Skip to main content

ยามเช้า
โอ้ ยามเช้าอันมืดมนของข้า
ยามเช้าที่ข้ามองไม่เห็นหนทางใดๆ
ที่จะนำชีวิตลุล่วงผ่านพ้นวันนี้ไปได้
เพราะข้าได้ใช้ตัวช่วยชีวิตทุกตัว
ทั้งผู้คน วัตถุ สิ่งของ และเงินตรา
เพื่อช่วยตัวเองให้อยู่รอดหลายวันแล้ว
จนไม่เหลือตัวช่วยใดๆที่จะนำมาใช้ได้อีก
แม้แต่ความจำเป็นที่ต้องเสี่ยง
ลงมือทำความผิดบาป เพื่อการอยู่รอด
ก็ไม่เหลือโอกาสและช่องทางใดๆ
ให้ข้าได้ทำเพื่อการอยู่รอดในวันนี้
ข้าจึงไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีวิต

แต่ไม่เป็นไร
ชีวิตที่เดินมาถึงทางตันของข้า
ยังมีคำแนะนำที่ดีที่สุดอยู่ประการหนึ่ง
ซึ่งเป็นคำแนะนำของพระผู้เทศนา
ให้นักโทษประหารฟังในเรือนจำแห่งหนึ่ง
ได้บอกแก่นักโทษประหารคนหนึ่งที่มีอาการสติแตก
...เพราะกลัวความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหลบหนีได้...
ก่อนจะถูกคร่าตัวนำไปสู่แดนประหารว่า
“...ท่านจงอย่าได้พยายามขัดขืน
ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ท่านจงทำใจให้สงบยอมรับมัน
เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ดีสุด

ที่เหลืออยู่สำหรับท่าน
ที่จะได้จากไปอย่างสง่างาม...”

โอ ใช่สินะ
เมื่อคนเรามาถึงที่สุดของชีวิต
ที่เหลียวมองไปทางไหนก็พบแต่ทางตัน
จนไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายใดๆ
สิ่งสุดท้ายที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต
คือ
จงทำใจให้สงบยอมรับชะตากรรมของตนเอง
เยี่ยงนักโทษประหารรอคอยความตาย
และการเกิดใหม่...

15 ตุลาคม 2554 - 31 มีนาคม 2555
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…