Skip to main content


22_7_01

ที่เห็นเห็นเป็นกันนั้นมิใช่                แต่ที่ลึกลงไปมิได้เห็น

นั่นแหละคือความจริงสิ่งซ่อนเร้น     เป็นต้นตอเป็นธาตุแท้อันแน่ชัด


ที่เห็นเห็นเป็นเพียงแค่หน้ากาก        ที่เห็นเห็นเป็นแค่ฉากที่เขาจัด

เป็นละครบทเก่าที่เขาคัด               นำมายัดเยียดหลอกเราทุกเช้าเย็น


ความเป็นจริงธาตุแท้แบอยู่ไหน       เขาซ่อนไว้-แต่ไม่ยากถ้าอยากเห็น

ลองดูสิ...ลองแตะต้องทองเขาเล่น   แล้วจะเห็นความเป็นจริงทุกสิ่งอัน


ทองทั้งหมดของเขาอยู่ที่ไหน          เขาย่อมพลีชีวิตไว้ในที่นั่น

ทุกอณูธาตุแท้ย่อมยืนยัน               เพื่อยึดมั่น-อยู่ในกรอบการครอบครอง


และอำนาจที่เขามีอยู่ในมือ             มีหรือจะมิใช้ไว้คอยจ้อง

แสวงหาพูนเพิ่มเติมกองทอง           ให้ตัวเองกับพวกพ้องท้องเดียวกัน


ที่เห็นเห็นจึงเป็นแค่หน้ากาก            เป็นเพียงฉากที่เขาจัดให้เราฝัน

เป็นเพียงเกมที่เขาเล่นฟาดฟัน         ด้วยเดิมพันเพื่อพวกเขาเข้าสภา


ทองทั้งหมดของเราอยู่ที่ไหน           ระวังไว้เขาจะออกมาค้นหา

ตามวิสัยหมาจิ้งจอกต้องออกล่า        สืบสันดานมาทุกยุคทุกผู้คน


โอ้ ละหนอบ้านเมืองเรา...

ไม่ว่าใครขึ้นไปก็เท่านั้น                  ไปแปรผันไปตวงตักเอามรรคผล

เพื่อตระกูลเพื่อพวกพ้องพี่น้องตน      โดยการปล้นเอาจาก...คนยากไร้


สังคมเราบ้านเมืองเราก็เท่านี้            ไม่ว่าดี เลว น้อยมาก มาจากไหน

ทั้งผู้นำผู้ตามเราน่าเศร้าใจ               เหมือนผลไม้เน่าทั้งสวน-ชวนอาเจียน.


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…