Skip to main content



1.

เงิน

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

กับลมหายใจเข้าออกแทบทุกขณะจิตของผู้คน


2.

เงิน

คือทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แต่เป็นนายที่โหดร้าย

ยังเป็นวาทกรรมที่ทันสมัย


3.

เงิน

ถูกคนมองในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี

แต่ก็ไม่มีใครรังเกียจและอยากปฏิเสธเงิน


4.

เงิน

ถูกประณามครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายสารพัดอย่างในโลกนี้

แต่ก็ไม่มีคนคิดอยากจะกำจัด


5.

เงิน

เป็นสิ่งเดียวในโลกที่ทำให้คนมีความรู้สึกร่วมกันมากที่สุด

นั่นคือ ได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น


6.

คนมีเงินมาก นับเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนล้าน

ไม่ว่าจะได้มาโดยชอบธรรมหรือมิชอบ

ยากจะหนีพ้น คนสงสัยและอยากตรวจสอบวิธีการได้มาเป็นอย่างยิ่ง


7.

สังคมตะวันตกพูดว่า

เงินซื้อคนได้ทุกคน ถ้าเราเสนอให้ราคาที่ทำให้เขาพอใจ

มีคนพูดว่า สังคมตะวันออกก็เหมือนกัน แต่ไม่มีคนกล้าพูด


8.

เงินใช้ผีโม่แป้งได้ ” มีคนพูดว่า

นี่คือภาษิตเกี่ยวกับเงินที่ดีที่สุด

ของชนชาติที่ชอบติดสินบน


9.

เหล็กแข็งกระด้าง เอาเงินง้าง อ่อนไค้ดั่งใจ ” มีคนพูดว่า

นี่คือภาษิตเกี่ยวกับเงินที่ดีที่สุด

ของชนชาติที่ชอบรับสินบน


10.

เงิน

มีแต่คนอยากได้มากๆ

แต่มีน้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตัวเองชอบเงิน


11.

เราชอบมีเงินมากๆ

แต่ไม่ชอบ

เห็นคนอื่นมีเงินมาก


12.

คนที่กล้าแสดงตัว

เป็นคนที่รักและบูชาเงินเป็นพระเจ้า

เป็นคนกล้าหาญและจริงใจต่อตัวเองเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครอยากคบ


13.

คนที่ชอบประณาม

คนที่รักและบูชาเงินเป็นพระเจ้า

เป็นคนที่น่ากลัวและไม่น่าคบ พอๆกับคนที่เขาประณาม


13.

เงินทองเป็นของนอกกาย ข้าวปลาอาหารเป็นของจริง ” ก็จริงอยู่

แต่ไม่ควรหลงลืมไปว่า

เงินทองเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่จะได้ของจริงมา


14.

มีคนน้อยคนนัก

ที่ถือว่าเงินคือเครื่องมือนำไปสู่เป้าหมายของชีวิต

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ถือว่าเงินเป็นทั้งเครื่องมือและเป้าหมาย


16.

เงิน

ถึงแม้จะเปื้อนเลือดและน้ำตา หรือ สกปรกโสมมสักเพียงใด

คนก็ยังยินดีกอดรัดเอาไว้ด้วยความหวงแหน


17.

เงิน

สามารถสั่งคนฆ่าคนได้

โดย ผู้ฆ่า และ ผู้ถูกฆ่า ไม่จำเป็นต้องรู้จักและโกรธแค้นกันมาก่อน


18.

ตั้งแต่สังคมในสลัมอันต่ำต้อย

ไปจนถึงรัฐสภาอันทรงเกียรติ

คนที่มีอำนาจในการซื้อ ได้รับความเชื่อถือมากกว่าคนดีที่ไม่มีเงิน


19.

ทันทีที่เงินพูด

ผู้คนต่างพากันหุบปากเงียบและเงี่ยหูฟัง

เหมือนต้องคำสาป


20.

เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง

แต่สิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้มีน้อยมาก

และน้อยมากลงทุกวันจนแทบนึกไม่ออก


21.

ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิต

จงพูดกับเขาว่า ผมหรือดิฉันไม่มีเงิน

คนก็จะรีบพากันถอยห่างออกไปด้วยความกลัว


22.

เป็นคนไม่มีเงิน ชีวิตเสี่ยงต่อการมีความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมเป็นอย่างยิ่ง

เพราะเพียงคุณพูดความจริงว่า ผมหรือดิฉัน ไม่มีเงิน

ก็แทบไม่มีคนอยากจะพูดและรู้จักคุณอีกต่อไป


23.

ไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ ไม่มีสมัครพรรคพวก

ระวังอย่าไปมีคดีความกับใคร เพราะความผิดและคุกตะราง

มักจะมีไว้ชี้ขาด และคอยกักขังแต่คนจนกับคนโง่ เท่านั้น


24.

ความยุติธรรมมีจริง แต่อยู่สูง และยากที่คนจนจักเอื้อมมือถึง

เพราะอำนาจเงินมักจะทำให้พยาน หลักฐาน และข้อเท็จจริงเปลี่ยนไป

ก่อนเรื่องราวจะนำไปสู่ขบวนการศาลสถิตยุติธรรม


25

อำนาจเงินของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

ลงมือสั่งฆ่านักข่าวของหนังสือพิมพ์ชั้นนำ ที่ชอบขุดคุ้ย...

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปีละ 2-3 ศพ เป็นปรกติธรรมดา


26.

เงิน

นอกจากจะสามารถสั่งคนที่ไม่รู้จักกัน ฆ่ากันได้แล้ว

ยังสามารถทำให้คนมีเงินที่ทำความผิด ไม่ต้องติดคุกได้อีกด้วย


27.

เงิน

คนที่เลือกเอาเฉพาะเงินที่สะอาดและถูกต้อง ตามหลักของศีลธรรมอันดีงาม

ทั้งฉากหน้าและฉากหลัง ยากที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในโลกของความเป็นจริง


28.

เงิน

ไม่มีอำนาจใดในโลกนี้

ทำให้มนุษย์สมัครใจยินยอมเป็นข้าทาส มากเท่ากับอำนาจเงิน


29.

เงิน เงิน เงิน

17.00 . พรุ่งนี้ ถ้าข้าไม่มีท่านอยู่ในมือให้พวกมันตามคำสัญญา

17.00 .พรุ่งนี้ ข้าต้องโดนพวกมันตื้บอย่างแน่นอน สวัสดี.


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…