Skip to main content

 

20080111 ก็เท่านั้น(1)20080111 ก็เท่านั้น(2)
 

 

 

ยุทธวิธีการต่อสู้ทางการเมืองตามระบอบรัฐสภาในบ้านเรา
มีอยู่วิธีการหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่เก่าแก่และโบราณ แต่นักการเมืองก็ยังคงนำมาใช้กันในปัจจุบัน เพื่อเรียกคะแนนความนิยมจากประชาชน โดยเฉพาะระหว่างพรรคใหญ่ที่เป็นคู่ปฏิปักษ์กัน นั่นคือการขุดคุ้ยความไม่ดีของกันและกัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ออกมาประจานให้สาธารณะชนได้รับรู้ เหมือนอย่างที่สำนวนไทยเรามักจะพูดกันว่า “สาวไส้ให้กากิน” ซึ่งโดยนัยยะหมายความว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะทำให้เกิดความเสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่าย เหมือนคนเล่นสาดโคลนสกปรกใส่กัน แต่ในทางการเมืองกลับไม่มีใครเขาคำนึง ว่าเป็นเรื่องควรหรือไม่ควร

โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง
เช่นเรื่องเกี่ยวกับทางเพศ ที่หยิบยกกันมาพูดว่า คนนั้นเป็นตุ๊ดคนนั้นเป็นเกย์คู่กับคนนั้นคู่กับคนนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง มันน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ควรให้เกียรติกันและกัน ไม่น่าจะหยิบยกขึ้นมาพูดเพื่อทำลายกัน แต่พวกเขาก็ยังสามารถหยิบยกขึ้นมาพูดโดยไม่นึกละอาย พูดง่าย ๆ ว่าอะไรที่พวกเขามองเห็นเป็นเรื่องไม่ดีหรือเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าของคู่กรณี พวกเขาก็จะขุดคุ้ยกันและกันออกมาประจานจนหมดไส้หมดพุง เพื่อทำลายกัน

พวกเขาช่างเก่งกล้าสามารถในการขุดคุ้ยความไม่ดีของกันและกันเสียจริง ๆ  แม้แต่บุคคลที่เราแลเห็นว่า เป็นคนดี ใจซื่อ มือสะอาด ไม่น่าจะมีอะไรด่างพร้อย พวกเขาก็ยังสามารถขุดคุ้ยความไม่ดี ออกมาประจานสารพัดเรื่อง จนเราตกใจแล้วได้แต่นึกปลงตกและคิดว่า  เออ...ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองคนไหนพรรคไหนในบ้านเมืองของเรา  ก็ดูล้วนแล้วแต่ไม่ดีเหมือนกันหมด และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ความไม่ดีนี้...พวกเขาต่างขุดคุ้ยกันออกมาให้เรารับรู้เอง

ครับ ทางเลือกทางเดียวที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนอย่างเราก็คือ ใช้วิจารณญาณเลือกคนและพรรคที่เราเห็นว่าเลวน้อยกว่าเพื่อน เมื่อเลือกแล้ว...ก็ไม่ต้องปริปากไปบอกใคร ว่าเลือกคนไหนพรรคไหน เพราะถ้าคุณขืนไปบอกใครสักคนหนึ่ง คุณย่อมเสี่ยงต่อการถูกด่าว่าโง่และบ้า เพราะการเมืองสกปรกนี้ แม้แต่คนที่ถือหางพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็เป็นโรคเดียวกับนักการเมือง นั่นคือพร้อมที่จะทะเลาะเบาะแว้งแบบถ่อยๆ กับคนที่เขาคิดไม่เหมือนตัวเอง

จากนั้นให้รีบถอยออกมาห่าง ๆ คอยดูเขากัดกันเพื่อแย่งกันเป็นใหญ่ในสภาอีกครั้งหนึ่ง แล้วพยายามทำใจเสียว่า บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเรา ใครจะเข้ามาเป็นใหญ่ก็เป็นเรื่องของเขา ก็เท่านั้น.

 

7 มกราคม 2551
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

** ภาพประกอบจาก “ผู้จัดกวน” เมแนเจอร์ออนไลน์

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อรักจะเล่นกันในระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชนจากผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออก เหลือง หรือออก แดง ก็ตาม การเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ ก็มีตัวอย่างมาแล้ว เมื่อประชาชนเบื่อ “ทุนนิยม” ขึ้นมา ก็หันไปเลือก “พรรคสังคมนิยม” เป็นรัฐบาลแทน เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากหน้ามือเป็นหลังมือ พออยู่แบบ “สังคมนิยม” ไปสักพักเกิดเบื่อ “สังคมนิยม” ขึ้นมา ก็กลับไปเลือก “พรรคทุนนิยม”ขึ้นมาใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ยุทธวิธีการหาเสียง แบบใช้ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ขุดคุ้ยโจมตีคู่ต่อสู้ ของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้กระทั่งกรณีการประกาศเข้าไปปราศรัยหาเสียงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. ของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใด โดยคุณอภิสิทธิ์อ้างว่าทุกคนมีสิทธิ ไม่มีใครผูกขาด และคุณสุเทพช่วยเสริมว่า “ถ้าสิ่งที่พวกผมทำนั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนก็ตัดสินเอง...” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ที่ออกไปหาเสียงต่างจังหวัดที่ไหน ก็มักถูกคนเสื้อแดงชูป้ายต่อต้าน หรือเข้าไปประชิดตัวตั้งคำถามที่คุณอภิสิทธิ์ยากที่จะตอบได้...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      "ภาพประกอบจากมติชนออนไลน์" ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า การเลือก คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งประเทศไทย ถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ทั้งโพลและสื่อการเมืองที่น่าเชื่อถือได้ ต่างก็ออกมาชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอย่างท่วมท้น และแทบจะฟันธงได้เลยว่า ชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ผมได้รับหนังสือ “มหัศจรรย์ดอกไม้กินได้” เป็นอภินันทนาการจาก อันยา โพธิวัฒน์ เจ้าของร้าน สายหมอกกับดอกไม้ อดีตคนข้างเคียง จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา หลังจากที่คุณอันยาได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณจรัลในเชิงบันทึกจากมุมมองของเธอเอาไว้ 2 เล่ม คือ รักและคิดถึง จรัล มโนเพ็ชร และ ตามรอยฝัน...จรัล มโนเพ็ชร ในช่วงตอนแรกๆที่คุณจรัลได้จากไปเมื่อหลายปีก่อน และเป็นหนังสือที่อยู่ในอันดับขายดี  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  สถาปนิกผู้หนึ่ง ทำงานอยู่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งมานานหลายปี ตลอดชีวิตการทำงานของเขาได้ออกแบบและสร้างสิ่งก่อสร้างให้บริษัทมากมาย ขณะนี้เขาใกล้จะปลดเกษียณ อยู่มาวันหนึ่ง ซีอีโอได้เรียกเขาเข้าพบ “คุณได้ทำงานใหญ่ๆให้เรามานานหลายปี ขณะนี้ผมมีงานสุดท้ายให้คุณทำก่อนเกษียณ” ซีอีโอกล่าว “ผมต้องการให้คุณออกแบบบ้านหลังหนึ่งให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งหมด ที่คุณต้องทำคือ จัดซื้อวัสดุที่ดีที่สุดและจ้างช่างที่มีประสบการณ์มาสร้าง ส่วนค่าใช้จ่าย...ไม่อั้น!”  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 "ภาพผู้เขียน โดย ตุ๊ - ช่ออัญชัน กันทะปินตา ที่ยิปซีบาร์" ในกาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุรูปหนึ่งพบอุปสรรคในการทำสมาธิ เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามเข้าสมาธิจะมี แมลงมุมยักษ์ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    โลกอันอ้างว้าง ทุกอย่างเหมือนความฝัน หมุนไปผ่านไปทุกวัน แปรผันสลายอยู่ทุกโมงยาม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ผมรู้จัก ม.ล.ศักดิ์สิน เกษมสันต์ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า คุณด้วง หรือ ด้วง ในฐานะศิลปินอิสระที่มีความสามารถที่แสดงให้เห็นเด่นชัดเท่าที่ผมได้ประจักษ์อยู่ 4 ประการ นั่นคือเป็นคนเขียนรูป เป็นคนเขียนบทกวี เป็นนักแสดงสดๆที่เราเรียกกันว่าเปอร์เฟอร์แมน และเป็นนักดนตรีที่มีความถนัดในสไตล์แบบเร็กเก้ที่น่าทึ่ง  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou Paycheck" ท่านเคยพบไหมว่า ในบางครั้งเราไม่สามารถปล่อยเรื่องราวใน อดีต ให้ผ่านพ้นไป หรือไม่สามารถยุติความวิตกกังวลเกี่ยวกับ อนาคต ลงได้ เมื่อไหร่ที่รู้สึกเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะนึกถึงนิทานเซ็นที่โด่งดังเรื่องหนึ่ง   วันหนึ่ง ขณะกำลังเดินผ่านป่ารกชัฏ ชายคนหนึ่งได้พบเข้ากับเสือดุร้ายตัวหนึ่ง เขาออกวิ่งสุดชีวิต โดยมีเสือไล่ตามมา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    รักรัก...ฉันมีความรัก ด้วยแจ้งประจักษ์คุณค่า ความรักคืออมฤตา ชุบชูชีวาสดใหม่  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  "นางแบบ มาลานชา ตากล้อง Tou paycheck"   ในกาลครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งหลงทางอยู่ในทะเลทราย น้ำในกระติกได้หมดไปเมื่อสองวันที่แล้ว เขารู้ดีว่า ถ้ายังหาน้ำไม่ได้ภายในเร็วๆนี้ เขาต้องตายแน่ๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่ชายแดนภาคเหนือ ของประเทศจีนในสมัยโบราณ มีชายผู้หนึ่งซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการเลี้ยงม้า คนที่รู้จักเขาเรียกเขาว่า ซีเวิง ซึ่งหมายถึงผู้เฒ่าที่อยู่ตามชายแดน   วันหนึ่ง โดยเหตุใดไม่ทราบ ม้าของเขาตัวหนึ่งได้หนีเข้าไปในดินแดนของชาวหู ซึ่งอยู่นอกกำแพงยักษ์ เนื่องจากชาวหูเป็นปรปักษ์กับชาวจีน ดังนั้น ทุกคนจึงคิดว่า คงจะไม่ได้ม้ากลับคืนมาแน่ๆ