10 ต.ค. 55
สวัสดีครับอาจารย์ธีระพล อาจารย์ครับผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ผมได้พบข่าวอาจารย์ได้เอาเรื่องของพวกผมลงเฟชบุ๊ค และผมก็คิดว่าดีเหมือนกันครับอาจารย์ เพราะผู้คนจะได้รู้กันบ้างว่า การที่พวกผมต่อสู้กันมานี่ได้อะไรกันมาบ้างทุกวันนี้ แล้วมีความยุติธรรมแล้วหรือสำหรับผมและทุกคนที่พากันอยู่ในที่แห่งนี้ เพราะในเมื่อศาลไม่เป็นธรรมต่อพวกผมแล้ว และพวกผมจะไปเรียกร้องหาความเป็นธรรมจากใครที่ไหนเล่า หรือจะให้พวกผมไปเรียกร้องกับศาลพระภูมิ เพราะศาลจริงๆแล้วต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ใช่ไหมครับอาจารย์
แต่ศาลในประเทศไทยเราในทุกวันนี้กลับเป็นที่พึ่งของใครบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ความศักดิ์สิทธิเหมือนสมัยก่อนหายไปไหนกันหมด หรือว่าหมดไปกับพวกอำมาตย์แล้วครับอาจารย์ หาเป็นเช่นนี้ต่อไปประเทศไทย และคนชนชั้นรากหญ้ากระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลานคงจะต้องย่ำแย่อย่างแน่นอน เพราะส่วนมากคนที่ร่ำรวยเงินทองเจ้าใหญ่นายโตมีเส้นสาย พากันอยู่เหนือกฎหมายเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่จะพากันติดคุก คงไม่เหมือนคนจนชาวรากหญ้า ผิดน้อยผิดมากก็ต้องติดคุกกันแทบทั้งสิ้นเพราะไม่มีเงินประกันตัวออกมาสู้คดีของตัวเอง ประการนี้แหละคนถึงล้นคุก
อย่างเช่นเรื่องและคดีของผมเองยัดเหยียดข้อหาให้ตัวผมเสียหนัก แค่ในวันนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจริงๆ ผมทำหน้าที่ อ.พ.ป.ร. พลรเมืองดีคนหนึ่งได้เข้าไปห้ามผู้ชุมนุมและช่วยคนที่ถูกทหารยิงบาดเจ็บออกมาเพื่อจะส่งเขาไปโรงพยาบาลเท่านั้นเอง แต่แล้วตัวผมต้องได้รับความผิดขนาดนี้เชียวหรือ ความผิดทั่งๆ ที่ตัวผมช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันเป็นธรรมแล้วหรือสำหรับตัวผม ส่วนหลักฐานที่ทางตำรวจได้ส่งให้ศาลนั้น ภาพของผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มีแค่ภาพถ่ายได้เข้าไปช่วยผู้ชุมนุมและช่วยคนถูกยิง ปัญหาอยู่ที่ผมยืนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่กลับกล่าวหาและยัดเหยียดข้อหาให้แก่ผมว่าร่วมกันวางเพลิง ทั่งๆที่ตำรวจนายหนึ่งเขาเป็นผู้ถ่ายภาพ เขาได้ขึ้นให้การต่อศาลและเขาก็ได้บอกต่อศาลแล้วว่า ไฟได้ลุกไหม้แล้วก่อนที่ตัวของผมจะเข้าไปในบริเวณของศาลากลาง
และในช่วงนั้นผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชุมนุมเข้าไปเผาศาลากลาง เพราะในช่วงเวลานั้นมีแต่พวกทหารเท่านั้นที่พากันอยู่ด้านในของตัวศาลากลาง และพวกทหารก็มีแต่ปืน ส่วนพวกผู้ชุมนุมที่ถูกยิง ก็โดนยิงมาจากชั้นสองของตัวอาคารศาลากลางอาจารย์ก็ลองคิดดูจะมีใครที่ไหนเขาจะกล้าเข้าไปในช่วงนั้น ขนาดยังไม่ได้เข้าไปยังโดนทหารยิงแล้วใครเขาจะกล้าเข้าไปครับอาจารย์ และผมสงสัยเหมือนกันในวันนั้นว่าหน่วยดับเพลิงทำไมไม่พากันมาดับเพลิง แต่เขาไปให้การต่อศาลว่า หน่วยงานดับเพลิงของพวกเขาโดนคนขู่ว่า หากพากันมาดับไฟที่ศาลากลางเขาขู่ว่าเขาจะพากันมาเผาหน่วยงานดับเพลิงด้วย ภาระหน้าที่ของหน่วยดับเพลิงแท้ๆ มีที่ไหนกลับกลัวคำขู่ไม่รู้ว่าเป็นใครโทรขู่กลัวจนไปกล้าจะไปดับไฟศาลากลาง
และรถดับเพลิง 2 คันที่จอดอยู่ในบริเวณศาลากลางในขณะนั้นก็ไม่เห็นออกมาดับไฟ อ้างว่าน้ำหมด และอีกประเด็น ทหาร - ตำรวจ - อ.พ.ป.ร. – อ.ส. ที่พากันยืนอยู่ 400 – 500 คน เวลานั้นทำไมต้องพากันออกไปหลบอยู่ด้านหลังศาลากลางทำไม ผู้ชุมนุมในเวลานั้นก็มีแค่ 50 – 60 คนแค่นั้นเองครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องที่เกิดทั้งหมดนี้มันเป็นแผนทั้งหมดเลยครับอาจารย์ เหมือนเหตุการณ์ที่อยู่กรุงเทพครับ และผมยังข้องใจอีก เรื่อง ทำไมผู้ชุมนุมเขาเดินเข้าไปบริเวณของศาลากลางเพื่อเข้าไปเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรมมีแค่มือเปล่าๆ ทำไมทหารจะต้องยิงพวกเขาด้วย พวกเขาผิดอะไรหนักหนาทำไมถึงยิงพวกเขาได้ลงคอเหมือนไม่ใช่คนไทยด้วยกัน ฉบับนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับอาจารย์ฉบับหน้าผมจะเขียนมาเล่าใหม่
แต่ศาลในประเทศไทยเราในทุกวันนี้กลับเป็นที่พึ่งของใครบางคน บางกลุ่ม บางพรรค ความศักดิ์สิทธิเหมือนสมัยก่อนหายไปไหนกันหมด หรือว่าหมดไปกับพวกอำมาตย์แล้วครับอาจารย์ หาเป็นเช่นนี้ต่อไปประเทศไทย และคนชนชั้นรากหญ้ากระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลานคงจะต้องย่ำแย่อย่างแน่นอน เพราะส่วนมากคนที่ร่ำรวยเงินทองเจ้าใหญ่นายโตมีเส้นสาย พากันอยู่เหนือกฎหมายเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่จะพากันติดคุก คงไม่เหมือนคนจนชาวรากหญ้า ผิดน้อยผิดมากก็ต้องติดคุกกันแทบทั้งสิ้นเพราะไม่มีเงินประกันตัวออกมาสู้คดีของตัวเอง ประการนี้แหละคนถึงล้นคุก
อย่างเช่นเรื่องและคดีของผมเองยัดเหยียดข้อหาให้ตัวผมเสียหนัก แค่ในวันนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจริงๆ ผมทำหน้าที่ อ.พ.ป.ร. พลรเมืองดีคนหนึ่งได้เข้าไปห้ามผู้ชุมนุมและช่วยคนที่ถูกทหารยิงบาดเจ็บออกมาเพื่อจะส่งเขาไปโรงพยาบาลเท่านั้นเอง แต่แล้วตัวผมต้องได้รับความผิดขนาดนี้เชียวหรือ ความผิดทั่งๆ ที่ตัวผมช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันเป็นธรรมแล้วหรือสำหรับตัวผม ส่วนหลักฐานที่ทางตำรวจได้ส่งให้ศาลนั้น ภาพของผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มีแค่ภาพถ่ายได้เข้าไปช่วยผู้ชุมนุมและช่วยคนถูกยิง ปัญหาอยู่ที่ผมยืนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่กลับกล่าวหาและยัดเหยียดข้อหาให้แก่ผมว่าร่วมกันวางเพลิง ทั่งๆที่ตำรวจนายหนึ่งเขาเป็นผู้ถ่ายภาพ เขาได้ขึ้นให้การต่อศาลและเขาก็ได้บอกต่อศาลแล้วว่า ไฟได้ลุกไหม้แล้วก่อนที่ตัวของผมจะเข้าไปในบริเวณของศาลากลาง
และในช่วงนั้นผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชุมนุมเข้าไปเผาศาลากลาง เพราะในช่วงเวลานั้นมีแต่พวกทหารเท่านั้นที่พากันอยู่ด้านในของตัวศาลากลาง และพวกทหารก็มีแต่ปืน ส่วนพวกผู้ชุมนุมที่ถูกยิง ก็โดนยิงมาจากชั้นสองของตัวอาคารศาลากลางอาจารย์ก็ลองคิดดูจะมีใครที่ไหนเขาจะกล้าเข้าไปในช่วงนั้น ขนาดยังไม่ได้เข้าไปยังโดนทหารยิงแล้วใครเขาจะกล้าเข้าไปครับอาจารย์ และผมสงสัยเหมือนกันในวันนั้นว่าหน่วยดับเพลิงทำไมไม่พากันมาดับเพลิง แต่เขาไปให้การต่อศาลว่า หน่วยงานดับเพลิงของพวกเขาโดนคนขู่ว่า หากพากันมาดับไฟที่ศาลากลางเขาขู่ว่าเขาจะพากันมาเผาหน่วยงานดับเพลิงด้วย ภาระหน้าที่ของหน่วยดับเพลิงแท้ๆ มีที่ไหนกลับกลัวคำขู่ไม่รู้ว่าเป็นใครโทรขู่กลัวจนไปกล้าจะไปดับไฟศาลากลาง
และรถดับเพลิง 2 คันที่จอดอยู่ในบริเวณศาลากลางในขณะนั้นก็ไม่เห็นออกมาดับไฟ อ้างว่าน้ำหมด และอีกประเด็น ทหาร - ตำรวจ - อ.พ.ป.ร. – อ.ส. ที่พากันยืนอยู่ 400 – 500 คน เวลานั้นทำไมต้องพากันออกไปหลบอยู่ด้านหลังศาลากลางทำไม ผู้ชุมนุมในเวลานั้นก็มีแค่ 50 – 60 คนแค่นั้นเองครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องที่เกิดทั้งหมดนี้มันเป็นแผนทั้งหมดเลยครับอาจารย์ เหมือนเหตุการณ์ที่อยู่กรุงเทพครับ และผมยังข้องใจอีก เรื่อง ทำไมผู้ชุมนุมเขาเดินเข้าไปบริเวณของศาลากลางเพื่อเข้าไปเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรมมีแค่มือเปล่าๆ ทำไมทหารจะต้องยิงพวกเขาด้วย พวกเขาผิดอะไรหนักหนาทำไมถึงยิงพวกเขาได้ลงคอเหมือนไม่ใช่คนไทยด้วยกัน ฉบับนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับอาจารย์ฉบับหน้าผมจะเขียนมาเล่าใหม่
ท้ายนี้ผมขอให้อาจารย์และคณะจงมีสุขภาพที่แข็งแรงตลอดไปนะครับ
สมศักดิ์ ประสานทรัพย์
จะไม่ท้อและไม่ถอยตราบที่มีลมหายใจอยู่
จะไม่ท้อและไม่ถอยตราบที่มีลมหายใจอยู่
บล็อกของ Redfam Fund
Redfam Fund
เสียงที่รอดเร้นจากลูกกรงแดนตารางของ"สมศักดิ์ ประสานทรัพย์"นักสู้เพื่อประชาธิปไตยจากเมืองดอกบัวที่บ่งบอกถึงสภาพจิตใจ ความรู้สึกหลังถูกจำขังโดยไม่ได้ประกันตัวนานกว่าสองปี
Redfam Fund
ธีร์ อันมัย บอกเล่าถึงชะตากรรมกว่าสองปีทีซัดเซและพัดเพของพวกเขานักโทษการเมืองแห่งเมืองอุบล