Number 10.5
ได้ยินเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่มาจากคอการเมืองทั้งเหลือง-แดง เกี่ยวกับการปรากฏกายของชายร่างโย่ง “เนวิน ชิดชอบ” ที่เริ่มแผ่อิทธิพลไปสู่วงการกีฬา ฆ่าเวลาการโดนแบนเรื่องการเมืองกับอดีตผองเพื่อนบ้านเลขที่ 111
ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ไปว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการครองใจประชาชนในกลุ่มตลาดอื่นบ้าง หลังการใช้ยุทธวิธีสีน้ำเงินแทรกซึมตามหน่วยงานมหาดไทยไปตามหมู่บ้านหรือนโยบายประชานิยมของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีคนกล่าวถึงเท่าไร
เมื่อมองอย่างเป็นธรรมหน่อยจะเห็นว่าคุณเนวินเองนั้นก็ชอบพอกีฬานี้มานมนาน และใครจะไปรู้ว่า “เสื้อน้ำเงิน” สีเสื้อมวลชนจัดตั้งของคุณเนวินนั้นอาจจะไม่ได้มาจากสีน้ำเงินของธงชาติไทย เนื่องจากคุณเนวินเป็นแฟนบอลตัวยงของสโมสรเชลซี “เสื้อน้ำเงิน” นั้นจึงอาจจะมาจากสีเสื้อของทีมเชลซีก็เป็นได้
นอกจากนี้ด้วยกำลังทรัพย์ของเขา ก็ได้เคยดั้นด้นไปดูฟุตบอลยุโรปทั้งที่อังกฤษ อิตาลี และสเปน บ่อยครั้ง ทำให้เมื่อกระแสฟุตบอลไทยมาแรง คุณเนวินก็ขอห้อยโหนไปกับคนส่วนใหญ่ด้วยการปั้นทีม “บุรีรัมย์ -PEA” ฉายา “ปราสาทสายฟ้า” (THUNDER CASTLE) ที่เทคโอเวอร์สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาเปลี่ยนชื่อ
“บุรีรัมย์ -PEA” มีการเปิดตัวไปแล้ว โดยใครที่เป็นแฟนคลับทีมจะเสียเงินค่าสมาชิกแค่ 200 บาท ก็มีสิทธิพิเศษที่มากกว่ามูลค่าเงิน 200 นั้นมากมาย เช่น ได้เสื้อทีมเป็นของที่ระลึก สามารถนำบัตรสมาชิกไปซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ ได้ส่วนลด 10% ใช้บริการในเครือโรงแรมพูลแมน 10% นอกจากนี้ ทุกนัดที่ทีมลงเตะในบ้านทางแอร์เอเชียจะมีเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ พร้อมจัดรถรับส่งถึงสนามแข่งด้วยราคา 2,500 บาท รวมถึงแผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ “ปราสาทสายฟ้า” ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท สามารถจุคนได้ถึง 24,000 คนเลยทีเดียว
เนวินได้ดึง “วินิจ เลิศรัตนชัย” อดีตผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี และยังเคยทำงานด้านธุรกิจเกี่ยวกับแวดวงบันเทิงและการจัดอีเวนต์กิจกรรมต่างๆ ให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Fresh Air จำกัด, บริษัท ทราฟฟิกคอร์เนอร์, บริษัท Dream Media และอื่นๆ มาเป็นฝ่ายการตลาดของสโมสร “บุรีรัมย์ -PEA” อีกด้วย
ทั้งนี้เนวินให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าพึ่งเปิดรับสมัครแฟนคลับทีมไม่นานก็มีถึง 2-3 หมื่นคนแล้ว เลยตั้งเป้าให้ถึงแสนคนภายในสิ้นปี 2553 นี้ – ซึ่งยังไม่รู้ว่าจำนวนคนเรือนแสนคนนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งงวดหน้าได้หรือไม่?
แต่ทั้งนี้คนที่ปั้นทีมบอลให้ประสบความสำเร็จ และกรุยทางสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองนั้นก็มีมาแล้ว .. ที่อิตาลี
‘แบร์ลุซโคนี’ จากเจ้าของทีมฟุตบอลสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [1]
หากจะมีนักการเมืองคนใดที่คุณเนวินอยากเอาอย่างก็เห็นจะต้องเป็น “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” (Silvio Berlusconi) นายกรัฐมนตรีอิตาลี เจ้าของทีมฟุตบอล AC Milan เจ้าพ่อสื่อที่ลุงทุนซื้อทีมมาในยุคตกต่ำ เอามาปั้นใหม่จนยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์การบริหารเชิงธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ก่อนจะกระโดดสู่วงการการเมืองระดับประเทศในฐานะประธานสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปและได้เป็นนายกรัฐมนตรีของอิตาลีถึง 3 สมัย
แบร์ลุซโคนี นั้นเริ่มต้นจากการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และค่อยๆ ขยับขยายมาในธุรกิจสื่อคือเคเบิลทีวี โดยได้ติดตั้งเคเบิลทีวีนี้ให้กับหมูบ้านจัดสรรโครงการของเขาเองในเมืองมิลาน และได้โอกาสเปิดช่องสัญญาณของตัวเองขึ้น เจาะตลาดกลุ่มกว้างๆ มีรายการบันเทิง การ์ตูน กีฬา ลงทุนซื้อกิจการของคู่แข่ง รวมถึงผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เคเบิลทีวีแพร่สัญญาณภาพทั่วประเทศ และได้ลงทุนซื้อกิจการทีม AC Milan ในปี 1986 ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในภาวะตกต่ำ เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกลดชั้นเนื่องจากพัวพันกับคดีล้มบอล
แบร์ลุซโคนี ได้ทำการจูนเครื่องทีม AC Milan ใหม่ แต่งตั้งบุคลากรด้านการบริหารจัดการ ลงทุนซื้อนักเตะอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะขุนพลนักเตะเลือดดัตซ์ อย่าง รุด กุลลิท, มาร์โก ฟานบาสเทน และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ทีมมิลานยุคของเขาเล่นฟุตบอลอย่างมีสีสันต่างจากทีมอิตาลีทั่วไป โดยมีปรัชญาการเล่นแบบเอนเตอร์เทนคนดู ในปี 1988 มิลานก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์กัลโช่ซีรีย์เอ ปีถัดมา AC Milan ก็ขึ้นเป็นเจ้ายุโรปด้วยการครองแชมป์ถ้วยยูโรเปียนคัพเดิม
AC Milan ประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ พวกเขายังเดินหน้าคว้าแชมป์ยุโรปอีกสมัยใน 2 ปีถัดไป และยังสร้างสถิติไม่แพ้ใครยาวนานที่สุดในลีกของอิตาลี 58 นัด ระหว่างปี 1992 – 1994
ศรัทธาที่แบร์ลุซโคนีสร้างไว้กับวงการฟุตบอลทำให้เขากลายเป็นผู้มีบารมีในอิตาลี กอปรกับช่วงนั้นการเมืองอิตาลีเกิดวิกฤต ทำให้พรรคฝ่ายซ้ายมีโอกาสที่จะเข้าไปบริหารประเทศ แบร์ลุซโคนีจำเป็นต้องโดดเข้าไปเล่นการเมืองระดับชาติเต็มตัว เพราะหากพรรคฝ่ายซ้ายขึ้นเถลิงอำนาจก็อาจจะเป็นภัยต่อธุรกิจของเขา
ในปี 1993 เขาได้ตั้งพรรคการเมือง Forza italia ขึ้น ตามชื่อเพลงเชียร์ทีมชาติอิตาลี พรรคการเมืองใหม่นี้อาศัยสโมสรต่างๆ ที่สนับสนุน AC Milan ทั่วประเทศ รวมทั้งสื่อของแบร์ลุซโคนีเองเป็นช่องทางโฆษณาหาเสียง จนสามารถกวาดคะแนนเสียงได้ถึง 21% ในการเลือกตั้งปี 1994 ด้วยการสร้างแนวร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ฝ่ายขวาเพื่อสกัดกั้นพรรคฝ่ายซ้าย
วันที่สมบูรณ์แบบที่สุดของนักการเมืองที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเช่นเขา คือวันที่ 18 พฤษภาคม 1994 การลงเสียงในรัฐสภาอิตาลีเขาได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี และคืนเดียวกัน AC Milan ก็ถล่มเอาชนะ Barcelona ไป 4 ประตูต่อ 0 คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ
เนวิน สุดยอด!?
“เนวิน ชิดชอบ” กับความสำเร็จสวนกุหลาบวิทยาลัย
ที่เข่นเอาชนะกรุงเทพคริสเตียน ไป 1-0
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา (ที่มาภาพ: matichon.co.th)
ที่เข่นเอาชนะกรุงเทพคริสเตียน ไป 1-0
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา (ที่มาภาพ: matichon.co.th)
บนเส้นทางสายลูกหนังนี้ คุณเนวินเองก็เริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้วในปีนี้ เมื่อนำทัพ "สวนกุหลาบวิทยาลัย" คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียน 18 ปี ประเภท ก.ในรอบ 21 ปี โดยคุณเนวินรับบทเป็นผู้จัดการทีม – แม้ว่า “เหลือง-แดง” ไม่ปลื้มคุณเนวินเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าเขาเองได้ใจ “ชมพู-ฟ้า” ไปเต็มๆ แล้วคราวนี้
ส่วนความสำเร็จของ “บุรีรัมย์ -PEA” นั้นก็คงต้องดูกันยาวๆ อีกหลายปี
ถือเป็นก้าวกดดันครั้งสำคัญของคุณเนวิน หากมุ่งมั่นตั้งใจทำดีๆ ก็ไม่แน่อาจได้ใจคอบอลเดินตามรอยแบร์ลุซโคนี ก็เป็นได้ แต่หากเลิกเห่อเมื่อไรก็อาจจะถูกคอบอลยำเสียเละเทะ (ในปริมณฑลทางการเมืองเขาก็ถูกทั้งเหลืองทั้งแดงประณามหยามเหยียดไม่ได้เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว)
เพราะคอบอลชาวไทยมีนิสัยที่ควรสรรเสริญอยู่อย่างหนึ่ง คือถ้าใครทำสิ่งดีๆ ให้ก็ชื่นชมกันจนหูดับตับไหม้ แต่วันไหนพลาดก็โดนสับเละเป็นหมูเป็นหมา ... ไม่เชื่อลองไปถาม ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, วิจิตร เกตุแก้ว หรือ บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจะกุล วีระบุรุษของชาติเหล่านี้ในวันเศร้าๆ พวกเขาก็เสียน้ำตามามากมาย บางคนถึงกับถูกกดดันให้ไปสาบท สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาแล้ว!
แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ผมเชื่อลึกๆ ว่าคุณเนวินนั้นถือว่าเข้าข่ายเป็นบุรุษอมตะคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นคนที่สมควรเน่าไปตั้งแต่กรณี ร้อยยี่สิบ – กล้ายาง - หักหลังทักษิณ และอีกต่างๆ นานา กลับยังคงอยู่ทนลอยหน้าในสังคมมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบอกไว้ว่าแค่เสียงเย้วๆ ของแฟนบอลไทยนั้น … ไม่ระคายผิวแกหรอกครับ!
(สัปดาห์หน้าพบกับ “ทุน – การเมือง” เบื้องหลังทีมสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก)
………………..
[1] ข้อมูลเกี่ยวกับ “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” นำมาจากหนังสือ “ฟุตบอล… ประเด็นเล็ก สะท้านโลก” สำนักพิมพ์คบไฟ, 2552
บล็อกของ Number 10.5
Number 10.5
โดย นายกีฬา (จากนิตยสารเรดพาวเวอร์)
Number 10.5
บาห์เรนเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนลุกฮือ เพื่อร้องประชาธิปไตยในสังคมอาหรับ (ที่เรียกว่า Arab Spring) มาเมื่อตั้งแต่ปีที่แล้ว
Number 10.5
รอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องการเหยียดผิวในวงการฟุตบอลกลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาอีกครั้ง ...
Number 10.5
ที่มา ... เฟซบุ๊คของ Pipob Udomittipong
15 มีนาคม 2012
Number 10.5
ว่าด้วยตัวเลขที่น่าสนใจของไทยพรีเมียร์ลีก 2011
Number 10.5
"Vincere o morire!" (ชนะหรือตาย!) คาถาของ Benito Mussolini ที่ให้กับนักฟุตบอลอิตาลีในยุคฟาสซิสต์ครองเมือง, ในภาพท่านผู้นำกับบันดานักฟุตบอลทีมชาติในยุค 1930’s อันรุ่งเรืองของอิตาลี
Number 10.5
Number 10.5
จากความรุนแรงของแฟนบอลในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. ระหว่างทีมการท่าเรือและทีมเมืองทองยูไนเต็ด กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมากในสังคมไทย เพราะที่ผ่านมาการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรในประเทศกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รวมถึงกระแสต่อต้าน เสื้อน้ำเงิน ที่ลามมาถึงวงการฟุตบอลเมื่อ ‘เนวิน ชิดชอบ’ นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ได้ให้การสนับสนุนฟุตบอลบุรีรัมย์อย่างเต็มตัวทั้งทีมในระดับลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 และการซื้อทีม PEA ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก โดยเหตุการณ์ล่าสุดต้องเลื่อนการแข่งขัยระหว่างทีมชัยภูมิและทีมบุรีรัมย์ออกไป…
Number 10.5
Number 10.5
ปกติแล้วเหล่าแฟนบอลหรือผู้ที่คลุกคลีเรื่องบอลมักจะปฏิเสธการมีส่วนร่วมเบื้องหลังของนักการเมืองเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟุตบอลไทยก็มิอาจจะหนีกลุ่มคนที่น่ารักน่าชังเหล่านี้ได้ วันนี้มาดูกันว่าเบื้องหลังทีมสโมสรฟุตบอลไทย ทั้งพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และลีกภูมิภาค มีกลุ่มทุนหรือนักการเมืองที่น่าจับตา กลุ่มใด-คนใดสนับสนุนกันบ้าง
เมืองทองยูไนเต็ด ในอดีตเคยมีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน ก่อนถูกทุนสยามกีฬาเทคโอเวอร์ รวมถึงยังมีกลุ่มทุนครอบครัวมหากิจศิริ ที่มีสายสัมพันธ์กับทักษิณและพรรคเพื่อไทย ร่วมบริหารทีม
แฟนบอลอยุธยาถิ่นเก่าของทีมสโมสรการไฟฟ้าฯ…