Skip to main content

 

ฉันรู้ดี
เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
คืนนี้...ก็จักไม่มีอีกต่อไป
นอกจากความทรงจำอันหวานชื่นเท่านั้น
\\/--break--\>
ใช่
ฉันรู้ดี
ชีวิตนี้มีความสุขอย่างเหลือล้น
ก็เพียงชั่วขณะที่ได้มีชีวิตอยู่
ณ ท่ามกลางความรักและความเข้าใจเท่านั้น

คืนนี้
ฉันจึงดื่ม
ฉันจึงยิ้ม
ฉันจึงหัวเราะ
ฉันจึงร้องเพลง
และเลือกกล่าวแต่ถ้อยคำที่ดีงามเท่านั้น

ใช่สิ
เพราะฉันรู้ดีอีกว่า
คืนวันอันสวยสดงดงาม
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาเช่นนี้

อาจไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป
เพราะการอำลาจากกันของชีวิตนั้น
มักจะจบลงด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่างเปล่าอยู่เสมอ

คืนนี้
ฉันจึงพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ชีวิต
ที่ได้มาพบปะกันในคืนนี้...อย่างดีที่สุด

เผื่อว่าคืนนี้...
อาจจะเป็นคืนสุดท้ายระหว่างเรา
เพื่อที่จะไม่ได้เสียใจให้แก่ตัวเองในภายหลัง.

หมายเหตุ ; นี่เป็นบทกวีเก่าๆบทหนึ่งที่ผมเขียนเตือนใจตัวเอง เวลาพบคนที่เขารักเรา เข้าใจเรา จริงใจต่อเรา และมีความปรารถนาดีต่อเรา ซึ่งหาทำยา...ได้ยาก ที่ทำให้เรามีความสุขมากๆเวลาได้พบปะสังสรรค์กัน ให้ปฏิบัติและดูแลเขาให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ทุกๆครั้งเวลาพบปะกัน ผมกลับมาอ่านบทกวีชิ้นนี้ในปัจจุบัน ก็ยังรู้สึกว่า มันยังเป็นคำเตือนใจ...ที่ยังไม่ล้าสมัย และผมได้แต่งเติมวรรคสุดท้ายเข้าไปอีกวรรคหนึ่ง เพื่อความสมบูรณ์และชัดเจน.

28 กรกฏาคม 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…