10 เมษา สามปีต่อมา กับความพยายามฟื้นตัวของครอบครัวอดีตผู้ต้องขังดคีเผาศาลากลาง ท่ามกลางสภาพปัญหาและการช่วยเหลือของเพื่อนเสื้อแดง และรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือนักโทษการเมืองอุบลราชธานี ครั้งล่าสุด
10 เมษา สามปีต่อมา
----------------------
เธอรับโทรศัพท์และบอกว่า หนูกำลังทำงานที่บ้านคุณครู
อีกครึ่งชั่วโมงเธอมาปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพราะครูอนุญาตให้ออกมาพบกลุ่มอาจารย์
01
นับจากพ่อของเธอถูกจับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2010 ครูที่โรงเรียนก็หาทางช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวที่เหลือเพียงแม่เป็นกำลังหลักด้วยการจ้างให้เธอในช่วงวันหยุด ล้างถ้วยล้างจาน ทำงานบ้าน พอได้ค่าจ้างวันละสองร้อย และนั่นก็ได้ช่วยบรรเทาภาระทางครอบครัวที่แม่แบกรับภาระตามลำพังเป็นเวลาปีเศษ ก่อนที่ศาลจะตัดสินยกฟ้องพ่อของเธอในคดีร่วมกันเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
ปีกว่าที่พ่อเธอได้รับอิสรภาพ พ่อและแม่พยายามฟื้นสถานะทางเศรษฐกิจครอบครัว ด้วยงานประจำของแม่ ด้วยงานช่างของพ่อ
แต่เมื่อกลางมีนาคมที่ผ่านมา แม่ของเธอก็มีอาการปวดหัว ตามองไม่เห็น ไปหาหมอหลายครั้งก็มีคำตอบเพียงว่า น้ำในตามีปัญหา จนกระทั่งไปเอ็กซเรย์จึงพบว่า มีเนื้องอกในสมอง และน่าจะเป็นมานานถึงสิบปีแล้ว และหมอก็ส่งตัวแม่ของเธอไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราชในเวลาต่อมา
02
ในเบื้องต้น ข่าวคราวของครอบครัวเธอเป็นที่รับรู้ในวงแคบ ๆ ของเครือญาติและคนสนิท จนกระทั่งตัวแทนของกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานีได้โทรถามข่าวคราวจากพ่อของเธอ จึงพบว่า ตอนนี้แม่ของเธอผ่านการผ่าตัดและพักฟื้นที่บ้านญาติที่อ.สมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยมีพ่อและน้องสาวมาดูแลใกล้ชิดเพื่อรอตรวจซ้ำอีกสองครั้งในปลายเมษายน 2013
นับแต่แม่ไม่สบาย ที่ทำงานของแม่ยื่นเงื่อนไขช่วยเหลือด้วยการให้เธอซึ่งปีนี้จะขึ้น ม.6 ไปทำงานแทนแม่สัปดาห์ละ 2 วัน ขณะที่ครูผู้เคยช่วยเหลือประจำก็จ้างเธอไปทำงานหลังจากวันทำงานแทนแม่อีกวันละ 200 บาท เพื่อให้เธอมีรายได้เลี้ยงตัวและยายของเธอเอง โชคดีหน่อยที่นี่เป็นช่วงปิดเทอม
03
เรื่องราวของแม่เธอถูกถ่ายทอดทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเหยื่ออธรรมจากการล้อมปราบประชาชนในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2010 แสดงเจตจำนงช่วยเหลือครอบครัวของเธอ มีอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2 คน สมทบเงินช่วยเหลือจำนวน 3,000 บาท เพื่อผ่อนเบาภาระของเธอ และตัวแทนกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังเสื้อแดงอุบลราชธานี มีมติมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของเธอจำนวน 2,000 บาท รวมเงินที่มอบให้เธอในวันนี้ (10 เมษายน 2013) จำนวน 5,000 บาท(ห้าพันบาทถ้วน)
คลิกอ่านเรื่องก่อนหน้าของ วาสนา ลิลา ที่นี่ http://www.facebook.com/photo.php?fbid=329426537103258&set=a.310808985631680.76884.100001077429414&type=1&
04
กองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังเสื้อแดงอุบลราชธานียังคงเคลื่อนไหวเงียบเชียบแต่มั่นคง
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2013 เสนาะ เจริญพร และ กิ่งกาญจน์ สำนวนเย็น ทำหน้าที่ถอนเงินและมอบให้กับครอบครัวผู้ต้องขังเสื้อแดงอุบลราชธานี 4 ครอบครัว ๆ ละ 2,000 บาท มอบให้ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คือ คำพลอย นะมี ซึ่งปัจจุบันสายตายังมีปัญหาการมองเห็น 2,000 บาท และครอบครัวของ เลื่อน ศรีสุโพธิ์ ที่สกลนคร 2,000 บาท รวมเงิน ที่เบิกในวันนั้นจำนวน 12,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน) และวันนี้ (10 เมษายน 2013) กิ่งกาญจน์ และ เสนาะ เบิกเงิน 2,000 บาทเพื่อมอบให้ นุ่น - บุญทิวา ลิลา ลูกสาวคนโตของบุญเหรียญ และวาสนา ลิลา เพื่อผ่อนเบาภาระให้กับครอบครัวให้กับเธอได้บ้าง
รวมเงินที่ถูกถอนในเดือนเมษายน 2013 จำนวน 14,000 บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถ้วย)
05
นอกจากรายจ่ายแล้ว จากวันที่ 5 เดือนมีนาคมจนถึงวันที่ 5 เดือนเมษายน 2013 มีรายการโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องขังเสื้อแดงอุบลราชธานี 4 รายการ คือ
1) วันที่ 19 มีนาคม 2013 มีเงินเข้า 6,871 บาท
2) วันที่ 20 มีนาคม 2013 มีเงินเข้า 3,210 บาท
3) วันที่ 26 มีนาคม 2013 มีเงินเข้า 1,000 บาท และ
4) วันที่ 5 เมษายน 2013 มีเงินเข้า 5,000 บาท
ตอนนี้มียอดเงินในบัญชีจำนวน 185,508.86 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันห้าร้อยแปดบาทแปดสิบหกสตางค์) และเรายังคงต้องเปล่งเสียงดัง ๆ พร้อมกันว่า
ปล่อยนักโทษทางความคิด ปล่อยนักโทษทางการเมือง
ปล่อยนักโทษทางความคิด ปล่อยนักโทษทางการเมือง
ปล่อยนักโทษทางความคิด ปล่อยนักโทษทางการเมือง
FREE ALL POLITICAL PRISONERS
FREE ALL POLITICAL PRISONERS
FREE ALL POLITICAL PRISONERS
ประชาชนจงเจริญ
LONG LIVE THE PEOPLE
10/04/2013
ธีร์ อันมัย
