Skip to main content

หล่อนเป็นผู้หญิง
พาร์ทเน่อร์หรือบุตรีนักปราชญ์

หล่อนก็เป็นผู้หญิง
รายละเอียดของชีวิตเท่านั้นที่อาจแตกต่างกัน
แต่หล่อนก็เป็นผู้หญิง
ผู้หญิงในยุครุ่งเรืองของพาราณศรี
ผู้หญิงนุ่งบิกินีแถวริเวียร่า
หรือผู้หญิงนั่งอยู่ในซ่องราคายี่สิบบาท
หล่อนเป็นผู้หญิง
มันเป็นความผิดหรือ
ถ้าคุณจะรักผู้หญิงสักคน
.

 

 

 

หมายเหตุ ; ครับ งานพระราชทานเพลิงศพ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน ณ สุสานสันกู่เหล็ก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ลุล่วงผ่านพ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2533 เมื่อวานนี้ มีผู้มาร่วมวางดอกไม้จันทน์กันอย่างคับคั่ง มากมายหลายวงการ ทำให้บริเวณสุสานอันกว้างขวางแคบลงไปถนัด คะเนด้วยสายตาไม่ต่ำกว่า 500 กว่าคนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย บ่งบอกถึงความรักและศรัทธาของผู้คนที่มีต่อผลงาน และตัวตนเขาได้เป็นอย่างดี แม้งานฌาปนกิจจะจบสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่งานแสดงภาพถ่ายขาว - ดำของเขา ยังคงแสดงอยู่ ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆในวันหยุดวันเสาร์ไปจนถึงสิ้นเดือน ท่านผู้ใดสนใจ ยังไม่ได้ไปชม ยังมีเวลาอีกหลายวัน

 

ครับ

ผมจะไม่พูดถึงรายละเอียดในวันฌาปนกิจนี้ เพราะมีสื่อแทบทุกแขนงนำเสนอกันอยู่แล้ว แต่ขอนำบทกวี ที่เขาเขียนเกริ่นนำรวมเรื่องสั้นๆที่ชื่อว่า “หนามดอกไม้” ซึ่งเป็นบทกวีที่ผมชอบมาก ตั้งแต่มุมมองที่สูงและกว้างแบบ bird’s eye view คือมีสายตาที่มองจากเบื้องบนข้ามพรมแดนชาติและภาษาออกไปแลเห็นผู้หญิงทั้งโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งที่อยู่ในสถานภาพและวิถีชีวิตที่ดีงามสูงส่ง และต่ำต้อยเลวร้าย มาเรียงร้อยเปรียบเทียบให้เรามองเห็นความแตกต่างทางสถานภาพ วิถีชีวิต และเชื้อชาติภาษา แต่มิได้แตกต่างในความเป็นเพศหญิงเหมือนกัน หรือในความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อชีวิตเหมือนกัน

 

 

ที่สำคัญที่สุด

คือทัศนะแบบนักมนุษย์นิยมของเขา ที่มองมนุษย์ ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ และให้เกียรติมนุษย์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ มิใช่มองกันและตัดสินกันที่สถานภาพสูงต่ำ หรือ ผิด ถูก ดี เลว ตามที่สังคมตัดสินกัน ด้วยการกำหนดคุณค่าของกันและกันตามสถานภาพทางสังคม ที่ปรากฏอยู่ในน้ำเสียงอันอบอุ่นของเขา ที่แอบแฝงอยู่ในบทกวีอันงดงามและคมคายบทนี้ ที่บอกเราด้วยการย้อนถามและท้าทายว่า

มันเป็นความผิดหรือ

ถ้าคุณจะรักผู้หญิงสักคนหนึ่ง

 

ซึ่งแปลว่า

เราควรที่จะมองและรักผู้หญิงสักคนในที่เป็นฐานะมนุษย์ มิใช่ผู้หญิงในฐานะที่สังคมกำหนดคุณค่าตามสถานภาพและวิถีแห่งชีวิต ที่ผู้หญิงมากมายหลายล้านคนในโลกนี้ไม่สามารถเลือกได้ ไม่ว่าหล่อนจะเป็นพาร์ทเน่อร์หรือเป็นบุตรีของนักปราชญ์ หรือเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ในซ่องราคายี่สิบบาท แต่เป็นคนดีสำหรับเราและรักเรา ก็เป็นสิ่งที่ควรจะเพียงพอแล้วมิใช่หรือ ถ้าหากคุณจะรักผู้หญิงสักคนหนึ่งในวันนี้...

 

 

ใช่

รงค์ วงษ์สวรรค์ พ่อมดแห่งภาษาวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน

บอกผ่านบทกวีบทนี้แก่เราไว้เช่นนั้น.


 

19 มกราคม 2533

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…