัวเราวันนี้มีองค์ประกอบจากสิ่งใด

หนังสือร้อยพันที่ทับถมลงไป ในบึงกว้างของความคิดรู้สึก ระหว่างตัวตนเติบโตตามวัย ประสบการณ์การอ่านปะทะตอบโต้กับประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่ตาเห็น กายประสบภายนอก สิ่งรับรู้ผ่านโลกข้างใน กินช่วงเวลายาวนานในนั้น อาจตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ กินพื้นที่เกือบทั่วทุกมุมโลก แม้เป็นเศษภาพชีวิตเล็กๆ หากไม่เคยขาดตกบกพร่อง สุข ทุกข์ ขมขื่น เจ็บปวด สูญเสีย สรรเสริญ พลาดหวัง สมหวัง รัก ชัง ชะตากรรมปัจเจก ชะตากรรมของคนกลุ่มเล็ก ๆ แม่น้ำ ป่าไม้ หนองบึง ความน่ารังเกียจสยดสยองแห่งสงคราม ความละโมบ บ้าอำนาจ การเหยียดชาติพันธุ์ มากมายมั่งคั่งอยู่ในนั้นแล้ว ไม่รู้สึกขาด คุณจึงไม่ดิ้นรนค้นหาจากแหล่งอื่น

 

 

นักอ่านนั้นอยู่ลำพัง เขากับหนังสือเล่มหนึ่ง วางไว้บนโต๊ะ วางบนตัก เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด สลับกับทอดถอนใจ ล่องลอยขบคิด เรียนรู้ผ่านวรรณกรรมอาจไร้ทิศทาง ทางเดินนั้นมีอยู่แต่มีแพร่งแยกเสมอ ให้คุณเลือกเดินอย่างอิสระ เหล่าพ่อมดไม่เคยบอกหนทาง เขาไม่นำพา ไม่เทศนา ปล่อยให้คุณค้นหาเอาเอง ทว่า หนทางบางครั้งกลับไม่นำไปสู่ที่ใด ภายหลังเตร็ดเตร่จนผมหงอกขาว พบฉัน ยืนอยู่กลางหัวใจตัวเอง มะงุมมะงาหราไปเถอะ บันเทิงในรสชาติผิดแผก บางเล่ม บางวัย คุณอ่านไม่เข้าใจ แต่กลับถูกดึงดูดด้วยบางสิ่งบางอย่าง คุณเริ่มแปลกประหลาดใจ สงสัย ขบถต่อโลก หนังสือฉีกหน้ากากที่พบ มันรู้สึกอยากกระชาก เหล่าพ่อมดพากันตีความ สร้างโลกใหม่ แล้วนำมาฉายเปรียบเทียบให้เราดู บางคนก็ช่างโหดร้าย ร่ายนิยายให้คนอ่านถูก‘โบยตี’ คนมากเล่ห์เหล่านั้นเองที่หล่อหลอมเรา

โลกภายนอกจริงอย่างนั้นหรือ โลกภายในคือความคิดฝัน? สิ่งซึ่งสดและจริง ฝนที่เย็น ต้นไม้ที่เขียว ข้างหุงสุกใหม่ที่หอม อุ่น นุ่ม จริงคือสิ่งที่ร่างกายรู้สึก? หิวที่ท้อง ทุรนทุราย หงุดหงิด อิ่มที่ใจ อุ่นที่ผิว อร่อยที่ลิ้น ไพเราะที่หู จริงที่ปัจจุบัน หาใช่เที่ยวท่องล่องลอยในความรู้สึก? ใครเล่าอาจยืนยันได้ สิ่งใดเที่ยงแท้ เท็จหรือจริง ผู้รับรู้อยู่ที่ใดก็ถือมั่นในที่นั้น ตัวละครนั้น เรื่องราวนั้นๆ โลกที่เราอยู่อาจไม่ใช่โลกเดียวเมื่อมองผ่านสายตาแตกต่าง อย่างที่เล่าขานกันซ้ำๆ เนิ่นนานมา จวงจื่อพิศวงสงกา เราคือฝันของผืเสื้อ หรือคือผู้ฝันถึงผีเสื้อกันแน่..

** เขียนให้เด็กหญิงฟองน้ำ

 

 

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
บ่อน้ำ... คำนี้ช่างชุ่มเย็นหวานฉ่ำ ซุกซ่อนอยู่ในร่มเงาไม้ ที่ละอองไอชื้นแผ่มาจากบ่ออิฐตะไคร่คร่ำ เมื่อลัดจากทุ่งร้อนเปรี้ยงหรือผ่านมาตามถนนสีแดง คนเดินทางถูกดึงดูดสู่ร่มเงา ถอยจากเปลวแดดเต้นยิบ ความกระหายเผารมลำคอ เขาก้มมองลงไป มืด ชื้นฉ่ำ ได้ยินเสียงน้ำเย็นเสนาะใสอยู่เบื้องใต้ หันซ้ายแลขวา พบหลักไม้ กิ่งไม้ หรืออาจวางเค้เก้อยู่บนดิน ครุ กระชุชันยา หรือถังน้ำพร้อมเชือก...
รวิวาร
ก่อนหนาวคลาย เขามีงานมหกรรมดนตรีชนเผ่าที่ค่ายเยาวชนใกล้ๆน้ำพุร้อน ปะทะกับแคมป์ดนตรี ชีวิต วิญญาณของชาวญี่ปุ่น  หนึ่งในสามสี่คืน บนเวทีใหญ่ พี่น้องหลากเผ่าทั่วเชียงดาว ไต ลีซู ลาหู่ ดาระอั้งฯลฯ ส่งตัวแทนขึ้นแสดงนาฏการบนเวที แจมด้วยดนตรีโฟล์คซองจากหนุ่มญี่ปุ่น  คืนอื่นๆที่เหลือล้วนเป็นของชาวแจแปน  มีอยู่คืนเหมือนว่าเป็นคืนของเรา เรียก’เรา’ นั่นล่ะ ด้วยว่าพรรคพวกหมู่เฮามากันหลาย  สุดสะแนนปิดร้านยกวงมา พี่ตุ๊ก บราสเซอรี่กีตาร์เทพก็มา รวมทั้งน้าหงา น้าหว่องและวงคาราวาน  คืนนั้นมากหน้าหลายตา แต่ก็คนกันเอง รู้จักคุ้นหน้า บ้างมาร่วมงานเฉยๆบ่ได้แจมดนตรี …
รวิวาร
* แต หรือเขียง สิ่งก่อสร้างสำหรับแบ่งน้ำในลำเหมือง มี ต๊าง บากเป็นช่องสำหรับให้น้ำผ่านตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะปันให้นาแต่ละเจ้าเท่าใด * อ่าน จุดจบแห่งจินตนาการ  อรุณธตี รอย
รวิวาร
คุณไม่ได้เป็นอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น แต่กลับอาศัยงาน ภารกิจเล็กๆที่รับมอบพาไหลเลื่อนไปสู่ประตูที่เปิดกว้าง  บ้าน หญิงสูงวัย รั้วไม้ไผ่ที่เถาถั่วสีเขียวอมม่วงเลื้อยอิง กระจุกดอกเล็กๆกลีบอ่อนนุ่มและฝักสีม่วงชุ่มชูทาบท้องฟ้า ฟ้าสีฟ้าแจ่มแห่งฤดูหนาวเท่านั้น คุณมีสมุด ปากกา กล้องถ่ายรูปมาด้วย จริงอยู่ ปากขยับ ไถ่ถาม แนะนำตัว บอกที่มา คุณมาทำไม มาขอข้อมูลถั่วที่ออกดอกใหม่เอี่ยมนั่นไง  เหมือนมีตัวเองอยู่สองชั้น พูด ยิ้ม ถาม หัวเราะและหยุด สัตว์สังคมที่ฝึกมากับภายในซึ่งไร้ภาษา ซึมซับสิ่งที่ดวงตาดูดดื่ม สีหน้าของหญิงทั้งสอง  สำเนียงยองดอยสะเก็ดจากใบหน้า เหนือคิ้ว…
รวิวาร
ฉันมองโลกจากตัวฉัน เฝ้าดู เพ่งพินิจพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยที่อยู่รอบตัวด้วยดวงตาของผู้หญิงคนหนึ่ง ดักจับภูมิภาพตามลักษณะอารมณ์ความคิดแห่งเพศของเธอ  มักไม่ใคร่เห็น ตื่นเต้นเลยไกลถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ขับดันโลก ไม่สนิทสนมคุ้นเคยเกี่ยวแก่การบ้านการเมือง จดจำตัวเลข สถิติ หรือข้อมูลทางวิชาการไม่ใคร่ได้ เพียงคิด ดู และพรรณนาไปตามความรู้สึก หญิงอื่นอาจรอบรู้เก่งกาจแตกต่าง แหละความเป็นหญิงอาจไม่ใช่ข้ออ้าง ฉันเพียงบอกเล่าจากมุมของตน
รวิวาร
  ตัวเป็นๆ   ‘อาว์’ อยู่บนรถเข็น มองมาด้วยดวงตาลึกงัน รอบข้างคือความเคลื่อนไหว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยโบกไม้โบกมือ สตริงควอเท็ตมือสมัครเล่นจบไปแล้วค่ำนั้น งานหนังสือในสวน  ข้าพเจ้าเดินผ่านสายตากราดปะทะ แต่มิได้เข้าไปหา  เหมือนโลกหยุดนิ่งชั่วขณะ ช่วงเวลาอันควรมาถึง แต่ข้าพเจ้ากลับปล่อยผ่าน ลูกและสามีเร่งยิกๆ ให้กลับ เฉกเช่นด้านบัดซบของความจนปล่อยลอยผ่าน รวมเรื่องสั้นรอซื้อสำหรับส่งไปบูชาครู รดน้ำดำหัวที่โป่งแยงคราวสงกรานต์ ข้าพเจ้าให้เผอิญอยู่ไกล ไม่ได้ข่าว ขาดงบประมาณบ้าง มิได้กราบอาว์จริงๆ สักครั้ง
รวิวาร
ชื่อชั้น (2) รึจะเป็น ใต้ถุนป่าคอนกรีต สนิมกรุงเทพฯ หรือ? สำมะหาอะไรกับความทรงจำของเด็ก ข้าพเจ้าพยายามเดาจากรายชื่อหนังสือที่พิมพ์ก่อนปีเกิด แต่ก็หมดปัญญา
รวิวาร
อ่านแรก (1)   ข้าพเจ้าจำได้ ตู้ไม้กรุกระจกใบย่อมใต้หิ้งพระบ้านยาย นอกจากข้าพเจ้ากับน้องจะยึดประตูของมันคนละบาน ใช้ปลายเท้าจิกลงบนกรอบไม้ชิ้นบางที่ยึดแผ่นกระจกด้านล่าง ขณะสองมือเหนี่ยวกรอบบนเท้าข้างหนึ่งถีบพื้นกระดาน แนบร่างกับแผ่นกระจก เหวี่ยงประตูเข้า ๆออกๆ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตู้หลังนั้น ใบเดียวกับที่ตั้งอยู่ข้างตัวยามนี้ อัดแน่นด้วยหนังสือ ยัดทะนานความคิดความรู้สึก
รวิวาร
หมุนวนแต่ไม่ได้หมุนรอบ ซ้ำซากอยู่กับที่ หรือทุกข์ทรมานเหนื่อยล้าราวถูกตีตรวน มันคือรอบของเกลียวที่หมุนขึ้นสู่เบื้องบน ส่งสัญญาณชัดแจ้งตั้งแต่ตอนแรกแล้วในดีเอ็นเอ วงโคจรแห่งดาว กำเนิดจักรวาล ชีวิต วงหมุน สังสารวัฏ รอบซึ่งมีทิศทะยานขึ้น พัดพาเราหนุนเนื่องไหลตามไป ขออย่างเดียว แค่อย่าเขลาไถลลื่นลง ถึงอย่างนั้น การย้อนศรชีวิตก็ไม่น่าง่าย เพราะมันขัดกับตัวชีวิตเอง แม้จะมีความโง่เขลายิ่งใหญ่ในการทำลายตัวเองหนุนโลกอยู่โต้งๆ ...คุณก็รู้ สัตว์ป่าออกครอบครองพื้นที่แถบเชอร์โนบิล พวกมันจับจองเตาไฟ พื้นกระท่อมที่ถูกทิ้งร้าง หลังผู้อาศัยอพยพหนีรังสีนิวเคลียร์ คุณก็เห็น เวทีเล็กเวทีน้อยที่ชาวบ้านไหวตัว…
รวิวาร
  ฉันตื่นมาตอนหกโมง หมอกลงฝอยขาวโพลนจนมองเห็นเพียงใกล้ๆ อากาศหนาวจนตัวสั่นไปหมด  วันนี้เช้าและหนาวเกินกว่าจะไปสวรรค์...
รวิวาร
      มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเราก้าวพ้นธรณีประตูเข้าไป พวกเขาทำกับเราเช่นนั้น เหล่านักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ถูกดูดดึงด้วยเวทมนต์บางอย่าง ถูกสะกดและแปลงเปลี่ยนผัสสะด้านใน ฝนไม่เป็นฝนดังที่คุณรู้สึก เจมส์ จอยซ์ทำให้มันเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวายและโศกเศร้า คุณค่อยๆหลุดหาย หายไปในเมืองที่ดรออิ้งภูมิภาพไม่เข้มชัด ภาพเขียน ซึ่งไม่เหมือนจริง ภาพถ่ายที่คมชัดในรายละเอียด เหมือนก้อนทึบ บลุบเบลอ ทว่าแน่นหนักด้วยโทนอารมณ์รู้สึก ต่างกับเรื่องเล่าที่ดำเนินด้วยเหตุการณ์ พล็อตฉับไวของสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรียงลำดับตามแบบแผน ผู้คนที่กำลังถูกไล่ล่า…
รวิวาร
เหมือนความเศร้านั้นมีมวล  แผ่จับและหนักอึ้งอยู่จนถึงรุ่งเช้า  ในดวงตาก้มต่ำ ริมฝีปากเงียบงันล่องลอยยังที่ใด ตัวมันเองไม่ต้องการคำถาม ไม่สรรหาคำอธิบายมาบอก ความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องใต้นั้น ภาษาก็อับจนหนทาง