Skip to main content

 

อิสรภาพ
 
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน
ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
 
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้พูด ในสิ่งที่ฉันคิด ฉันรู้สึก
ไม่ใช่ให้ฉันพูด...ในสิ่งที่ฉันควรพูด ที่ฉันควรคิด
 
ฉันต้องการอิสภาพ
ที่จะได้รู้สึก ในสิ่งที่ฉันรู้สึกจริง
ไม่ใช่ในสิ่งที่ฉันควรรู้สึก
 
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้ถามในสิ่งที่ฉันอยากถาม
แทนการรอคอยคำอนุญาต
 
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้เสี่ยงชีวิต...ที่ฉันเองเป็นผู้รับผิดชอบ
แทนการกักขังหน่วงเหนี่ยว ในกรอบที่สังคมเป็นผู้บอก
เพียงเพราะคิดว่ามันปลอดภัย !
 
 
หมายเหตุ ; ผมขอแสดงความยินดีและขอมอบความเรียงสั้นๆบทนี้ที่ผมคัดมาจากหนังสือ “ค้นหา” ของ นวลศิริ เปาโรหิตย์ แด่ คุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บประชาไทดอทคอม เนื่องในวาระที่คุณจีรนุชได้รับรางวัล เฮลมาน - ฮามเมตต์ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 54 ณ สมาคมต่างประเทศแห่งประเทศไทย จากกรณีต้องคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ บนเนื้อที่สื่อออนไลน์ที่พยายามให้อิสระและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่ออำนาจรัฐ และไม่ทันได้ลบข้อความที่หมิ่นสถาบันฯจากผู้ที่โพสต์เข้ามาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน จนเลยเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
 
รางวัล เฮลมาน - ฮามเมตต์ เป็นรางวัลที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 ภายใต้องค์กร ฮิวแมนไรท์วอทซ์ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือให้แก่นักเขียนและนักเคลื่อนไหวที่รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งตกเป็นเหยื่อจากการดำเนินคดีของรัฐ รางวัลดังกล่าว ตั้งชื่อตาม เฮลมานและฮามเมตต์ นักเขียนบทละครการเมืองอเมริกัน ที่ตกเป็นเหยื่อของการล่าแม่มดจากลัทธิต่อต้านคอมมิวนิสต์
 
เมื่อได้รับรางวัล คุณจีรนุช ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ จากผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 48 คน จาก 24 ประเทศ ได้เปิดเผยความในใจว่า แม้จะมีความยินดีกับการได้รับรางวัลนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีความเศร้าใจ เนื่องจากเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึง การลดต่ำลงของเสรีภาพในเมืองไทยอย่างชัดเจน อันเป็นผลมาจากรัฐประหารปี 2549 ซึ่งทำให้ทหารมีอำนาจให้การเมืองมากขึ้น และชี้ให้เห็นความสำคัญของเสรีภาพมนุษย์เอาไว้ว่า...
 
“การไร้ซึ่งเสรีภาพ
เป็นดุจการขาดอากาศหายใจ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา
แต่จะรู้สึกได้ในทันที
หากมีมันอยู่เบาบาง
หรือขาดหายไป
และหากเราต้องอยู่ในสภาพที่ขาดอากาศนานเกินไป
ย่อมส่งผลให้สมองตาย...กลายเป็นมนุษย์ผัก
ไม่ยินดียินร้ายกับความเป็นไปรอบตัว
 
16 กันยายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 
 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…