Skip to main content

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

 

 
มิตรภาพ
ที่เกิดจากการคบค้าสมาคมกัน
ด้วยความรักในผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและกัน
ย่อมดำรงอยู่ได้ด้วยผลประโยชน์
ที่ต่างตอบสนองให้กันและกันได้
และย่อมจบสิ้นลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย
ไม่สามารถตอบสนองผลประโยชน์ให้กันและกันได้
 
มิตรภาพ
ที่เกิดจากการคบค้าสมาคมกัน
ด้วยความรักในความรื่นรมย์สนุกสนานที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันและกัน
ย่อมดำรงอยู่ได้ด้วยความรื่นรมย์สนุกสนาน
ที่ต่างตอบสนองให้กันและกันได้
และย่อมจบสิ้นลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย
ไม่สามารถตอบสนองความรื่นรมย์สนุกสนานให้กันและกันได้
 
มิตรภาพ
ที่เกิดจากการคบค้าสมาคมกัน
ด้วยความรักในอุปนิสัยใจคอที่ดีงามของกันและกัน
ย่อมดำรงอยู่ได้ด้วยอุปนิสัยใจคอที่ดีงาม
ที่ต่างตอบสนองให้กันและกัน
แต่ยาก...ที่จะจบสิ้นความรักที่มีต่อกันลงได้
เพราะมิตรภาพชนิดนี้
เป็นมิตรภาพที่คบค้าสมาคมกัน
ด้วยความรักอันลึกซึ้งในตัวตนของบุคคล
มิใช่จากสิ่งภายนอกหรือจากกิจกรรมบันเทิงเริงสุข
เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
 
อริสโตเติล
กล่าวว่า มิตรภาพทั้ง 3 ประการนี้
มิตรภาพประการที่ 3 เป็นมิตรภาพที่จีรังยั่งยืน
และดีงามสูงสุด แต่หาได้ยากแสนยาก
และไม่มีใครอยากจะแสวงหา
เพราะคนเราส่วนใหญ่รักที่จะได้ผลประโยชน์
และความรื่นรมย์สนุกสนานจากมิตรภาพกันมากกว่า.
 
 
 
 
21 พฤศจิกายน - 2 กันยายน 2555
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…