Skip to main content

 9_7_01

 

ไหลมาจากป่าเขาอันเหงาเงียบ

เย็นยะเยียบลงสู่ถิ่นแผ่นดินใหญ่

พาดผ่านเมืองแห่งตำนานล้านนาไทย

คงคู่เวียงเชียงใหม่มาเนิ่นนาน

 

เป็นเส้นเลือดของชุมชนบนฟากฝั่ง

ที่ยืนยังเกลียวกลมผสมผสาน

ด้วยพืชผลนาไร่จากแรงงาน

จากสายธารแม่น้ำใหญ่ที่ไหลริน

 

ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้น

ยังอ่อนโยนเป็นมือแม่กระแสสินธุ์

คอยหล่อเลี้ยงผองชนบนแผ่นดิน

มิรู้สิ้นกระแสแผ่กระจาย

 

ถ้าแม่ปิงถูก “ มือทุน ” มาตัดขาด

เพื่อนำสู่ตลาดไปค้าขาย

เหล่าชุมชนสองฝั่งฟากอันมากมาย

คงถึงคราวล้มละลาย...สิ้นสายน้ำ

 

เพราะนี่คือ...มือดำอำมหิต

ที่ครุ่นคิดคอยแต่จะขย้ำ

ทรัพยากรท้องถิ่นแผ่นดินธรรม

เพื่อกอบกำผลกำไรให้แก่ตน

 

ไหลมาจากป่าเขาอันเหงาเงียบ

เย็นยะเยียบในวงแวดแดดและฝน

โอ้ แม่น้ำสีทองของคนจน

จะถูกปล้นแล้วหรือไรในวันนี้.

หมายเหตุผู้เขียน กวีบทนี้ ผมเขียนให้งานนิทรรศการเกี่ยวกับแม่น้ำปิง เมื่อไม่นานมานี้ที่หอศิลป์ มช. ซึ่งจัดโดย “กลุ่มภาคีคนฮักเจียงใหม่” ที่เป็นแกนนำต่อสู้คัดค้านรัฐที่จะทุบฝายทดน้ำพญาคำที่อยู่ห่างจากสะพานเนาวรัฐไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร


เพื่อเอี้ออำนวยทางสะดวกให้กับโครงการธุรกิจท่องเที่ยวเรือสำราญ จะได้แล่นเรือจากท่าเรือในเมืองล่องไปเวียงกุมกาม โดยไม่คำนึงถึงเกษตรกรนับพันครอบครัวที่อาศัยน้ำจากระบบส่งน้ำจากฝายพญาคำไปทำการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของพวกเขา จะต้องเดือดร้อน หากฝายพญาคำที่มีอายุมาหลายชั่วคนถูกทำลาย...

9_7_02

 


ด้วยเหตุผลที่เขาว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ในหน้าฝน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและไม่เป็นความจริง เพราะมีคนคัดค้านกันมากมาย และสามารถชี้ให้เห็นสาเหตุที่แท้จริงหลายสาเหตุ แน่นอนเรื่องนี้ยังไม่ยุติ...

 

 9_7_03
ยื่นหนังสือกรมชลฯ คัดค้านการสร้างประตูระบายน้ำเพื่อทุบฝาย

 

 

และในขณะที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับนี้ ทาง “กลุ่มภาคีคนฮักเจียงใหม่” กำลังรวบรวมบทความที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรี่องนี้จากนักคิดนักเขียนสอง-สามท่าน รวมเล่มพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “เมืองแม่น้ำในหุบเขา” โดยได้รับทุนจัดพิมพ์จากมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ในหนังสือเล่มนี้มีบทกวีบทนี้และบทความสั้นๆในเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับแม่น้ำปิงที่ผมเขียนอีกชิ้นหนึ่งได้รับเกียรติรวมอยู่ด้วย ครับ-นี่คือที่มาที่ไปของบทกวี “เสียงกระซิบจากแม่ปิง” ที่คุณกำลังอ่าน.

 

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…