Skip to main content

 

20080428

 

จริงหรือ
ที่เขาพูดกันว่า
เราหว่านเมล็ดใดลงไปในท้องทุ่ง
ถ้าหากเมล็ดนั้น
มิได้เน่าเปื่อยตายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง
มันย่อมจะงอกงามเติบโตให้พืชผลแก่เรา
ตามชนิดของเมล็ดพืชพันธุ์นั้น
ดังเช่นชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงไปในท้องทุ่ง
เขาก็ย่อมได้ต้นข้าวและเมล็ดข้าว
เป็นผลของการหว่านเมล็ดลงไปในท้องทุ่ง
เมื่อถึงวาระแห่งการงอกงามเติบโตและแตกดอกออกผล

จริงหรือ
ที่เขาพูดกันว่า
การกระทำทุกอย่างทางกาย วาจา และ ใจของคนเรา
ที่เราได้กระทำต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คน โลก และสังคม
ถ้าหากการกระทำนั้นมิได้เป็นโมฆะ
เหมือนเมล็ดพืชพันธุ์ที่เน่าเปื่อย
เราย่อมได้รับผลแห่งการกระทำที่เกิดขึ้น
เช่นเดียวกับคนหว่านเมล็ดพืชพันธุ์ลงไปในท้องทุ่ง
นั่นคือกระทำเหตุเช่นใด
ย่อมได้ผลแห่งการกระทำตามเหตุนั้น

จริงหรือ
ที่เขาพูดกันว่าผลแห่งการกระทำ
ทุกการกระทำที่เราได้กระทำลงไปแล้ว
บางสิ่งบางอย่างจะปรากฏผลแก่ตัวเรา-ในทันทีทันใด
บางสิ่งบางอย่างต้องรอคอยเป็นเวลานาน
บางสิ่งบางอย่างเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนเราหลงลืม
จึงจักก่อเกิดผล…
และเราต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้น
ตามเหตุที่เราได้กระทำเอาไว้…โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีงามหรือเลวร้าย-หนักหรือว่าเบา

จริงหรือ
ที่เขาพูดกันว่า
ความเชื่อที่เด็กอมมือก็สามารถเข้าใจได้ง่ายๆนี้
เป็นความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
และคนทุกคนควรจะเชื่อและยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ
เพื่อที่เขาจะได้ดำเนินชีวิตไปโดยราบรื่น
และปลอดภัยในสันติสุขของชีวิต
ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น…

จริงหรือ
ที่ความเชื่ออันเก่าแก่โบราณ
ผ่านกาลเวลามาถึง 2500 กว่าปีนี้
เป็นความจริง…
จริงหรือ
จริงหรือ
จริงหรือ
กระทำเหตุเช่นใดย่อมได้รับผลแห่งการกระทำเช่นนั้น
เราลองมาท้าทาย…
เพื่อพิสูจน์และตรวจสอบความเชื่อนี้กันดีไหม
ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เป็นสัจธรรมอันเที่ยงแท้หรือไม่
สาธุชนท่านใด-คับข้องใจและสงสัย
เชิญเร่เข้ามาร่วมกันลองของโดยไว
สวัสดี.

 
19 เมษายน 2551
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่




 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…