Skip to main content

 

26 .. 53

พรุ่งนี้

พรุ่งนี้

พรุ่งนี้

พรุ่งนี้

พรุ่งนี้ ของ ทักษิณ ชินวัตร

คน

คน

คน

คน

คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู

ชะตากรรม

ชะตากรรม

ชะตากรรม

ชะตากรรม

ชะตากรรม ของ ทักษิณ ชินวัตร

ภายใต้อำนาจศาลสถิตยุติธรรมของสังคมไทย

ว่าเขาจะถูกศาลพิพากษาตัดสินอย่างไร

ถูกยึดเอาทรัพย์ทั้งหมด ถูกยึดเอามากเหลือไว้แต่น้อย ถูกยึดเอาไปเพียงบางส่วน

หรือไม่ถูกยึดเลยแม้แต่สลึงเดียว...

คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู

\\/--break--\>

 

ใช่

แต่ที่ผู้คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู

ยิ่งกว่าชะตากรรม ของ ทักษิณ ชินวัตร

ภายใต้อุ้งมือของอำนาจศาลสถิตยุติธรรม

ก็คือชะตากรรมของคำว่า ความยุติธรรม

ที่กำเนิดจากคำพิพากษาตัดสิน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ผู้ที่ตกเป็นจำเลยคดีซุกหุ้นและถูกพิจารณายึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท

ว่าเป็นความยุติธรรมที่แท้จริงแก่ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่

จากฝูงชนที่รัก ทักษิณ ชินวัตร

จากฝูงชนที่เกลียด ทักษิณ ชินวัตร

และจากคนที่ไม่รักไม่เกลียด ทักษิณ ชินวัตร

แต่รักความถูกต้องและความยุติธรรมที่แท้จริง

ที่มอบให้แก่ใครในโลกนี้ก็ได้

โดยไม่จำเป็นต้องเป็นปัจเจกบุคคลที่ชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร

 

โอ

พรุ่งนี้แล้วซินะ

ที่ใครต่อใครต่างก็จะได้เห็น

โฉมหน้าและชะตากรรมของความยุติธรรม

ที่กำเนิดจากคำพิพากษาตัดสินความผิดความถูกต้อง ของ ทักษิณ ชินวัตร

โดยสถาบันศาลสถิตยุติธรรมของสังคมไทย

ที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของฝูงชน

ระหว่างสีเหลืองกับสีแดง

ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง

ที่จะต้องไม่พึงพอใจในคำพิพากษาตัดสิน

ทันทีที่คำพิพากษาตัดสินได้ถูกประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้

และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

สังคมไทยจะมีนักคิดทางสังคมที่เปรื่องปราด

ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง - ระหว่างสีเหลืองกับสีแดง

ที่ไม่ได้ดั่งใจ

ไม่ได้ดั่งสติปัญญาและความรอบรู้อันสูงส่งของตัวเอง

พากันเชื่อว่า

วาทะที่อัลแบร์ กามูส์พูดว่า “ฉันรักแม่ยิ่งกว่าความยุติธรรม”

เป็นความจริง.

 

24 กุมภาพันธ์ 2553

กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…