Skip to main content

นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง

................................................................

พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง

ชีวิตที่ผ่านมาของน้องต้องเผชิญหลายสิ่ง  เรามาจากครอบครัวที่มีปัญหา  แต่ดูเหมือนน้องจะหนักหนากว่า   พี่จึงประหลาดใจและชื่นชมในข้อที่ว่า น้องสามารถก้าวผ่านมันมา  ปลอดภัยและสามารถรักษาจิตใจที่ดีงามเข้มแข็ง
    
บางทีเราก็หัวเราะร่วนบ้าบอด้วยกันนะ  ขบขัน ประชดประชันเรื่องนั้นเรื่องนี้  สิ่งหนึ่งที่พี่สัมผัสก็คือ น้องไม่เคยนินทาว่าร้าย ไม่พิพากษาหรือว่าตัดสินใคร  ในหัวใจเธอมีเรือนชาน  เปิดกว้างต่อทุกความเป็นไปและเหตุปัจจัยที่หล่อหลอมตัวตนมนุษย์   
    
บางคนดูว่าน้องไร้สาระ  แต่การงานของน้องจริงจังหลักแหลม   ที่พี่ชอบใจคือเราถูกมนตราของหนังสือสะกดจนหัวปักหัวปำเหมือนกัน  หากมีหนังสือสักเล่มอยู่ในมือละก็  เราไม่ต้องกินต้องนอนก็ได้   เราเคยผลัดเวรหลับ สลับกันตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือเล่มเดียว  คิดดูก็น่าขำ ที่ยังทำตัวเหมือนเด็ก   แต่น้องก็มีความเป็นเด็กจริงนั่นแหละ  น้องชอบเล่นกับเด็ก ๆ   ส่วนพวกตัวเล็กก็เรียกหาแต่น้อง
     
การงานของน้องทำให้ต้องวางตัวสอดคล้องตามสถานการณ์แตกต่าง  ท่ามกลางคนหลากหลายชนชั้น สถานะ  บางทีน้องก็ทุกข์ใจ  เพราะมุ่งมั่นตั้งใจรับผิดชอบ ด้วยจิตใจของคนเป็นผู้ใหญ่   อันที่จริง เธออยากอยู่ง่าย ๆ กางแข้งกางขา พูดจาไร้สาระ สนุกเฮฮา ไม่อยากวางท่าเป็นผู้ชำนาญการ  หรือผู้หลักผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือ   แต่ก็เต็มใจทำเมื่อไม่อาจนิ่งดูดาย

ทุกคืน ทุกวัน   น้องขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านป่า  ทำทุกอย่างที่ทำได้เพราะหัวใจไม่อาจปฏิเสธ  พาชาวบ้านไปหาหมอ  ช่วยจดทะเบียนสำมะโนครัว  จัดฝึกอบรม  ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเล็กๆ น้อย ๆ ร่วมโครงการห้องเรียนชุมชน  ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง นอกเหนืองานที่องค์กรสั่ง  
    
บางที ที่มนุษย์ยิ่งใหญ่อาจเป็นเพราะเขาไม่ยอมแพ้ หรือศิโรราบต่อชะตากรรมและข้อจำกัดที่พบบนหนทาง   เขางดงาม เนื่องเพราะมีความหวังใจที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง  เขาไม่เลือกเพียงความสุขสบาย ความปลอดภัยส่วนตน  แม้ว่าเขาจะมิได้ประกอบการงานแห่งอุดมคติอย่างเชื่อมั่น สุขสงบ   เขาทุกข์  บ่อยครั้งสับสนขัดแย้ง ไม่เข้าใจตัวเอง  หลายครั้งคราต้องทำในสิ่งที่ไม่ถนัดและลำบากใจ    
      
เรามีจริตนิสัยเยี่ยงคนธรรพ์  รักการสรวลเสเฮฮา  เหน็ดหน่ายที่จะจริงจังตลอดเวลากับโลกใบนี้   เราผ่อนคลายสุขสบายที่สุดเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกพ้อง  ในโลกเสรีที่ปราศจากกฎกติกา   มีเพียงระเบียบแห่งใจ คือความเคารพธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์   เรารู้สึกพอใจที่ได้เป็นพลเมืองของดาวเคราะห์โลกมากกว่าประชากรของดินแดนเล็ก ๆ ที่ตราเส้นบอกเขตสมมติ  เชื่อในกฎธรรมชาติว่าเป็นจริง ศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจขัดขืน  หากแต่ไม่วางใจ และใคร่ตรวจสอบอำนาจอันมาจากมนุษย์

20080506 (1)

หมู่บ้านเล็ก ๆ พื้นที่ราว 3 งานแห่งนั้น  ชนเผ่าดาระอั้ง 300 คน ซึ่งอยู่อย่างเบียดเสียดยัดเยียด  ถูกดำเนินคดีและจับกุมด้วยข้อหาบุกรุกป่านับครั้งไม่ถ้วน   กฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองต้นไม้ขับไล่ผู้คนออกไป   ผืนทวีปไม่ใช่ที่ที่ใครจะเลือกอาศัยอยู่ตามใจชอบ  แม้โลกจะเป็นบ้านของมวลมนุษย์   แหละผืนดินมีไว้ให้คนเพาะปลูก อยู่อาศัย    พืชพรรณธัญญาหาร  ต้นไม้อากาศ และน้ำ มีเพียงพอสำหรับเราทุกคน  แต่สุดท้าย รัฐ  กฎหมาย สนธิสัญญา สิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์บัญญัติขึ้นกลับศักดิ์สิทธิ์กว่าชีวิตมนุษย์   ชนชายขอบหลายล้านคนในโลกจึงต้องอดอยาก  ขาดแคลนที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน  รากเหง้าถูกทำลาย  วิถีบรรพชนลบเลือน   เหมือนกับเราส่วนใหญ่  ที่ทุกวันนี้ถูกลดสภาพมนุษย์กลายเป็น ‘ผู้บริโภค’  มีชีวิตตามวิถีทุนถูกกำหนด  เพียงแต่พวกเขาเหล่านั้นเข้าไม่ถึง ไม่อาจ ‘บริโภค’ เช่นเรา      
    
น้องวนเวียนเข้าออกบ้านปางแดง ผ่านแนวป่ายามค่ำ  ท่ามกลางความมืด แดดร้อนเร่าและลมพายุ   ทุ่มเทเรี่ยวแรงและจิตใจ เหมือนที่เคยร่วมช่วยชุมชนทางใต้ได้ผืนดินกลับคืน   พี่รู้ กระบวนการทั้งหมดที่เกิดไม่ได้มีใครเป็นตัวละครเอก   ที่นี่ ผู้คนที่มีใจเวียนวนเข้าออก หาทางช่วยเหลือ  ร่วมแก้ไขปัญหาตีบตันซ้ำซาก  เพียงแต่เวลานี้ เหตุปัจจัยต่าง ๆ มาสู่สำนึกรับผิดชอบของเธอ  น้องจึงไม่อาจวางมือได้
    
พี่เขียนเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกเคารพในตัวตนของน้อง  ในสิ่งที่น้องทำ พร้อมทั้งอยากขอบคุณเธอที่ทำให้เลือดในหัวใจพี่สูบฉีด  พลุ่งพล่านด้วยความกล้า ความหวัง และการอุทิศตัว  ทำให้พี่ระลึกขึ้นได้ว่ายังมีผู้คนเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่อีกมากมายกำลังทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อโลกอยู่  แม้ว่าอาจจะเล็กน้อยจนไม่เป็นที่สังเกต  ทว่า คนที่ทำความดีแม้เพียงคนเดียวย่อมแผ่วงคลื่นออกไป  กระเพื่อมออกจนสุดฝั่งโลก   การลุกขึ้นสู้โดยปราศจากชุดเกราะ  ศัสตราวุธ หรือกองทัพเกรียงไกรหนุนหลัง แต่ยังคงเปี่ยมพลังมุ่งมั่น นั่นล่ะ! ความสง่างาม  คือการยืนยันถึงศักดิ์ศรีและเหตุแห่งการเกิดเป็นมนุษย์   มันคือไฟแห่งเทวะที่ลุกไหม้อยู่ในร่าง  คือคุณงามความดี  จิตใจที่จรรโลงสู่ท้องฟ้า  และศักยภาพสูงสุดที่จะกอบกู้ เยียวยา สรรค์สร้าง อันอาจส่งพลังแก่ผู้อ่อนล้าอย่างคาดไม่ถึง

20080506 (2)

อันที่จริง พี่เขียนมาเพราะไม่มีของขวัญให้น้องน่ะ  (แหะ ๆ) ขอถ้อยคำเหล่านี้แทนพรในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 29 นะจ๊ะ  ขอให้น้องมีความสุข มีพลังใจไม่เสื่อมคลาย  ขอให้วงกระเพื่อมจากกรวดก้อนเล็ก ๆ ในมือน้องสะท้อนพละกำลังและความรักความเข้าใจกลับมาอย่างไม่สิ้นสุด  ให้น้องสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างเบิกบานและเข้มแข็ง  เอาล่ะ! ยิ้มกว้าง ๆ  รับพรและคำสรรเสริญเยินยอจากพี่สาวคนนี้ไปแต่โดยดี  
    
บทนี้ ฉันเขียนถึงเธอคนนั้น  และเพื่อส่งสารจากใจถึงคนธรรมดาสามัญที่เล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ทุกผู้   ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กำลังทำสิ่งเล็กน้อยหรือใหญ่โตแค่ไหน  เราจะเป็นกำลังใจให้กัน  เพราะเราคือ ‘มนุษย์’  โลกใบนี้เป็นของเราร่วมกัน

* อ่านเรื่องราวของหมู่บ้านปางแดงได้จากงานวิจัยของสกุณี  ณัฐพูลวัฒน์  และงานเขียนของสุวิชานนท์ รัตพิมล  รายงานโดย ภู เชียงดาวใน Prachatai.com หรือข้อมูลจากแหล่งอื่นทางอินเตอร์เนต ...ชาวบ้านปางแดงถูกจับกุมคุมขังมาหลายครั้ง  คดีหลังสุด  ศาลยังไม่พิพากษา เพื่อดูว่าจะหาหนทางแก้ไขอย่างไร ปัจจุบันมีทั้งสถาปนิก ทนายความ และเอ็นจีโอช่วยกันคิดหาทาง

บล็อกของ รวิวาร

รวิวาร
เชื่อในพระองค์จึงมุ่งหวังถึงสิ่งดีพร้อม เชื่อในตัวตนบริสุทธิ์ หัวใจสะอาดสมบูรณ์ ...ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันตั้งใจอย่างดีที่สุด ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำด้วยหัวใจ ถึงอย่างนั้น ภายหลัง มักรู้สึกเสมอว่า ยังมีดีที่สุดมากกว่านั้นรอคอยอยู่ เมื่อได้เห็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตัวเอง ขี้เกียจ ขาดวินัย หรือว่าเวลาไม่พอ เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น น้องชาย ตัวสูงใหญ่ บางถ้อยเผลอไผล วาดหวังเหรียญเงินและเหรียญทองแดง รางวัลชมเชยนั้นไว้คิดถึงมันยามต้องทำใจปล่อยวางไม่ดีกว่าหรือ เมื่อลงแรงลงใจทำสิ่งใด น่าจะใช้หนทางธรรม อยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม…
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา…
รวิวาร
  ฉันรู้ว่า เธอต้องการใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและมั่นคง ผู้หญิงคนนั้น สตรีร่างยักษ์ซึ่งเคยก้มลงมายังเธอ ยิ้มอย่างใจดี แววเอ็นดูท้นอยู่ในดวงตา แล้วต่อมา ร่างของเธอกลับยืดสูง ขยายขึ้น เธอตัวสูงกว่าหญิงคนนั้น การรับรู้ของหล่อนเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่เด็กน้อยที่หล่อนต้องคอยกางปีกปกป้อง ทว่า ข้างในเธอกลับยังโหยหาวงแขนนั้น เธออยู่ระหว่างการต้องการการอารักขา และการยืนหยัดด้วยตัวเอง เหมือนรอยต่อระหว่างรัตติกาลและสนธยา มืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หล่อนและคนตัวโตอื่น ๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างไร บางครั้งเข้มงวดเหมือนเด็กเล็ก ๆ บางคราวปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นผู้ใหญ่…
รวิวาร
ทุกเช้า ฉันตื่นขึ้นมาดูโลกสวยงาม ถอดกลอนประตูบ้าน ก้าวออกมานอกชาน ต้นไม้ภูเขาเขียวแจ่ม น้ำเงินเย็นตา แซมด้วยเหลืองสว่างตามพุ่มไม้ใบหญ้า บานบุรีสีชมพูม่วงผลิบานไม่หยุดจนกิ่งผอมค้อมคล้อย ส่วนลำไยของเจ้านกน้อยทยอยกันสุก ฉันเป็นคนสวน ทำงานอยู่ในสวนอักษร เช้านี้กลับฝันหวานถึงสวนบนดินที่ยังไม่ได้ลงแรง เราจะปลูกดอกไม้ได้ทันหน้าฝนไหมนะ ใจมันเตลิดเพริดไปแล้ว คิดถึงราชาวดี ซอมพอสีส้ม เหลือง ชมพู ไอรีสสีเหลืองที่ต้องไปขอกล้า รวมทั้งว่านสี่ทิศสีขาว กุหลาบสีชมพูอมขาวซึ่งไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมรีสอร์ต เครือออน ไฟเดือนห้ากับดอกอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่จำรูปร่างหน้าตา ลักษณะ ที่อยู่อาศัยได้ติดใจ…
รวิวาร
ลมหนาวยังไม่มาเยือน แต่อาคันตุกะมากหน้าแวะเวียนผ่านมาหลายคราแล้ว ชานหน้าบ้านกลายเป็นที่ชุมนุมคารวะดื่มด่ำภูเขา หมาแมววิ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เห่าเสียงเครื่องยนต์ไม่คุ้นหู ยื่นหน้ามาสูดกลิ่นยั่วน้ำลายในโตก ความรื่นเริงของหมู่มิตรอึกทึกแข่งเสียงนกในทุ่งสงัด แนวเทือกเขาซ้อนเหลื่อมชายแดนค่อย ๆ เผยเรื่องเล่าผ่านริมฝีปากพี่ชาย* ย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่เรายังเด็ก ยามโถงรับแขกของทุกบ้านมีดอกฝิ่นแห้งประดับแจกัน การแตกแยกอันนำไปสู่สงครามระหว่างชนเผ่าในประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามไล่ล่าข้ามดอย รบพุ่ง ทิ้งซากร่างและเม็ดกระสุนในเขตเชียงดาว ผืนโลกอัดแน่นด้วยเรื่องราว ตามเส้นทางลัดเลาะบนโขดเขาสีน้ำเงิน…
รวิวาร
ฝนมาเพียงไม่กี่ฝนเท่านั้น กิ่งสักโล้นโกร๋นก็ผลิใบกว้าง สีเขียวถูกเทระบายลงแทนสีแดง วันเว้นวันฟ้าหม่นมัว สีเทาดำปื้นเหมือนหมึกฉาบลงบนเมฆในท้องฟ้าก่อนซัดซ่าลงมาเป็นสายน้ำสีขาว เราจ้างคนมาขุดบ่อลึกลงไปอีกเมื่อปลายเมษาฯ ค่าแรงสำหรับตาน้ำใหม่คิดตามอัตราชนชั้นกลางในหมู่บ้าน (แพงกว่าปกติ) เพียงสัปดาห์ผ่าน ฝนกลับกระหน่ำลงมา บ่อเล็ก ๆ ของเราไม่เคยแห้งอีกเลย จากนั้น ลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แล้วสวนกว้างก็เขียวขจีด้วยพงหญ้า เหมือนที่ภูเขา เรือกสวน ไร่นาและท้องทุ่ง ในตลาดและเพิงหญ้ารายทาง หน่อไม้แรกของปีขาวผ่อง เห็ดเผาะอ่อนๆ เยี่ยมหน้ามาในกรวยใบตองตึง ตามอย…
รวิวาร
  แซงแซวหางบ่วง คืออาคันตุกะตัวใหม่แห่งท้องทุ่งและคาคบ ตัวยาวเรียวสีออกดำ คาบหญ้าแห้ง บินผ่านต้นมะขามที่เพิ่งแตกใบอ่อน ผ่านกอกล้วยกอไผ่ โฉบสูงขึ้นไปบนคบไม้ ทิ้งรอยเรียวหางแฉกยาวไว้เป็นทางไม้ใหญ่หน้าบ้านเป็นอาณาจักรของหมู่นก ฤดูฝน ฤดูแห่งความสมบูรณ์ของพื้นพิภพ นกมากมายบินมาอาศัย เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่อยากเปิดหนังสือ ท่องชื่อนกหรือดวงดาว ฉันอยากรู้จักพวกเขาเป็นส่วนตัว จากพฤติกรรมที่เขาสัมพันธ์กับเรา จะได้จดจำกันด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึก ‘เธอ’ ไม่ใช่นกเอี้ยงสาลิกา ซึ่งเลิกมาทะเลาะกันบนหลังคาบ้านฉันสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นนกขนาดย่อม…
รวิวาร
เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ฉันมักจะฝันถึงเธอเสมอเวลาที่เราอยู่ไกลห่าง เธอยังเหมือนเดิม ส่งเสียงแจ้ว ๆ ไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอคือเด็กน้อยน่ารักที่สุด ความรู้สึกของเธอ หัวใจของเธอ ฉันรู้จักดีที่สุด แม่ของเธอคิดถึงเธออยู่นะสาวน้อย พ่อทางใจน้ำตาคลอขณะพับเสื้อกระโปรงตัวจิ๋วของนกน้อยต้อยตีวิด ส่วนพี่สาวที่ชอบข่มขู่ดุว่า แต่ก็ถลาไปปกป้องน้องยามมีภัยบ่นอยู่นั่นแล้วว่า คิดถึงเธอเหลือเกิน ใครจะรู้สึกถึงดินฟ้าได้เท่าเจ้านกน้อย สำหรับเธอแล้ว ก้อนกรวดที่พบตามพื้นดินหรือในลำธารสวยเสียจนต้องเก็บมาพินิจ เช่นเดียวกับลูกปัด ลูกแก้ว พลาสติกหรือพลอยเทียมราคาถูก ต้นไม้ดอกไม้ แมลงตัวเล็ก…
รวิวาร
ฤดูกาลแห่งดอกผล .............ก่อนหน้านี้ความไม่รู้พาเราไปอยู่ไหน  ที่เราเห็นคือกิ่งแห้ง ๆ ใบจุด ๆ สีดำ  ทว่า เวลานี้ หลังจากที่ฤดูฝนพ้นผ่าน หนาวจากจาง  ใบใหม่สีเขียวอ่อนงอกแซมตามกิ่งเก่า  สัปดาห์ เดือนผ่าน กระทั่งเข้ม เขียวขลับ  พร้อมกันกับช่อดอกเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน หอมละมุนขจรขจาย  และกำลังจะกลายเป็นผล ...ต้นลำไยที่เคยทอดอาลัย   โมกสองต้นหน้าระเบียงผลิใบใหม่เขียวขจี รายเรียงตามกิ่งก้านคล้ำเข้ม...พี่ชาย ‘ชนกลุ่มน้อย’ มาถึงบ้านพร้อมด้วยเมล็ดกาแฟคั่วบด และค่าเรื่อง  รอยยิ้มอบอุ่นบอกกล่าวถ้อยคำมากมาย  .............
รวิวาร
เหมือนความต้องการไม่รู้จบ ... ยามเช้า จะดีเสียกว่า หากปราศจากเสียงจากหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน  ฉันต้องการเพียงสรรพสำเนียงยามเช้า  ที่ผู้เป็นเอกคือเหล่านกน้อย  โดยเฉพาะนักร้องนำดุเหว่าแห่งวงมโหรีไม้ใหญ่   เจ้านกส่งเสียงเซ็งแซ่ เริงร่า มีชีวิตชีวาทุก ๆ เช้า  เริ่มรุ่งอรุณอันสดใหม่  แล้วที่เหลือจากนั้น  ขอเพียงเสียงแผ่ว ๆเคล้าระคนจากชีวิตน้อยใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามคบไม้ พงหญ้า   ท้องฟ้าจะได้ค่อย ๆ ซ่านแสงสี  ดวงตะวันจะได้เผยโฉมออกมาโดยปราศจากคนรบกวนเมื่อแรกเห็น  เราดีใจว่าที่นี่ไม่เปลี่ยวร้างเกินไป  ถนนเงียบสงบลาดผ่าน …
รวิวาร
สีแดงมาจากไหน  ล่องหนอยู่ในน่านฟ้าหรือ?...  เริ่มละเลงลงบนใบหูกวาง ชมพูแซมแทรกด้วยแดง  ระบายจุดสีคล้ำตามใบ ก่อนเคลือบด้วยน้ำตาล  ฤดูกาลคืบคลานมาช้า ๆ  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงขีดสุดกลางเดือนเมษาฯเหยี่ยวดำคู่ผัวเมียแห่งเชิงผาหายไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ดุเหว่าร่อนร้องทั้งยามเช้าและเวลาเย็น ...กาเว๊า ๆ   เหยี่ยวทุ่งสีขาวเทาเยี่ยมหน้า  โฉบร่อนตามแนวถนน  บนกิ่งไม้และเหนือทุ่ง   ผืนดินเริ่มแห้ง  ต้นหญ้าสลดเฉาดุจเดียวกับพืชผล  มะเขือเทศข้างร่องน้ำผลิลูกเล็ก ๆ สีอ่อน ไม่ทันไรก็สุกแดง แห้งเหี่ยวหมดทั้งต้น  …
รวิวาร
นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่เรารู้จัก  ฉันรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์  คนบางคนเหมือนสิ่งไม่คาดฝัน  อยู่ตรงหน้า พบเห็นเจนตา  ทว่า เมื่อคลี่เผยตัวตนออกมากลับงดงามยิ่ง................................................................พี่ดีใจที่ได้รู้จักและสนิทสนมกับน้อง  แม้ว่าสายตาหลายคู่ที่มองผ่านอาจเห็นเพียงหญิงสาวกะโปโลเริงร่า   ทว่า พี่ได้พบหลายสิ่งหลายอย่างไม่ธรรมดาในตัวน้อง