Skip to main content

 

พระองค์ทรงตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า

อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตน

ว่าจะเอาอะไรกิน

และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตน

ว่าจะเอาอะไรมานุ่งห่ม

เพราะว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร

และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม

จงพิจารณาดูอีกา

มันมิได้หว่านมิได้เกี่ยว

และมิได้มียุ้งฉาง

แต่พระเจ้ายังทรงเลี้ยงมันไว้

ท่านทั้งหลายประเสริฐกว่านกกามากทีเดียว

มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย

อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกศอกหนึ่งได้หรือ

เหตุฉะนั้น

ถ้าสิ่งเล็กน้อยที่สุดยังทำไม่ได้

ท่านยังจะกระวนกระวายถึงสิ่งอื่นทำไมเล่า

จงพิจารณาดอกไม้

มันงอกขึ้นอย่างไร

มันไม่ทำงาน

มันไม่ปั่นฝ้าย

แต่เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า

กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี

ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง

แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น

ซึ่งเป็นอยู่ในวันนี้

และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ

 

โอ

ผู้ที่มีความเชื่อน้อย

พระองค์จะทรงตกแต่งท่านมากกว่านั้นหนา

ท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรดี

จะดื่มอะไรและอย่ามีใจกังวล

เพราะพวกต่างชาติทั่วโลกเสาะหาสิ่งของทั้งปวงนี้

แต่ว่าพระบิดาของท่านทั้งหลายทรงทราบแล้วว่า - ท่านต้องการสิ่งเหล่านี้

แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า

แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้

 

ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย

อย่ากลัวเลย

เพราะว่าพระบิดาของท่านชอบพระทัย

จะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน

ท่านทั้งหลาย

จงขายของที่ท่านมีอยู่และทำทาน

จงกระทำถุงใส่เงินของตนซึ่งไม่รู้จักเก่า

คือให้มีทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ - ซึ่งไม่รู้หมดสิ้น

ที่ขโมยมิได้เข้ามาใกล้

และที่ตัวแมลงมิได้ทำลายเสีย

เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน

ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.

 

 

ครับ นี่คือพระวัจนะบทหนึ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสกับเหล่าบรรดาสาวกมิให้วิตกกังวลในการดำรงชีพ ที่ผมได้อ่านจากหนังสือพระคริสตธรรมใหม่ ฉบับไทย - อังกฤษ ที่จัดพิมพ์แจกโดยองค์การกีเดี้ยนส์ อินเตอร์เนชันแนล และชอบมาก มักจะเปิดอ่านบ่อยๆ เพราะถูกกับคนที่มีจริตวิตกกังวลเป็นเจ้าเรือนอย่างผม เวลาเกิดอาการนี้ขึ้นมาคราวใด เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านหรือระลึกถึง ก็มักจะสบายใจคราวนั้นทุกที โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร ร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม” ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ทุกวันนี้เรามัวไปให้ความสำคัญแก่สิ่งที่เป็นเปลือกนอกของชีวิต จนลืมตระหนักถึงชีวิตของเราที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ เพราะคนเราทุกวันนี้มักจะตัดสินกันที่เปลือกนอกนั่นเอง และประโยคสุดท้ายที่ว่า “เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็อยู่นั่นด้วย” ช่างทิ่มแทงใจดำมนุษย์อย่างเราๆท่านๆได้ตรงเผงดีแท้...

 

ส่วนเรื่องการแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และการทำถุงเงินที่ไม่รู้จักเก่า เมื่อพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ก็สอดดูคล้องกับเรื่องกรรม เรื่องศีลและทานในพุทธศาสนาของเรา ซึ่งเป็นศาสนาที่ค่อนข้างจะว้าเหว่ เพราะเป็นศาสนาแบบอเทวนิยม นั่นคือไม่มีพระเจ้า แต่ผมว่าในทางปฏิบัติ ต่างก็เริ่มต้นด้วยการพึ่งตัวเอง ด้วยหลักการปฏิบัติตัวไปตามมรรคที่จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์เหมือนกัน เราจึงมักจะได้ยินทางฝ่ายคริสเตียนเขามักจะพูดกันอยู่เสมอว่า “ช่วยตนแล้วฟ้าจะช่วยเธอ” นั่นแล

 

ครับ

ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจสังคมที่เลวร้าย ซึ่งบีบคั้นประชาชนตาดำๆอย่างเราแทบจะอ้วกออกมาเป็นเลือด เพราะข้าวของที่จำเป็นแก่ชีวิตราคาแพงขึ้นทุกวันๆ แต่ค่าของเงินกลับลดลง มิหนำซ้ำ ยังหายากราวกับงมเข็มในมหาสมุทร ซื้อหวยก็ไม่เคยถูก ( ฮา... ท่านที่เข้าใจผิดคิดว่า ผมเป็นปัญญาชนชี้นำอะไรนั่น คงจะเลิกระแวงและหายสงสัยกันได้แล้วนะครับ เพราะว่าปัญญาชนจริงๆ ไม่ว่าระดับไหนในประเทศนี้ เขาไม่ลดตัวลงมาซื้อหวยให้เสียสถาบันกันหรอกครับ เพราะเขาถือกันว่า การซื้อหวย - เป็นสัญลักษณ์ของคนจน ที่ด้อยการศึกษา โง่เขลาและงมงาย ) จะเลิกซื้อ ก็ไม่เห็นมีความหวังอะไรในประเทศนี้...ที่รัฐบาลผลิตออกมาขูดรีดหากินบนความยากไร้ของคนจนอย่างเรา - เป็นความหวังที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ...ยิ่งไปกว่าความหวังจากหวยลอตเตอรี่ราคาใบละ 80 บาท แต่เราต้องกัดฟันซื้อกันในราคาใบละ 110 บาท เป็นอย่างต่ำ - ตามราคาขูดรีดอีกชั้นหนึ่งของพ่อค้าแม่ค้าโดยไม่ปริปาก เพราะเป็นช่องทางเดียว - ที่คนจนแบบสัมบูรณ์ ( แปลว่าจะต้องจนไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะขยันขนาดไหน ) เพราะถูกกระทำจากโครงสร้างของสังคมที่อัปลักษณ์ในประเทศนี้ - อย่างเรา พอจะหวังและฝันหวานกันได้ทุกๆวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน...

อา ! คนจนในประเทศไทย

ช่างเป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ

ขอให้กองสลากกินแบ่งรัฐบาลและประเทศไทยจงเจริญ !

 

ครับ

ผมหวังว่า พระวัจนะของพระคริสต์บทนี้ คงจะช่วยให้ท่านผู้อ่านสบายใจกันบ้างไม่มากก็น้อย เพราะปัญหาชีวิตและสังคมที่แก้ไม่ได้ หรือยังแก้ไม่ได้ ถ้าขืนปล่อยใจกระวนกระวายเป็นทุกข์กังวลกับมันโดยไม่รู้จักปล่อยวาง ชีวิตเรา...ก็จะยิ่งย่ำแย่กันไปใหญ่ ดังพระวัจนะที่พระคริสต์ทรงตรัสว่า

มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกสักศอกหนึ่งได้หรือ”

นี่ผมย้ำบอกแก่ตัวเองเป็นสำคัญ เพราะพักหลังมานี่ ผมมีอาการกระวนกระวายวิตกกับชีวิตค่อนข้างบ่อย จนฝันเห็นโรงพยาบาลจิตประสาทแล้วครับท่าน.


4 ธันวาคม 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อรักจะเล่นกันในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชนจากผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออก เหลือง หรือออก แดง ก็ตาม การเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ ก็มีตัวอย่างมาแล้ว เมื่อประชาชนเบื่อ “ทุนนิยม” ขึ้นมา ก็หันไปเลือก “พรรคสังคมนิยม” เป็นรัฐบาลแทน เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากหน้ามือเป็นหลังมือ พออยู่แบบ “สังคมนิยม” ไปสักพักเกิดเบื่อ “สังคมนิยม” ขึ้นมา ก็กลับไปเลือก “พรรคทุนนิยม”ขึ้นมาใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยุทธวิธีการหาเสียง แบบใช้ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ขุดคุ้ยโจมตีคู่ต่อสู้ ของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้กระทั่งกรณีการประกาศเข้าไปปราศรัยหาเสียงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. ของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใด โดยคุณอภิสิทธิ์อ้างว่าทุกคนมีสิทธิ ไม่มีใครผูกขาด และคุณสุเทพช่วยเสริมว่า “ถ้าสิ่งที่พวกผมทำนั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนก็ตัดสินเอง...” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ที่ออกไปหาเสียงต่างจังหวัดที่ไหน ก็มักถูกคนเสื้อแดงชูป้ายต่อต้าน หรือเข้าไปประชิดตัวตั้งคำถามที่คุณอภิสิทธิ์ยากที่จะตอบได้...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      "ภาพประกอบจากมติชนออนไลน์" ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า การเลือก คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งประเทศไทย ถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ทั้งโพลและสื่อการเมืองที่น่าเชื่อถือได้ ต่างก็ออกมาชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอย่างท่วมท้น และแทบจะฟันธงได้เลยว่า ชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ผมได้รับหนังสือ “มหัศจรรย์ดอกไม้กินได้” เป็นอภินันทนาการจาก อันยา โพธิวัฒน์ เจ้าของร้าน สายหมอกกับดอกไม้ อดีตคนข้างเคียง จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา หลังจากที่คุณอันยาได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณจรัลในเชิงบันทึกจากมุมมองของเธอเอาไว้ 2 เล่ม คือ รักและคิดถึง จรัล มโนเพ็ชร และ ตามรอยฝัน...จรัล มโนเพ็ชร ในช่วงตอนแรกๆที่คุณจรัลได้จากไปเมื่อหลายปีก่อน และเป็นหนังสือที่อยู่ในอันดับขายดี  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  สถาปนิกผู้หนึ่ง ทำงานอยู่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งมานานหลายปี ตลอดชีวิตการทำงานของเขาได้ออกแบบและสร้างสิ่งก่อสร้างให้บริษัทมากมาย ขณะนี้เขาใกล้จะปลดเกษียณ อยู่มาวันหนึ่ง ซีอีโอได้เรียกเขาเข้าพบ “คุณได้ทำงานใหญ่ๆให้เรามานานหลายปี ขณะนี้ผมมีงานสุดท้ายให้คุณทำก่อนเกษียณ” ซีอีโอกล่าว “ผมต้องการให้คุณออกแบบบ้านหลังหนึ่งให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งหมด ที่คุณต้องทำคือ จัดซื้อวัสดุที่ดีที่สุดและจ้างช่างที่มีประสบการณ์มาสร้าง ส่วนค่าใช้จ่าย...ไม่อั้น!”  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 "ภาพผู้เขียน โดย ตุ๊ - ช่ออัญชัน กันทะปินตา ที่ยิปซีบาร์" ในกาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุรูปหนึ่งพบอุปสรรคในการทำสมาธิ เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามเข้าสมาธิจะมี แมลงมุมยักษ์ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    โลกอันอ้างว้าง ทุกอย่างเหมือนความฝัน หมุนไปผ่านไปทุกวัน แปรผันสลายอยู่ทุกโมงยาม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ผมรู้จัก ม.ล.ศักดิ์สิน เกษมสันต์ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า คุณด้วง หรือ ด้วง ในฐานะศิลปินอิสระที่มีความสามารถที่แสดงให้เห็นเด่นชัดเท่าที่ผมได้ประจักษ์อยู่ 4 ประการ นั่นคือเป็นคนเขียนรูป เป็นคนเขียนบทกวี เป็นนักแสดงสดๆที่เราเรียกกันว่าเปอร์เฟอร์แมน และเป็นนักดนตรีที่มีความถนัดในสไตล์แบบเร็กเก้ที่น่าทึ่ง  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou Paycheck" ท่านเคยพบไหมว่า ในบางครั้งเราไม่สามารถปล่อยเรื่องราวใน อดีต ให้ผ่านพ้นไป หรือไม่สามารถยุติความวิตกกังวลเกี่ยวกับ อนาคต ลงได้ เมื่อไหร่ที่รู้สึกเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะนึกถึงนิทานเซ็นที่โด่งดังเรื่องหนึ่ง   วันหนึ่ง ขณะกำลังเดินผ่านป่ารกชัฏ ชายคนหนึ่งได้พบเข้ากับเสือดุร้ายตัวหนึ่ง เขาออกวิ่งสุดชีวิต โดยมีเสือไล่ตามมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    รักรัก...ฉันมีความรัก ด้วยแจ้งประจักษ์คุณค่า ความรักคืออมฤตา ชุบชูชีวาสดใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou paycheck"   ในกาลครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งหลงทางอยู่ในทะเลทราย น้ำในกระติกได้หมดไปเมื่อสองวันที่แล้ว เขารู้ดีว่า ถ้ายังหาน้ำไม่ได้ภายในเร็วๆนี้ เขาต้องตายแน่ๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่ชายแดนภาคเหนือ ของประเทศจีนในสมัยโบราณ มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการเลี้ยงม้า คนที่รู้จักเขาเรียกเขาว่า ซีเวิง ซึ่งหมายถึงผู้เฒ่าที่อยู่ตามชายแดน   วันหนึ่ง โดยเหตุใดไม่ทราบ ม้าของเขาตัวหนึ่งได้หนีเข้าไปในดินแดนของชาวหู ซึ่งอยู่นอกกำแพงยักษ์ เนื่องจากชาวหูเป็นปรปักษ์กับชาวจีน ดังนั้น ทุกคนจึงคิดว่า คงจะไม่ได้ม้ากลับคืนมาแน่ๆ