Skip to main content

 

 

คืนดำ

พายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง

ฉันได้แต่นั่งซุกกายอยู่ในกระท่อม

ณ ท่ามกลางปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้น

เฝ้ามองดูพายุฝนเกรี้ยวกราดโหมกระหน่ำซัดสาดสรรพสิ่ง

เฝ้ามองดูสายฟ้าแล่บแปลบปลาบ

เฝ้ามองดูสายฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง

ณ ซอกมุมที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด

 

 

ฉันได้แต่เฝ้ามองดู

ปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่ไม่อาจต้านทานและหลีกเลี่ยง

และพร่ำบอกแก่ตัวเองท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองว่า

แท้จริงแล้ว

ความเป็นมนุษย์นั้นหาได้เป็นอิสระอะไรมากมายนัก

แท้จริงแล้ว

ความเป็นมนุษย์นั้น...

ยังต้องขึ้นอยู่ภายใต้พลังอำนาจเงื่อนไขของธรรมชาติและสังคม

มากมายหลายสิ่งหลายอย่าง

 

 

รุ่งเช้า

หลังพายุฝนสงบ

ฉันตื่นขึ้นมาพบ

กองหนังสือเปียกฝนชุ่มโชกไปยี่สิบกว่าเล่ม

ชายคากระท่อมยับเยินไปแถบหนึ่ง

และปรากฏรูโหว่บนหลังคาใบตองเป็นจุดสีขาววอมวิบ

ราวกับการกระพริบของดวงดารานับสิบกว่ารูโหว่

นี่ คือความสูญเสียของฉัน

มันช่างน้อยนิดเสียจริงๆ

เมื่อเทียบกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของแม่นกสีน้ำตาล

ผู้สร้างรวงรังอาศัยอยู่บนคาคบมะม่วงข้างๆชายคากระท่อมของฉัน

 

แม่คุณเอ๋ย...

วันทั้งวัน

นางกางปีกบินฉวัดเฉวียนโฉบเฉี่ยว

วนเวียนอยู่รอบๆโคนต้นมะม่วง

ส่งเสียงร้องแกว้กๆร่ำไห้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย

ถึงลูกอ่อนตัวเล็กๆตัวเดียวที่เพิ่งขึ้นขนของนาง

ที่นอนตัวแข็งตายอยู่ข้างรวงรัง...ที่ถูกพลังอันชั่วร้ายของธรรมชาติ

ฉีกกระชากลงมาตกแตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน

ในคืนดำที่เพิ่งพ้นผ่านไป.

 

หมายเหตุ ; ตีพิมพ์ครั้งแรกในรวมเล่ม “ความรักอยู่ที่ไหน” 2531


2 ธันวาคม 2552

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…