โคลสใบหน้า ถนอม ไชยวงษ์แก้ว บนเวทีคืนนั้น ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
ครับ
แล้วงานมินิคอนเสิร์ตของผมที่น้องๆผู้จัดและทีมงานได้ตั้งชื่องานบนแผ่นโปสเตอร์ให้ว่า “มินิคอนเสิร์ต ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ดนตรี กวี นักเขียน” และโปรยอักษรตัวเล็กถัดจากชื่องานลงมาว่า “และศิลปินรับเชิญพร้อมหญิงสาวร่วมถ่ายทอดบทกวี” เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 53 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ณ ที่ร้านสุดสะแนน ซอยโคลา เยื้องฝั่งตรงกันข้าม เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่ ก็ผ่านพ้นไปด้วยความอบอุ่นและราบรื่น วันนี้ ผมจึงขอกล่าวคำขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องในงานนี้ ดังต่อไปนี้
โก้ บราวเฮาส์ เพอคัสชั่น ถนอม ไชยวงษ์แก้ว กีตาร์ เม้าธ์ออแกน กาญจณ์ สุทธิพูน เชลโล่ ภาพโดย Sangsath
ขอบคุณ
ฮวก สุดสะแนน เจ้าของร้านและหัวหน้าวงสุดสะแนน
ชวด สุดสะแนน มือกีตาร์และนักร้องนำวงสุดสะแนน และช่างภาพแนวอาร์ตฝีมือดี เจ้าของร้านกาแฟร่ำเปิง
ชาย เพื่อนเก่า นักดนตรีมือแบนโจ แมนโดลิน ฟรุต มืออาชีพที่เอาจริงเอาจังมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายมานานนับสิบกว่าปี
ที่ร่วมกันเป็นต้นคิดจัดงานนี้ โดยที่ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากหิ้วกีตาร์ไปเล่น และคัดบทกวีให้ทีมงานของเขาไปจัดการกันเองตามอัธยาศัย
ขอบคุณ
ปาน - ชลธี ตระพัง มือหนึ่งในการประสานงานกิจกรรม ที่ช่วยให้ทุกฝ่ายมาร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นและมีชีวิตชีวา
ขอบคุณ
ชวด สุดสะแนน ที่ช่วยถ่ายรูปทำโปสเตอร์ และนำแสดงในงาน ด้วยภาพที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถ่าย ผู้ถูกถ่าย และผู้ชม รวมทั้งช่วยเล่นเปิดงานแบบวันแมนด์โชว์ในช่วงที่ยังไม่ค่อยมีคน และช่วยดูแลเสียงกีตาร์ ปรับเครื่องเสียงให้ตลอดเวลาทั้งสองช่วงที่ผมและคณะขึ้นไปบนเวที และลุล่วงไปโดยราบรื่นและดีงามเกินคาด
ขอบคุณ
วงสุดสะแนน ที่มีนักดนตรีมาร่วมแจมกันเพื่องานนี้จนเต็มเวที เช่น นายไปรษณีย์ นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อที่มีท่าทีว่าจะมีอนาคตไปไกล อ้ายเปี๊ยกบลู ผู้ขรึมขลังและน่ารัก อาจารย์เปื่อย มือแคนเทวดา ด้วยลีลาชวนเชิญให้แขกที่มากันคับคั่งในงานนี้พร้อมใจกันลุกขึ้นเต้นตามสไตล์อันเร้าใจแบบสุดสะแนน ตอนช่วงปลายของงาน ที่จบลงด้วยความสนุกสนานแบบพอดีๆ
ขอบคุณ
อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น กวีพี่ใหญ่ที่มาช่วยเป็นพลังใจแด่น้องๆ และช่วยร้องเพลง พัทยาลาก่อน และ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร มิตรสหายกวีแห่งล้านนาอีกท่านหนึ่ง ที่มาโชว์ลีลาการเต้นแบบไม่เหมือนใคร และมิอาจมีใครมาดแม้นมาเหมือน
ขอบคุณ
น้องแอน ละคร น้องสาวคนเก่งที่น่ารัก คนเล่นละครเวที ที่เอาจริงเอาจังมานานจนพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้กำกับ และกำกับ “ลำนำเถื่อนแห่งโจรป่า” บทกวี ของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ให้เป็นละคร ได้ถึงเนื้อหาและอารมณ์ ทั้งผู้แสดง และผู้อ่านบทกวี โดยเฉพาะ เอก คนที่อ่านบทกวีในฐานะโจรผู้เล่าเรื่องสาเหตุของการ “ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา” น้ำเสียงของเขา ช่างดุร้ายเหี้ยมหาญ เหมาะแก่การเป็นอ้ายมหาโจรโคตรโรม้านซ์ คนนี้เสียจริงๆ (ผู้กำกับแอนอย่าลืมบอกเอกด้วยนะจ๊ะ ละครเลิกแล้วให้เอกลืมบทชั่วๆนี้เสียโดยเร็ว เพราะพี่กลัวเอกจะไปก่อเรื่องติดคุก เพราะสายลมที่เปิดหมวก ให้ข้าเห็นความงามในหน้านาง ทำให้ข้าย่างหยาบชักดาบ...เข้าไปฆ่าผัวของนาง นอกจากคุกตะรางแล้ว เอกเอ๊ย...พวกเฟมินิสต์ทางล้านนาบ้านเรา ล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งและดุๆด้วยกัน อย่าเผลอไปคิดสั้นเพราะอารมณ์วูบเดียวเป็นอันขาด พี่เป็นห่วงว่าเรื่องจะลามมาถึงตัวพี่ว่ะ )
ขอบคุณ
สุวิชานนท์ รัตนพิมล ศิลปินรับเชิญ ทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง และร่ายกวีให้แก่ตัวผม
ขอบคุณ ชิ สุวิชาญ นักดนตรีรับเชิญอีกท่านหนึ่ง ที่ช่วยมาบรรเลงเตหน่าสะกดคนฟังให้คนข้างเคียงของเขาอ่านบทกวี และร่วมเล่นกับเพลงบลูของสุวิชานนท์อย่างมีเอกภาพ
ขอบคุณ
แขกที่รับเชิญมาอ่านบทกวี
ดร.เพ็ญสุภา สุขตะ ใจอินทร์ กวิณีสาวสวยและสามารถอยู่เสมอจากสันกำแพง ผู้อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ระบบ”
เจี๊ยบ - อรวรรณ ชมพู สาวตาคมผมยาวจากเชียงดาว ผู้อ่านบางบทกวีที่ชื่อว่า “โอ้ชีวิต”
น้องนาย - มาลันชา สาวผิวงามผ่องพรรณจากโชตนา อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ไฟชีวิต”
ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส ผอ.โรงเรียนล้านนาอินเตอร์ ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ไผ่”
กบ - นฤมล พฤกษา ศิลปินอิสระมาดมั่นเกี่ยวกับการละครผู้อ่านบทกวีชื่อ “ท่าที่อีเดือนมันกระโดดลงไป” (ประกอบการแอ็คติ้งแบบละครได้สมจริง จนผ้าถุงเกือบจะหลุด ฮา... และทำให้ชายหนุ่มรูปหล่อแบบเถื่อนๆสองคนต้องรีบควักแบ็งค์ละร้อยให้คนละใบด้วยความประทับใจในลีลาเหลือร้ายของคุณกบในบทของโสเภณี ที่เล่าเรื่องชะตากรรมอันหฤโหดของเพื่อนโสเภณี ที่ชื่อว่า อีเดือน ให้แขกผู้ใช้บริการของเธอฟัง)
น้องแสตมป์ - กมลชนกพรหมจ้อย ผู้อ่านบทกวีเซอร์เรียลิสต์ชื่อ “ถนนสายรุ้ง” และ “กองทัพฝน”
น้องเหมี่ยว - ฟ้าคราม รักตะวัน ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ผู้บินแหวกว่ายอยู่ในค่ำคืน”
น้องเจนนี่ คนข้างเคียงชิ สุวิชาญ อ่านบทกวีชื่อ “ความตายของต้นฉำฉา”
ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย นักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย บทความ อาจารย์สอนพิเศษการเขียนวรรณกรรม ม.หอการค้า และคอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรีรายปักษ์ อ่านบทกวีชื่อ “เป็นอย่างที่เธอเป็น”
และอีกหลายท่านที่ขึ้นมาร่ายกวีสดๆในขณะนั้น และขออภัยที่หานามของท่านเพื่อขอบคุณไม่พบ
ขอบคุณ
น้อย - อัคนี มูลเมฆ ผู้แปล “ศาสดาขบถ” และ “ปิคัสโซ” นักร้องกิตติมศักดิ์ที่ช่วยร้องเพลง หยาดเพชร คอยลม แม่เนื้ออุ่น อย่างได้อารมณ์ และ ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส อีกครั้งที่ช่วยทั้งอ่านบทกวีและร้องเพลง สายชล ลองรัก ความรักไม่รู้จบ ชะตาชีวิต Tennessee Waltz อย่างยอดเยี่ยมให้แก่กีตาร์และเม้าธ์ออแกนของผม
เช่นเดียวกับ ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย ที่นอกจากจะช่วยอ่านบทกวีแล้ว ยังช่วยร้องเพลงที่ชื่อว่า สายชล ให้เศร้าแต่เป็นสุขกันอีกรอบ และมอบหนังสือ “เหยื่ออธรรม” จาก ทับหนังสือสำนักพิมพ์ ของคุณสุเมธ สุวิทยะเสถียร ที่แปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท หนึ่งชุด 5 เล่ม ราคา 3,500 บาท มอบให้ผม (เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงานวันเกิด ผมเลยได้ของขวัญอันล้ำค่าราคาแพง ฮา...)
และ คุณกาญจนา สุทธิพูน สาวมาดมั่นเกินร้อยมือเชลโลสมัครเล่นจากหมู่บ้านขวัญเวียง ที่มาร่วมช่วยเล่นเชลโลให้แก่ดนตรีโฟล์กของผมให้มีสีสันงดงามขึ้น พร้อมกับอาหาร 1 รายการ
และที่ลืมไม่ได้เลยอีกท่านหนึ่ง ก็คือ โก้ อภิชาต ภานุวงศ์ หนุ่มหล่อมาดเซอร์คนเขียนรูปจากแกลลอลี่ บราวน์เฮาส์ บ้านถวายที่ช่วยมาเล่นเพอคัสชั่นให้ดนตรีของเรา บรรเลงไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยสมาธิอันดีเยี่ยม
สาวใหญ่ชุดดำสวยคลาสสิก และหนุ่มใหญ่มาดนักปราชญ์ผู้
ขอบคุณ
อุ๋มอิ๋ม - วดีลดา เพียงศิริ นักเขียนหญิงชื่อดังที่ใจกว้างเหมือนแม่น้ำจากอนุบาลคิตตี้แบร์ ถึงแม้จะไม่ได้มางานนี้ แต่ก็ยังช่วยอุปการะเครื่องดื่มที่ใช้ต้อนรับแขก
ขอบคุณ
น้องบี จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคยทำร่วมงานกิจกรรมสังคมด้วยกันมาตั้งแต่บียังเรียนปริญญาโท จนกระทั่งเรียนจบเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน มช. ที่ยังอุตส่าห์สละเวลามาช่วยเป็นพิธีกร ร่วมกับ แอน ละคร ที่ต้องขอบคุณอีกครั้งในฐานะที่ช่วยเป็นพิธีกรที่กระชับและฉับไวร่วมกับบี นอกเหนือจากบทบาทผู้กำกับละครในงานนี้
ขอบคุณ
ป๋อ - อังคาร กล่ำคลัง สถาปนิกมาดสุภาพบุรุษเจ้าสำราญขนานแท้ น้องชายที่น่ารักและหวานใจ จากร้าน ยิปซี หน้าวงเวียนพืชสวนโลก ที่มาให้กำลังใจ และเลี้ยงเหล้าใครต่อใครที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่อั้นในคืนวันอันสวยสดนี้ รวมทั้ง ตุ๊ - ช่ออัญชัญ สาวมาดเข้ม ที่อุตส่าห์ปลีกเวลามาทั้งๆที่เพิ่งเหน็ดเหนื่อยมาจากแม่ฟ้าหลวง ปลื้มใจที่ตุ๊ชอบเพลง ที่รัก รวมทั้ง ตู่ - นพดล ไชยคุณา แม้ไม่มีเก๋คนข้างเคียงมาดูแลในคืนนี้ แต่ก็สามารถเมาได้ตามฟอร์มโดยไม่ตกหล่น สมกับที่เป็นมืออาชีพจริงๆครับท่าน
ขอบคุณ
โจ้ - รังสรรค์ ราศีดิบ เจ้าของรางวัลสีสันอวอร์ดเพลงอินดี้จากอัลบั้มชุด “การเดินทางของตระกร้า” เมื่อสี่ห้าปีก่อน ที่ให้เกียรติเข้านั่งพินิจงานอย่างสบายๆ
ขอบคุณ
กรรณิการ์ เพ็ชรแก้ว จากประชาชาติธุรกิจ ผู้มาในชุดดำสวยคลาสสิก ที่เข้ามาช่วยอุดหนุนบาร์เหล้าและไวน์ของสุดสะแนน และช่วยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของอ้ายไพฑูรย์มิให้เงียบเหงา
ขอบคุณ
บรรณรส บัวคลี่ จากผู้จัดการภาคเหนือ ที่ให้เกียรติงานนี้เป็นที่ทดลองใช้กล้องถ่ายรูปใหม่ที่เพิ่งซื้อออกจากห้างมาอย่างสดๆร้อนๆ (ผมชอบภาพที่คุณโคลสใบหน้าผมขณะเป่าเม้าธ์ออแกน และภาพใบหน้า ชวด สุดสะแนน กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แลดูเป็นธรรมชาติดีครับท่าน)
ขอบคุณ
พี่เกษตร มือเขียนรูปสมัครเล่นจากสำนักวัดอุโมงค์ ที่เข้ามาเขียนดรออิ้งค์ภาพใบหน้าใครต่อใครมากมายหลายคนในงานนี้แบบฉับพลัน และทำให้สาวๆกรี๊ดกันหลายคน
ขอบคุณ
แพร จารุ คนข้างเคียงที่ช่วยทำคั่วกลิ้ง และช่วยประสานงานร่วมกับปาน - ชลธี และต้อนรับแขกอย่างแข็งขัน
ขอบคุณ
คุณยุพา งามสมจิตร บรรณาธิการอาวุโสนิตยสาร กุลสตรีรายปักษ์ ที่เอื้อเฟื้อมอบหนังสือกุลสตรี ฉบับปักษ์หลัง พฤศจิกายน 2553 ที่มีงานเขียนชื่อ “เงินทำให้คนนับถือ” ของผม ตีพิมพ์ในฐานะนักเขียนรับเชิญมาจับเบอร์แจกในงานจำนวน 40 เล่ม ท่านผู้ใดจับเบอร์ได้ เชิญไปรับได้ที่ร้านสุดสะแนนได้เลยครับ
และสุดท้าย ขอขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามารับชมและเสพงานนี้ ทั้งที่โดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ และหวังว่าทุกท่านคงจะได้สาระและความเพลิดเพลินกันไปบ้างไม่มากก็น้อย หากมีข้อบกพร่องและผิดพลาดๆใด ก็ขออภัยแทนน้องๆที่ช่วยกันจัดงานแสดงนี้ด้วยครับ.
บรรยากาศภายในงาน ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
หมายเหตุ ; งานนี้เป็นงานแสดงดนตรีและบทกวีของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว เท่านั้น มิใช่งานวันเกิด มิใช่งานแซยิด หรืองานต่ออายุ ฮา... อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด (เช่น อ.สุธาทิพย์ โมราลาย) เพราะผมไม่เคยคิดจะยินยอมให้ใครมาจัดงานอะไรซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีประโยชน์อะไรแก่สังคม แถมยังทำให้คนอื่นเขาต้องพลอยมาวุ่นวายด้วย
โดยเฉพาะงานวันเกิดที่ล่วงเลยไปแล้ว หรือแซยิดที่ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขำมาก หากมีใครอุตริมาคิดจัดงานนี้ให้ผม ซึ่งมิใช่คนที่ดีเด่อะไรในทางจริยธรรม และแทบไม่เคยทำคุณประโยชน์ใดๆให้แก่ครอบครัวและสังคม หรือแม้แต่ตัวเอง (ฮา) ถ้าใครเขาจะจัดงาน ที่เราไม่ควรให้คนอื่นจัดให้ตัวเอง เขาก็คงจะจัดให้ผม คนที่พอจะรู้จักตัวดีว่าเป็นอย่างไร และแค่ไหน เขาคงจะจัดกัน...เพื่อบอกผมแบบแดกดันว่า มึงนะแก่และใกล้ตายแล้วนะโว้ย... นั่นแหละมากกว่า ถ้าหากผมเป็นคนหลงตัวเอง และเผลอไปตกหลุมพรางนี้
ครับ นี่เป็นเพียงงานเล็กๆที่น้องๆเขาศรัทธางานเล็กๆของผม เพื่อแสดงงานของผมนักเขียนและนักดนตรีเล็กๆคนหนึ่งที่พอจะมีคนรู้จักเท่านั้นเอง หวังว่าท่านที่เข้าใจผิด คงเข้าใจถูกต้องตามข้อเท็จจริงนี้นะครับ สวัสดี.
ขอบคุณและขอบคุณครับ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
24 พฤศจิกายน 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทักษิณ ชินวัตร เดินทางลงมาจากยอดเขาสูงลงมาสู่พื้นดินเบื้องล่างเป็นเวลานานนับปีแล้วหลังจากต่อสู้ปีนป่าย...ขึ้นไปอยู่บนยอดสุดเป็นเวลานานหลายปีแต่ทันทีที่เขาก้าวย่างลงมาเหยียบฝ่าเท้าลงไปแตะผืนแผ่นดินเบื้องล่างเขาก็พลันพบว่า...พื้นดินบนผืนแผ่นดินไทยมิใช่พื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขาเสียแล้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อวานนี้ ข้าจำใจต้องตัดสินใจซื้อบัตรตีตั๋ว - ขึ้นชิงช้าสวรรค์กับเด็กๆในงานสวนสนุกข้างบ้านเพราะทนคำรบเร้าของเด็กๆที่ต้องการให้ข้าขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อนไม่ไหว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
จริงหรือที่มีท่านผู้รู้กล่าวกันว่าต้นตอสาเหตุ - ของความขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรงในสังคมไทย ที่กำลังลุกลามกันใหญ่...และยากจะหาข้อยุติในขณะนี้หาใช่เรื่องที่เกิดขึ้น...จากคนเพียงสอง - สามคน ขัดแย้งกันแล้วชักชวนคนอื่นๆมาเป็นพรรคพวกร่วมทะเลาะกันไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มีคนเคยบอกฉันว่า "การเดินทาง คือกำไรของชีวิต" อาจเป็นเพราะความฝันกระมัง ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเดินทางอย่างมากมาย สมัยฉันเป็นเด็กเล็ก ฉันเคยฝันกับตัวเองเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง...ฉันจะเป็นดั่งซานตาคลอส นักบุญใจดี ที่ชอบแบกถุงผ้าใบใหญ่พาดไหล่ เดินทางเอาขนมไปแจกเด็กๆที่หิวโหยในวันคริสต์มาส...ฉันเชื่อว่าความฝันช่วยทำให้ชีวิตคนเราในแต่ละวัน - มีความหมาย และเฝ้าบอกแก่ตนเองเสมอว่า ความฝันต้องควบคู่กับการเล่าเรียนศึกษา เพื่อเป็นบันได...ทอดขึ้นไปสู่อนาคตอันสดใส สำหรับก้าวขึ้นไป - ไขว่คว้าความฝันให้เป็นจริง...จนกระทั่งฉันโตเป็นหนุ่มฉันจึงเริ่มฝัน เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมา ฉันฝันว่า วันหนึ่ง…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภายในกำแพงที่คุมขังแห่งนี้เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผม ป้องกันไม่ให้ผม ต้องถูกบังคับสับถูกโขกให้ออกไปตระเวนร้องเพลงตามข้างถนน ซึ่งไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกอย่างไร จะต้องทำเงินให้ได้ ตามยอดเงินที่นายพ่อตั้งเอาไว้อย่างเคร่งครัด จะกินอิ่มหรือไม่ นายพ่อไม่เคยถาม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อเดินทางจากลำปางมาอยู่กับท่านเศรษฐีใจบุญที่กรุงเทพ ท่านให้ผมเรียกท่านว่า "นายพ่อ" ท่านได้สอนให้ผมร้องเพลงเล่นกับวงดนตรีคนพิการของท่าน รวมทั้งสอนให้ขายล็อตเตอรี่ด้วย เพื่อให้ออกไปหาเงิน ผมก็ไป ไม่เคยอิดออดอะไร เพื่อหวังจะได้เรียนหนังสือและมีชีวิตที่ดีขึ้น...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วันที่ฉันได้รับจดหมายจากแดน 3 ฉันกำลังมีความสุขกับงานขึ้นบ้านใหม่ บ้านที่ฉันกู้เงินสหกรณ์ตำรวจ และขายวัวทั้งฝูงที่เลี้ยงเอาไว้ นำเงินมาสร้างให้แม่แก้ว แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตฉัน โดยยอมทิ้งความอยากได้รถยนต์เก๋ง วีออสสีดำ ป้ายแดง ที่ฝันจะขับตะรอนทัวร์ ออกไปช่วยเหลือผู้คนตามต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกล แต่เอาเข้าจริงๆความฝันกับความเป็นจริง มักเดินสวนทางกันเสมอ...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เธอสวยถึงแม้เธอจะแต่งตัวขะมุกขะมอมด้วยเสื้อผ้าราคาถูกและเก่าคร่ำคร่าแต่เปลือกกายภายนอกอันหม่นหมองของความยากไร้หาได้บดบังความงามของเธอไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. ยามเช้าเปิดหน้าต่างตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างและข่าวคราวจากโลกภายนอก
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
สวยหรือไม่สวยเพราะหรือไม่เพราะหอมหรือไม่หอมอร่อยหรือไม่อร่อยสบายหรือไม่สบายดีหรือไม่ดี...ข้าใช้ความรู้สึกนึกคิดจากเลือดเนื้อชีวิต กว้างศอก ยาววา ของข้าตามกรอบความรู้สึกนึกคิดแบบทวิลักษณ์นี้แยกแยะสิ่งดีสิ่งเลว ความผิดความถูกต้อง ความดีและความชั่ว ออกจากกันตั้งเล็กจนโตและตราบเท่าจนถึงทุกวันนี้เพื่อเลือกรับและปฏิเสธสิ่งต่างๆในโลกครอบคลุมไปหมดทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตายและทำให้ชีวิตข้าอยู่รอดปลอดภัยในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและความโหดร้ายของชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันเกลียดและฉันรักเธอมาทักถามทำไมในเหตุผลเหตุใดรัก เหตุใดเกลียด เกิดในตนสิ่งใดดลดาลใจให้เกิดมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
รื่นเริงเถิดจงรื่นเริงเถิดชีวิตนี้เกิดมาสั้นนักหนารื่นเริงเถิดมิตรอย่ามัวรอช้าก่อนเวลารื่นเริงจะหมดสิ้นไป