Skip to main content

 จวนจะ 5 โมงเย็น

ผมจึงเดินทางไปถึงบ้านเลขที่ 150 ซอย 7 ตำบลโป่งแยงใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ผมเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2” ของ ทันตแพทย์สม อิศรภักดี และเป็นบ้านของผู้เขียนเอง โดย Honda Dream สีดำ 125 คลาดเคลื่อนจากเวลาที่ตัวเองกำหนดเอาไว้ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เพราะเสียเวลาไปปะยางรถที่รั่วระหว่างทาง ถึงขั้นต้องถอดวงล้อรถออกมาเปลี่ยนยางในทั้งเส้น เพราะยางโดนหนามทิ่มจนแฟบแล้ว ผมยังจำต้องขับรถบดถนนไปหาอู่ซ่อมรถที่อยู่ไกล ทำให้ยางในรถฉีกขาดจนปะไม่ได้ บวกกับเสียเวลาขับรถหลงทางเลยที่หมายขึ้นเขาไปอีกเกือบสองกิโลเมตร
 
เมื่อจับทางถูก เข้าไปในซอยที่มีรถยนต์จอดติดกันอยู่หน้ารั้วบ้านอยู่ 3-4 คัน ทันทีที่เห็นป้ายที่ประตูรั้วเขียนว่า “บ้านผ่อดอยใน”  ผมก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ค่อยๆขับมอเตอร์ไซค์ผ่านประตูรั้วเข้าไปในบริเวณบ้านไม้ขนาดค่อนข้างใหญ่บนเนินเขา ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ภายใต้ร่มเงาของแมกไม้ที่แวดล้อมโอบอ้อม โดยมีบริเวณด้านหลังของบ้านเป็นพื้นที่โล่งอันกว้างขวางลาดลุ่มลงไปจรดแนวรั้วกอไผ่ที่ติดกับลำห้วยสายเล็กๆเบื้องล่าง ผมพบว่า แขกส่วนใหญ่ทยอยกลับกันแล้ว พบ คุณซึ้ง ซมซาน จากชมรมนักกลอนเชียงใหม่ - ลำพูน ที่โต๊ะในซุ้มหน้าบ้าน กำลังจะเดินทางกลับกับเพื่อนอีกสองคน พอเห็นผมโผล่หน้าเข้าไป ผมยังไม่ทันจอดมอเตอร์ไซค์สนิท เขาต่อว่าผมทันที ทำไมพี่มาล่าช้าจังเลย ผมก็รีบอธิบายถึงสาเหตุให้เขาฟัง
 
 และแทบไม่ทันได้ตั้งตัว คุณติ๋ม พรรณนา ชุ่มบัวทอง เลขานุการฯ ของ คุณสม อิศรภักดี ซึ่งเป็นผู้กำกับงานนี้ในชุดกระโปรงยาวสีดำสวยสะคราญ และ โดม วุฒิชัย เจ้าของสำนักพิมพ์เพิงพเยีย ผู้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ก็พากันกุลีกุจอออกมาต้อนรับผม โดมช่วยหิ้วกีตาร์ (ที่ผมกะว่าเสร็จจากงานนี้แล้ว ขากลับ จะแวะไปเล่นที่ร้านเหล้าเล็กๆของเพื่อนนักดนตรีในช่วงดึกที่สันป่าตอง ก่อนเข้าบ้าน ) และฉุดผมเข้าไปทางปีกซ้ายของบ้าน แล้วอ้อมไปที่ระเบียงหลังบ้านอันกว้างขวาง ซึ่งเป็นที่จัดงานพิธีและงานเลี้ยง หลังจากทักทายคนรู้จักกันที่มางานนี้ และยังไม่กลับกัน ซึ่งกำลังคุยกันอย่างออกรส และบอกเล่าสาเหตุความล่าช้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับการให้อภัยจากทุกๆท่าน (ฮา)
 
ผมก็เริ่มดื่มเบียร์ที่มีให้เลือกอยู่สองยี่ห้อ คือ สิงห์กับลีโอ ผมเลือกเอาลีโอ เพราะอ่อนกว่าสิงห์ โดยตั้งสติอย่างแน่วแน่ บอกแก่ตัวเองในใจว่า จะต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาและอยู่ไม่เกินสองทุ่ม เพราะจะต้องขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาลงเขาคนเดียวจนถึงสามแยกแม่ริมประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร จากสามแยกแม่ริม ผ่านอำเภอแม่ริม ผ่านอำเภอเมือง ผ่านอำเภอหางดง จนถึงอำเภอสันป่าตอง อีกประมาณ 50 กิโลเมตร
 
คนที่ยังยืนหยัดอยู่ในงาน มี
อันยา โพธิวัฒน์ อดีตคู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร จากบ้านดวงดอกไม้ จังหวัดลำพูน ผู้เขียน รักและคิดถึง จรัล มโนเพ็ชร, ตามรอยฝัน จรัล มโนเพ็ชร, ภารกิจปิดฝังมิดะ, ฯลฯ ควงคู่มากับคุณวิ หรือสหายหมอก อดีตคนเดือนตุลาฯ จากบ้านไผ่หิน ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่
 เปีย วรรณา นักเขียนฟรีแลนด์ ที่มักจะมีสารคดีการท่องเที่ยวต่างประเทศลงในสกุลไทยบ่อยๆ มากับลูกสาวช่างพูดช่างเจรจา จาก อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่
 ขจรฤทธิ์ รักษา นักเขียนรางวัลศิลปาธร เจ้าของสำนักพิมพ์บ้านหนังสือ และบก.ผู้สถาปนานิตยสารไรเตอร์ มากับคู่ สุดาพร รักษา คู่ชีวิต มาจากนนทบุรี
กล้วย คู่ชีวิตที่น่ารักและใจดี ของ โดม วุฒิชัย มาจากนนทบุรี พร้อมกับโดม
อนุสรณ์ ติปยานนท์ นักเขียนผู้มีกริยาอ่อนน้อมถ่อมตน คอลัมน์นิสต์จากมติชนสุดสัปดาห์ ที่กำลังมาแรงเพราะผลงานเขียนเคยเฉียดรางวัลซีไรท์มาแล้ว และเขาเป็นผู้ที่ทำให้ผมรู้จัก เรียวโนซุเกะ ผู้เขียน ราโชมอน และ ในป่าละเมาะ มากกว่าที่เคยรู้จัก จากงานรวมเรื่องสั้นและประวัติของ เรียวโนซุเกะ ที่เขาออกมาแปลอย่างประณีต มากับหญิงสาวท่าทางสงบนิ่ง คาดว่าเขาน่าจะมาจากบ้านพักละแวกหลัง มช. เพราะมีคนมากระซิบบอกผมว่า คุณอนุสรณ์มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษวรรณกรรมอยู่ที่ มช.
เสี้ยวจันทร์ แรมไพร กวีมาดเซอร์ ผู้พิมพ์หนังสือคว้าซีไรท์มาหลายเล่ม มากับเพื่อนคนหรือสองคน ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเสี้ยวอยู่มุมไหนของโลก
น้องผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาตอนที่ผมเล่นดนตรีประจำอยู่ในเมือง ซึ่งรู้จักผมดี แต่ผมจำชื่อน้องไม่ได้ (โธ่เอ๋ย... พี่ต้องขออภัยน้องที่น่ารักด้วยครับ ตอนนั้นพี่มีแต่เรื่องต้องดื่ม...มากไปหน่อย จึงละเลยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้คนและสังคม พอถูกท้าวความหลังก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่าน) มากับสามีชาวอังกฤษท่าทางภูมิฐาน ที่มาอยู่เชียงใหม่ได้ถึง 19 ปี จนอู้กำเมืองได้เป็นว่าเล่น มาจาก บ้านแม่แรม อ.แม่ริม นี่แหละ
และมวลมิตรสหายชายหญิง ของคุณติ๋มอีกหลายท่านที่มาทั้งในฐานะแขกและมาช่วยคุณติ๋มรับรองแขกที่ผมเพิ่งพบปะในวันนี้
 
หลังคุยกันจิปาถะกันพักหนึ่ง รวมทั้งเรื่องการเมืองโดยไม่ทะเลาะกัน (ฮา) ขจรฤทธิ์ สุดาพร และกล้วย ก็ขอตัวไปเที่ยวกันในเมืองเชียงใหม่ ผมจึงขออนุญาตคุณติ๋มผู้กำกับงานเปิดคอนเปิดมินิคอนเสิร์ต ด้วยเครื่องดนตรีสองชิ้น กีตาร์กับเมาธ์ออแกน โดยมีสุภาพสตรีสวยโสภามิตรสหายของคุณติ๋มในชุดล้านนาประยุกต์สองคน และเปีย วรรณา ช่วยร้องเพลงด้วยอย่างแข็งขัน ตั้งแต่เพลง สาวเชียงใหม่ , ล่องแม่ปิง รางวัลแด่คนช่างฝัน, หนึ่งในร้อย, สายชล, วิมานดิน, ทรายกับทะเล, รักข้ามขอบฟ้า, ลืมแล้วหรือสัญญา ฯลฯ
 
บรรยากาศ จึงเปลี่ยนเป็นความรื่นรมย์กันถ้วนหน้า จนคุณสม อิศรภักดี ที่ผมเข้าใจว่าท่านคงพักผ่อนแล้ว คงจะได้ยินเสียงร้องเพลง เสียงกีตาร์ เม้าธ์ออแกน และเสียงร้องเพลงอันหวานใส เล็ดรอดเข้าไปในบ้าน (ฮา) จากสุภาพสตรีที่ช่วยกันขับร้องร่วมกับผม จนมิอาจทนมนตร์ของเสียงเพลงได้ ท่านจึงบอกผ่านคุณติ๋มจากห้องหับภายในบ้านมาบอกผมว่า ท่านจะออกมาร่วมมินิคอนเสิร์ตแบบ แกงโฮะ นี้ด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมใจผมที่จะได้พบปะตัวจริงของคุณสม ซึ่งจะขอเข้าไปพบท่านก็เกรงใจ เพราะคาดว่าท่านกำลังพักผ่อน  พอคุณติ๋มพาร่างขาวท้วมของคุณสมออกมาในชุดนอน ผมก็รีบยกมือทำความเคารพท่านโดยมี โดม วุฒิชัย เป็นคนแนะนำเกี่ยวกับตัวผม
 
ทันทีที่ท่านหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าผม ซึ่งนั่งเฉียงๆอยู่บนม้ายาวติดกับราวระเบียง ขณะแสงแดดฤดูร้อนในหุบเขาสีคราม กำลังเริ่มอ่อนแสงลงสู่ยามเย็นอันหม่นมัว ผมเหลือบมองดูใบหน้าสี่เหลี่ยมของท่านพลางยิ้มๆถามท่านว่า คุณสมชอบเพลงอะไรบ้างครับ ถ้าผมเล่นได้ผมจะเล่นและร้องให้ฟัง ท่านบอกว่าอยากฟังเพลง สามหัวใจ และ น้ำตาแสงใต้ ผมเล่นได้และร้องได้ ก็เล่นให้ท่านฟัง โดยมีสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่งที่แต่งตัวแบบสบายๆ ท่าทางเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองเกินร้อย โผล่เข้ามาช่วยร้องด้วยอย่างชัดถ้อยชัดคำและได้อารมณ์ ทำให้ผมเบาแรงไปเยอะ
 
ผมเล่นเพลงในยุคนี้ให้ท่านฟังอีกหลายเพลง เช่น สายทิพย์, นิราชนุช, ขวัญเรียม, สีนวล ฯลฯ และไล่ลึกลงไปจนถึงเพลงลาวดวงเดือน แล้วผมก็ไม่นึกแปลกใจที่ท่านออกมาร่วมด้วย เพราะท่านไม่เพียงจะรู้จักและซาบซึ้งเพลงเหล่านี้ แต่ท่านยังรู้จักที่มาของเพลงเหล่านี้บางเพลงอย่างลึกซึ้ง และบอกเล่าที่มาของเพลงให้ผมฟัง
 
จากนั้น เพื่อบรรยากาศเป็นกันเองแก่ชาวต่างประเทศ ที่อาจจะรู้สึกแปลกแยก ผมจึงถามน้องที่มีแฟนเป็นคนอังกฤษว่า  เขารู้จักเพลงของ The Beatles บ้างมั้ย น้องบอกว่ารู้จักและร้องได้ด้วย ผมจึงเล่น All my loving, Yesterday ที่คนฟังเพลงรู้จักกันทั้งโลกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่าเขาได้ร้องอย่างสบายๆและมีความสุข เลยเถิดไปถึงเพลงสากลอื่นๆที่อยู่ในยุคใกล้เคียงกันอีกสองสามเพลง โดยมีเพื่อนคุณติ๋มที่โผล่มาทีหลังช่วยร้องอย่างแข็งขัน ร่วมกับใครต่อใครอีกหลายคนรอบๆตัวผม โดยเฉพาะเพลง Yesterday นี่ มันเป็นเพลงอมตะที่เข้าถึงอารมณ์เศร้าของคนจริงๆ ใครๆก็ชอบและร้องกันได้แทบทุกคน โดยเฉพาะท่อนแยกที่เป็นเสมือนไคลแม็กซ์ของเพลง ที่มีโน้ตขึ้นเสียงสูงและเน้นเสียงหนักว่า
 
Why she had to go I don’t know she wouldn’t say
I said something wrong now I long for yesterday
 
ใครๆก็ร้องกันได้ จำกันได้ ถ้าเคยได้ฟังเพลงนี้
 
จนได้เวลามืดค่ำ พอสมควรแก่เวลา ผมจึงขอปิดคอนเสิร์ตที่แทบทุกคนต่างมีส่วนช่วยกันร้องรำทำเพลงด้วยความรื่นรมย์ และลาบอกกลับด้วยเหตุผลที่จำเป็นต้องไปเล่นร้านของเพื่อนต่อ ขอบคุณ - คุณติ๋มและโดม ที่ช่วยแก้ไขปัญหาขัดข้องทางเทคนิคในการเดินทางกลับให้ โดยราบรื่นปลอดภัย.
........
........
 
หนังสือ “ผมเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2” ของคุณสม อิศรภักดี ซึ่งมีอายุ 90 ปี ในปีนี้ เป็นหนังสือที่คุณสมเขียนถึงประวัติของตัวเอง ตั้งแต่เรื่องครอบครัว การศึกษาตั้งแต่ระดับระดับประถมจนถึงอุดมศึกษา แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศ และอาชีพทันตแพทย์จนกระทั่งเกษียณอายุ รวมทั้งการท่องเที่ยว และเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับผู้คนและสังคมในอดีตที่อยู่ในความทรงจำของท่าน โดยมีทัศนะส่วนตัวของท่านสอดแทรกแทบทุกบท เขียนเพียวๆแบบสบายๆ ไม่ขุดคุ้ยข้อมูลอะไรมายัดเยียดให้เราต้องปวดหัว มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 44 บท ขนาดพ็อคเก็ตบุ๊ก หนา 223 หน้า บทหนึ่งยาวประมาณ 3 - 4 หน้า มีสารบัญเรื่องดังนี้
 
บ้านคุณย่า / ลุงพัน / ครูม้วน / ครูเว่งกิ๊ต / ครูสุดา
 / ครูเฉลิม / หลายชีวิต (1) / หลายชีวิต 2 / น้ำท่วมปี 2485 / กองพันปัญญาชน
 / อาจารย์รองรัตน์ /  อาจารย์พิศวง ฟักทองคำ / จอมพล ป. / ฉลอง 150 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
 / ทิดเขียว / ล้อต๊อก / วัดราชบพิตร / เชลล์ชวนชิม / ครูผัด
 / ครูเจือ ผล พระประแดง ลุงแนช / เมสัน / โอลิมปิก / พี่บัว (1) / พี่บัว (2) หมอใหญ่
 / กอล์ฟฟีเวอร์ / เกรย์ฮาวด์บัส / โลมารินด้า / กงสุลกิตติมศักดิ์ / โรงแรมยอดไม้
 / รถบ้านเคลื่อนที่ / แซมบ้า / แข่งแรลลี่ / อาจารย์ระพี สาคริก /  ผมอยู่โป่งแยง
 / ซุปเปอร์ม้า ( 1) / ซุปเปอร์ม้า (2) / เลาะยุโรป (1) / เลาะยุโรป (2)
/ ถกเขมร (1) ถกเขมร (2) / ถกเขมร (3) /เลาะการศึกษา.
และเราขอต้อนรับ คุณสม อิศรภักดี เข้ามาสู่โลกของคนเขียนหนังสือ ที่ค่อนข้างเงียบเหงาด้วยความยินดีครับ.
 
หมายเหตุ; หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสืออันดับสองของสำนักพิมพ์เพิงพเยีย หลังจากที่ โดม วุฒิชัย พิมพ์เล่มแรกจากรวมเรื่องสั้นคัดสรรของตนเองชื่อ สรรพรส เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว ถ้าท่านสนใจเล่มใดเล่มหนึ่งหรือทั้ง 2 เล่ม คงสามารถหาซื้อได้ตามตลาดหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือจะติดต่อโดยตรงที่ โดม วุฒิชัย สำนักพิมพ์เพิงพเยีย 25 / 6 / 25 ซอยเจริญรัตน์ ถนนประชาราษฎร์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 / โทร 02 526 6600 และ 081 846 0526
 
ผมเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของคุณสม อิศรภักดี ราคา 140 บาท
สรรพรส ของ โดม วุฒิชัย ราคา 128 บาท
 
ภาพประกอบจากอัลบั้มในเฟชบุ๊ค ของ โดม วุฒิชัย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ภาพ 1 คุณสม อิศรภักดี
ภาพ 2 แขกที่มาร่วมงานตอนเช้า  
ภาพ 3 คุณสม อิศรภักดี กับ พิธีกร วันจุฬา ศรลัมพ์ นางสาวเชียงใหม่ปี 2547 ผจ.ฝ่ายขายบิสิเนสปาร์ค
ภาพ 4 โดม วุฒิชัย กับ สุภาพสตรีที่มาร่วมงาน
ภาพ 5 วันจุฬา ศรลัมพ์ กับ คุณติ๋ม พรรณา ชุ่มบัวทอง  
ภาพ 6 เปีย วรรณา กับ ขจรฤทธิ์รักษา
ภาพ 7 อันยา โพธิวัฒน์
ภาพ 8 ถนอม ไชยวงษ์แก้ว กับ คุณสม อิศรภักดี
ภาพ 9 สองสุภาพสตรีสวยโสภาในชุดล้านนาประยุกต์
ภาพ 10 คุณติ๋ม พรรณา กับ มวลมิตรสนิทสนม
 
12 - 16 มีนาคม 2555
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 
  
 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายอย่าสิ้นคิดสิ้นหวังให้มากนักไปเลยโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่โลกนี้ทั้งโลก...ไม่ได้มีแต่คนเลวและความชั่วร้ายอย่างที่น้องชายประณามและสิ้นหวังหรอกโลกนี้ยังมีคนดีและความดีอยู่มากมายมองดูสิเห็นไหมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทุกครั้งที่มีวิกฤตการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในโลกถึงขั้นทำลายล้างชีวิตมนุษย์อย่างมโหฬารไม่ว่าจะเป็นภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันหรือภัยที่เกิดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ณ ซีกใดในโลกนี้เราจะเห็นคนดีและความดีของพวกเขาที่ทำให้โลกนี้...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ชีวิต ชีวิตเป็นเรื่องยาก เพราะชีวิตเป็นอย่างที่มันเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น อย่างนั้น-อย่างนี้ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  จริงหรือที่เขาพูดกันว่าเราหว่านเมล็ดใดลงไปในท้องทุ่งถ้าหากเมล็ดนั้นมิได้เน่าเปื่อยตายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งมันย่อมจะงอกงามเติบโตให้พืชผลแก่เราตามชนิดของเมล็ดพืชพันธุ์นั้นดังเช่นชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงไปในท้องทุ่งเขาก็ย่อมได้ต้นข้าวและเมล็ดข้าวเป็นผลของการหว่านเมล็ดลงไปในท้องทุ่งเมื่อถึงวาระแห่งการงอกงามเติบโตและแตกดอกออกผลจริงหรือที่เขาพูดกันว่าการกระทำทุกอย่างทางกาย วาจา และ ใจของคนเราที่เราได้กระทำต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน โลก…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                     ลมแล้งโชย…ปลิดโปรยใบไม้แห้ง                     สีส้มแดง เหลือง น้ำตาล หวานอมเศร้า                     ร่วงหล่นลอยเคว้งคว้างมาบางเบา                     ซบลานดินเงียบเหงา……
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นนั้นแหละ                    ไม่ต้องแตะแต้มแต่งแสร้งเสกสรรค์                    เป็นอย่างที่เธอเป็นเช่นทุกวัน                   …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยิ่งชูก้านกิ่งใบไปสู่ฟ้าราวจักคว้าดวงตะวันอันสุกใสลงจากฟ้ามาเล่นเป็นโคมไฟส่องดวงใจตกอับคนคับแค้นและยิ่งสูงขึ้นไปจนไกลลิบราวจักหยิบดวงดาวพร่างพราวแสนมาเรียงร้อยสร้อยดาววับวาวแทนสร้อยใส่แขนเจ้าสาวผู้หนาวรักยิ่งต้องหยั่งรากลึกลงสู่ดินดูดดื่มกินโลกธาตุอย่างหน่วงหนักทุกเส้นสายชอนไชลงไกลนักเพื่อที่จักเติบใหญ่ให้ร่มเงาเพื่อผลิดอกออกผลจนสุกงอมเพื่อโน้มน้อมกิ่งลงดำรงเผ่าเพื่อสืบเนื่องชีวิตนี้แนบเนาเพื่อกล่อมเกลาโลกขมขื่นให้ชื่นบานเพื่อที่จักตายไปในวันหนึ่งเมื่อยามถึงกาลเวลามาเรียกขานทอดกายลงพักผ่อนนอนนิ่งนานอยู่ในกาลนิรันดร์สงบเงียบ.27 มีนาคม 2551กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
วิถีในทางโลกและทางธรรมมันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามและสวนทางกันแทบทุกกรณี เช่น ในขณะที่ทางโลกสอนให้เรายึดมั่นถือมั่นเอาโน่นเอานี่ แต่ทางธรรมกลับสอนให้เราลดละปล่อยวางทั้งสิ่งที่เป็นวัตถุธรรมและนามธรรม เพื่อจะนำชีวิตไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ จากมุมมองของผม ซึ่งเป็นคนที่ยังมีกิเลสค่อนข้างหนาหนัก ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแสนยากที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆที่ยังติดข้องอยู่ในโลก จะเดินเข้าไปสู่ทางธรรมได้ ถ้าหากไม่มีเหตุปัจจัยอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความศรัทธาและแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง ดึงดูดให้เข้าไปโดยเฉพาะการเดินเข้าไปสู่ทางธรรมในฐานะนักปฏิบัติ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
น้องชายน้องชายที่รักของข้าจงฟังคำของข้าและจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ คือ ภาษาของมนุษย์ไม่ว่าเจ้าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีภาษาที่ดีหรือว่าเลวจงจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีภาษาที่เจ้ามีอยู่และกำลังใช้สื่อสารมันสามารถที่จะเป็นได้ทั้งข้าทาสผู้รับใช้และเป็นนายของตัวเจ้า
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แล้วในที่สุดก็ถึงวันนี้วันที่อดีตท่านนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทยเที่ยวที่ ที จี 603 ที่ร่อนลงบนรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.40น.ของวันที่ 28 ก.พ. เพื่อกลับมาต่อสู้คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดา ที่ท่านตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง รวมทั้งข้อกล่าวหาอื่นๆในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ท่ามกลางความดีอกดีใจของฝ่ายที่สนับสนุนที่พากันไปต้อนรับอย่างเอิกเกริก และท่ามกลางความตึงเครียดของฝ่ายคัดค้าน ที่เริ่มส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ออกมาประปรายถึงแม้การยอมรับกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในสังคมของอดีตท่านนายกฯ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ค้นพบหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆขนาดฝ่ามือ หนาร้อยกว่าหน้าเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “หลวงปู่ฝากไว้” ที่ร้านหนังสือเก่าหลังตลาดมะจำโรงในตัวอำเภอ ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าใดนัก หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือเผยแพร่การแสดงธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งรวบรวมและบันทึกเอาไว้โดย พระโพธินันทมุนีหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นลูกศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝ่ายอรัญญวาสีในยุคปัจจุบัน ท่านเป็นพระที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ดังที่ พระโพธินันทมุนี ได้กล่าวเอาไว้ในคำนำหนังสือว่า “หลวงปู่เป็นผู้ไม่พูดหรือพูดน้อยที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หญิงสาวผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง เป็นคนที่ชอบตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระแต่เช้ามืดทุกวัน จนเป็นกิจวัตร เช้าวันหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว ขณะเดินกลับเข้าประตูรั้วบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆดังมาจากรั้วข้างประตูด้านใน เมื่อเหลือบตาไปมองดูที่มาของเสียง เธอก็พบกล่องกระดาษแข็งขนาดย่อมใบหนึ่งที่เปิดฝาด้านบนเอาไว้ ซึ่งคงจะมีใครสักคนหนึ่ง เอาลอดรั้วบ้านมาวางไว้ที่นั่น ก่อนที่เธอจะลงจากบ้านออกมาใส่บาตรพระเมื่อเดินเข้าไปดู เธอก็พบลูกหมาตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักน่าสงสารตัวหนึ่ง นอนตัวสั่นอยู่ในกล่องกระดาษที่รองไว้ด้วยเศษผ้าเก่าๆ เธอจึงรีบทรุดลงอุ้มมันเอาไว้แนบอก…