Skip to main content

บางครั้ง
ชีวิตคนก็ถูกต้อนมาถึงมุมอับ
ที่ซึ่งไม่มีทางไปต่อ
และไร้หนทางถอยหนี
ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร
 
เพราะการเลือก
อย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็อาจทำให้เจ็บปวดกันทุกฝ่าย
ความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง
เหมือนอย่างพายุที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
ผลักดันรุมเร้า
 
วิญญาณของเรา
จะมีรอยบิ่น
และดวงใจก็จะถูกโบยตี
เป็นที่สุดของความรวดร้าวทรมาน
ชีวิตไม่เคยปรานีใคร
เราจะจัดการอย่างไรดีเล่า
กับที่สุดของชีวิตเช่นนี้
 
บางครั้งชีวิต
ก็คือหนทางอันไร้หนทาง
คือทางเลือกอันไร้ความปรานี
และคือสมการอันไม่ลงตัว
ในกรณีเช่นนี้
การตั้งตนอยู่ในความสงบ
จึงเป็นสิ่งเดียวที่เราอาจทำได้.
 
หมายเหตุ ; ผมเองก็เคยเผชิญกับสภาวะที่เรียกว่า มุมอับ หรือ ทางตัน ของชีวิตมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยหยิบยกเรื่องนี้มาเขียนอย่างพินิจพิเคราะห์ใคร่ครวญ แถมให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่คนอื่น นำไปใช้เป็นวิธีการเผชิญชะตากรรมที่น่ากลัวนี้เหมือนคุณพจนา นี่เป็นข้อเขียนเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในคุณค่า เพราะมิได้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตัวเอง แต่ยังสื่อสารแบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านด้วย...

ผมเชื่อว่า
ท่านที่เคยพบกับมุมอับหรือทางตันของชีวิต ในความหมายที่คุณพจนาอธิบายว่า “เป็นที่ซึ่งไม่มีทางไปต่อ และไร้หนทางถอยหนี” การตั้งตนอยู่ในความสงบ เป็นสิ่งเดียวที่ดีที่สุดที่เราพึงกระทำจริงๆ เพื่อพอรอให้สถานการณ์คลี่คลายด้วยตัวของมันเอง เพราะไม่อย่างนั้น เราก็ต้องเผชิญกับสภาวะที่เรียกว่า “ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ เพราะยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกบีบคั้น” นั่นเอง
 
เพราะการต่อสู้กับชะตากรรมของชีวิตในบางเรื่อง ก็เหมือนการดึงเส้นเชือกคนละปลายกับคนที่เขาแข็งแรงกว่า  ยิ่งเราดื้อดึง...ออกแรงดึงต่อต้านเขา เราก็ยิ่งจะถูกเขาฉุดกระชากลากถูจนถลอกปอกเปิก ทางเดียวที่ทำได้ ก็คือ...วางใจให้สงบ และคอยปล่อยเชือกให้เขาดึงและล้มไปเอง นั่นแหละ
 
งานชิ้นนี้นำมาจากหนังสือที่ชื่อว่า “ชัยชนะ” เช่นเดียวกับชิ้นแรกที่ผมนำมาพูดถึงในเชิงวิพากษ์คุณค่าความหมายในงานเขียนของเขา - ที่มีคนบ่นว่าอ่านยาก และคงคิดว่ายังจะนำมาเสนออีกต่อไปพอสมควร - สวัสดีครับ.
 
ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก www.bloggang.com
 
11 สิงหาคม 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่  

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…