Skip to main content

ผมรู้จักแซมมานานหลายปี
ตั้งแต่ผมทำงานเล่นดนตรีอยู่ที่ร้านสายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ ที่ตั้งอยู่ริมถนนวงแหวน 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปลายๆ โดยการแนะนำของน้อย อัคนี มูลเมฆ มิตรสหายของเขาที่เคยร่วมทำงานข่าวชายแดนและสารคดีด้วยกันมาหลายครั้ง ซึ่งต่อมาเขาได้กลายเป็นแขกประจำร้าน ที่ผมมักจะเชิญให้ขึ้นมาร้องเพลงรักเก่าๆที่หาฟังได้ยาก หาคนร้องได้ยาก ที่เขาชอบและร้องได้ดี เข้าถึงอารมณ์เพลงได้อย่างลึกซึ้ง และมีความสุขจนเราสัมผัสได้ และเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน เพราะเขาร้องมันออกมาจากหัวใจนั่นเอง
 
จนกระทั่งผมออกจากงานร้านสายหมอก กลับมาทำงานเขียนอยู่บ้าน แต่เวลาทางร้านมีกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ และผมได้รับเชิญไปเล่นดนตรี เขาก็ยังไปเป็นแขกของร้าน และช่วยร้องเพลงรักเก่าๆแต่งเติมสีสันอันคลาสสิกให้แก่งาน หลายต่อหลายครั้ง
 
หรือบางที เวลาเขาพาทีมงานสารคดี เอเชียอิมเมจ ไปลงพื้นที่เชียงใหม่สายใต้ผ่านมาทางบ้านผม เขามักจะแวะมาบ้านผมที่ทุ่งเสี้ยว มีอยู่ครั้งหนึ่งเขากลับจากลงพื้นที่อำเภอแม่แจ่มกับคุณ ชญานิฐ สุนทรพิธ แห่งบ้านสวนอัญญา และน้องๆทีมงาน นอกจากจะแวะมาอาบน้ำแล้ว เขายังจัดปาร์ตี้เล็กๆเลี้ยงทีมงาน และเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆร้องเพลงรักเก่าๆให้ทีมงานฟัง โดยมีผมเป็นนักดนตรี เขาเป็นนักร้อง ทำให้งานสนุกสนานและมีความสุขกันทั่วหน้า
 
 
ประมาณปลายๆปีที่แล้ว ช่วงก่อนที่เขาจะจากไปเมื่อวันที่ 3 กันยา 53 ด้วยมะเร็งในปอดที่ตรวจพบระยะสุดท้าย และคร่าชีวิตของเขาไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าโรงพยาบาลได้ไม่กี่อาทิตย์ จนใครต่อใครที่รู้จักสนิทสนมกับเขาทำใจรับกันไม่ค่อยได้ เป็นช่วงที่การงานของเขากำลังขึ้นถึงจุดสุดยอด จากงานหนังสารคดีที่แสดงให้เห็นความรุนแรงทางการเมืองในประเทศพม่า ที่ได้รับรางวัลจากนานาชาติมาหลายรางวัล และหวุดหวิดเกือบจะได้รางวัลออสการ์อีกรางวัลหนึ่ง แต่แล้วเขาก็มีอันเป็นไปต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย
 
น่าเสียดาย...คนหนุ่มที่เต็มไปด้วยไฟและพลังแห่งการสร้างสรรค์ มีคนบ่นๆให้ผมฟังในเชิงตั้งคำถามว่า ทำไมพระเจ้า...จึงไม่อนุญาตให้คนทำงานดีๆมีคุณค่าแก่สังคมมีชีวิตอยู่ในโลกนี้นาน ผมตอบไม่ได้ เพราะมันเป็นคำถามที่อยู่ในใจของผมเช่นกัน
 
ครับ ตั้งแต่นี้ต่อไป ภาพของเขาที่อยู่ในความทรงจำของผม จะเป็นภาพของคนหนุ่มชั่วนิรันดร์ในความทรงจำของผมตลอดไป และเพลงรักเก่าๆเพลงหนึ่งที่เขาชอบร้องเป็นชีวิตจิตใจ จนกลายเป็นเพลงประจำตัวของเขา ก็จะกลายเป็นเครื่องเตือนความทรงจำทำให้ผมรำลึกถึงเขาตลอดไป ไม่ว่าผมจะได้ยินเพลงนี้หรือเล่นเพลงนี้ที่ไหน คุณเคยได้ยินเพลงรักเก่าๆที่ชื่อว่า “ทาสเทวี” ของชรินทร์ นันทนาคร เพลงนี้ไหม เพลงที่ร้องว่า


บุญฉันมีแต่คงไม่ถึง ฟ้าจึงไม่เวทนา
คอยเฝ้าแต่คอยทุกครา ดวงจันทราไม่ลอยเลื่อนมาใกล้เรา

คงแหงนคอยแต่คอยหาย เสียดายดวงจันทร์ไม่บรรเทา
ลอยลับไม่เหลือแม้เงา รู้หรือเปล่าว่าเราช้ำชอกฤดี

เธอเป็นดอกฟ้า รู้ไหมว่า...เราเป็นดั่งทาสเทวี
แม้นไม่ปราณี ทาสนี้คงระทมอยู่เรื่อยไป

รอ...ฉันรอด้วยใจวิงวอน ขอบังอรเมตตารับฝากใจ
เพียงยิ้มสักนิดฤทัย ฉันคงพองเรื่อยไปด้วยธุลีเมตตา...ของเธอ


ครับ เพลงรักเก่าๆ ที่เราเคยบรรเลงด้วยกัน เพลงนี้แหละครับ เป็นเพลงที่เขาชอบเป็นชีวิตจิตใจ.

 
ด้วยอาลัย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 
7 กันยายน 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทักษิณ ชินวัตร เดินทางลงมาจากยอดเขาสูงลงมาสู่พื้นดินเบื้องล่างเป็นเวลานานนับปีแล้วหลังจากต่อสู้ปีนป่าย...ขึ้นไปอยู่บนยอดสุดเป็นเวลานานหลายปีแต่ทันทีที่เขาก้าวย่างลงมาเหยียบฝ่าเท้าลงไปแตะผืนแผ่นดินเบื้องล่างเขาก็พลันพบว่า...พื้นดินบนผืนแผ่นดินไทยมิใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขาเสียแล้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 เมื่อวานนี้ ข้าจำใจต้องตัดสินใจซื้อบัตรตีตั๋ว - ขึ้นชิงช้าสวรรค์กับเด็กๆในงานสวนสนุกข้างบ้านเพราะทนคำรบเร้าของเด็กๆที่ต้องการให้ข้าขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อนไม่ไหว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  จริงหรือที่มีท่านผู้รู้กล่าวกันว่าต้นตอสาเหตุ - ของความขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรงในสังคมไทย ที่กำลังลุกลามกันใหญ่...และยากจะหาข้อยุติในขณะนี้หาใช่เรื่องที่เกิดขึ้น...จากคนเพียงสอง - สามคน ขัดแย้งกันแล้วชักชวนคนอื่นๆมาเป็นพรรคพวกร่วมทะเลาะกันไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 มีคนเคยบอกฉันว่า "การเดินทาง คือกำไรของชีวิต" อาจเป็นเพราะความฝันกระมัง ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเดินทางอย่างมากมาย สมัยฉันเป็นเด็กเล็ก ฉันเคยฝันกับตัวเองเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง...ฉันจะเป็นดั่งซานตาคลอส นักบุญใจดี ที่ชอบแบกถุงผ้าใบใหญ่พาดไหล่ เดินทางเอาขนมไปแจกเด็กๆที่หิวโหยในวันคริสต์มาส...ฉันเชื่อว่าความฝันช่วยทำให้ชีวิตคนเราในแต่ละวัน - มีความหมาย และเฝ้าบอกแก่ตนเองเสมอว่า ความฝันต้องควบคู่กับการเล่าเรียนศึกษา เพื่อเป็นบันได...ทอดขึ้นไปสู่อนาคตอันสดใส สำหรับก้าวขึ้นไป - ไขว่คว้าความฝันให้เป็นจริง...จนกระทั่งฉันโตเป็นหนุ่มฉันจึงเริ่มฝัน เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมา ฉันฝันว่า วันหนึ่ง…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภายในกำแพงที่คุมขังแห่งนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผม ป้องกันไม่ให้ผม ต้องถูกบังคับสับถูกโขกให้ออกไปตระเวนร้องเพลงตามข้างถนน ซึ่งไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกอย่างไร จะต้องทำเงินให้ได้ ตามยอดเงินที่นายพ่อตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด จะกินอิ่มหรือไม่ นายพ่อไม่เคยถาม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อเดินทางจากลำปางมาอยู่กับท่านเศรษฐีใจบุญที่กรุงเทพ ท่านให้ผมเรียกท่านว่า "นายพ่อ" ท่านได้สอนให้ผมร้องเพลงเล่นกับวงดนตรีคนพิการของท่าน รวมทั้งสอนให้ขายล็อตเตอรี่ด้วย เพื่อให้ออกไปหาเงิน ผมก็ไป ไม่เคยอิดออดอะไร เพื่อหวังจะได้เรียนหนังสือและมีชีวิตที่ดีขึ้น...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วันที่ฉันได้รับจดหมายจากแดน 3 ฉันกำลังมีความสุขกับงานขึ้นบ้านใหม่ บ้านที่ฉันกู้เงินสหกรณ์ตำรวจ และขายวัวทั้งฝูงที่เลี้ยงเอาไว้ นำเงินมาสร้างให้แม่แก้ว แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตฉัน โดยยอมทิ้งความอยากได้รถยนต์เก๋ง วีออสสีดำ ป้ายแดง ที่ฝันจะขับตะรอนทัวร์ ออกไปช่วยเหลือผู้คนตามต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกล แต่เอาเข้าจริงๆความฝันกับความเป็นจริง มักเดินสวนทางกันเสมอ...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เธอสวยถึงแม้เธอจะแต่งตัวขะมุกขะมอมด้วยเสื้อผ้าราคาถูกและเก่าคร่ำคร่าแต่เปลือกกายภายนอกอันหม่นหมองของความยากไร้หาได้บดบังความงามของเธอไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  1. ยามเช้าเปิดหน้าต่างตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างและข่าวคราวจากโลกภายนอก
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  สวยหรือไม่สวยเพราะหรือไม่เพราะหอมหรือไม่หอมอร่อยหรือไม่อร่อยสบายหรือไม่สบายดีหรือไม่ดี...ข้าใช้ความรู้สึกนึกคิดจากเลือดเนื้อชีวิต กว้างศอก ยาววา ของข้าตามกรอบความรู้สึกนึกคิดแบบทวิลักษณ์นี้แยกแยะสิ่งดีสิ่งเลว ความผิดความถูกต้อง ความดีและความชั่ว ออกจากกันตั้งเล็กจนโตและตราบเท่าจนถึงทุกวันนี้เพื่อเลือกรับและปฏิเสธสิ่งต่างๆในโลกครอบคลุมไปหมดทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตายและทำให้ชีวิตข้าอยู่รอดปลอดภัยในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและความโหดร้ายของชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเกลียดและฉันรักเธอมาทักถามทำไมในเหตุผลเหตุใดรัก เหตุใดเกลียด เกิดในตนสิ่งใดดลดาลใจให้เกิดมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
รื่นเริงเถิดจงรื่นเริงเถิดชีวิตนี้เกิดมาสั้นนักหนารื่นเริงเถิดมิตรอย่ามัวรอช้าก่อนเวลารื่นเริงจะหมดสิ้นไป