Skip to main content

20080613

ข้าคือความลวง
คือสิ่งที่โกหกมดเท็จ
ข้าเป็นความลวงของสิ่งใด
สิ่งนั้นย่อมถูกเข้าใจผิดและถูกมองไปเป็นอื่น
ถ้าใครสักคนหนึ่ง...
ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริง
เขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้รู้จักความลวงใดๆในโลกนี้อีกเลย

ข้าคือความอัปลักษณ์
คือสิ่งที่น่าเกลียด
ข้าเป็นความอัปลักษณ์ของสิ่งใด
สิ่งนั้นย่อมแลดูต่ำต้อยด้อยค่า
ถ้าใครสักคนหนึ่ง...
ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริง
เขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้พบปะความอัปลักษณ์ใดๆในโลกนี้อีก

ข้าคือความเลว
คือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ข้าเป็นความเลวของสิ่งใด
ย่อมมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของสิ่งนั้น
ข้าจึงมีแต่ความขัดแย้ง เบียดเบียน และทำลายในทุกสิ่ง
ถ้าใครสักคนหนึ่ง...
ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริง
เขาย่อมไม่ปรารถนาจะเข้าไปกรายใกล้ความเลวใดๆในโลกนี้อีก

ใช่
ข้าคือความลวง
ข้าคือความอัปลักษณ์
ข้าคือความเลว
ที่ดำรงอยู่ในโลกนี้ด้วยความยากลำบากและขมขื่นมานานแล้ว
และจะยังคงอยู่อีกต่อไป
เพราะถึงแม้ตัวข้า-จะน่ารังเกียจน่าขยะแขยง
ไม่เป็นที่รักและปรารถนาของใครในโลกนี้

แต่ผู้คนในโลกนี้
ต่างก็ชอบใช้ข้าเป็นเล่ห์เพทุบาย
เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์
ในเวลาที่พวกเขาเกิดความโลภขึ้นมา
โดยไม่คำนึงถึงความผิดความถูกต้องและความเดือดร้อนของใครๆ
และหลังจากพวกเขาใช้ข้าแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะรังเกียจและขยะแขยงข้าสักเพียงใด
พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกำจัดข้าให้สิ้นซาก
เพราะเมื่อพวกเขาเกิดความโลภขึ้นมาอีก
พวกเขากลัวว่าจะเรียกหาตัวข้า ความลวง ความอัปลักษณ์ และความเลว
มาเป็นเครื่องมือตอบสนองตัณหาของพวกเขาไม่พบ

ดังนั้น
หลังจากพวกเขาใช้งานข้าเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่โยนข้าไปให้พ้นๆตัว-พ้นหูพ้นตา
เหมือนดั่งผ้าขี้ริ้ว...
จะเก็บไว้ใกล้ตัวก็น่ารังเกียจน่าอับอาย-จะทำลายก็เสียดายประโยชน์ใช้สอย
หรือไม่ก็ยัดเยียดข้าให้ไปอยู่กับคนอื่น (  เหมือนอย่างที่พวกนักการเมืองถ่อยๆชอบทำกัน )
เพื่อตัวเองจะไม่ได้ชื่อว่า เป็นคนโกหก เป็นคนน่าเกลียด เป็นคนเลว
ข้าจึงจำเป็นต้องมีอยู่ในโลกนี้
ด้วยความยากลำบากและขมขื่นอีกต่อไป-ตราบนานเท่านาน
เพราะโลกนี้มีแต่คนทำความชั่ว
แล้วชอบประกาศตัวเองกับโลกว่า ข้าคือคนซื่อสัตย์ ข้าคือคนหมดจดงดงาม ข้าคือคนดี
แทนที่จะประกาศไปตามความเป็นจริงว่า ข้าคือคนลวงโลก ข้าคือคนสกปรกโสมม ข้าคือคนสารเลว
ซึ่งจะทำให้มนุษย์แลดูสง่างามและน่านับถือเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขากล้าที่จะยอมรับตัวเอง-เป็นอย่างที่เขาเป็นจริงต่อโลก
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนชั่ว...
แต่โลกนี้
ก็ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนที่ทำความชั่ว...แล้วออกมาประกาศกับโลกว่าตัวเองเป็นคนชั่ว
ข้าจึงต้องเป็นเหมือนดั่งผ้าขี้ริ้วของคนพวกนี้มาโดยตลอด
ด้วยเหตุที่พวกเขาขี้ขลาดและไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์-ดังนี้นี่เอง.


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตของผมเป็นชีวิตที่ประสบกับภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเส้นกราฟมานับครั้งไม่ถ้วน หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนและเข้าใจกันได้ง่าย ๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ เป็นชีวิตที่ประสบกับความรุ่งเรืองและตกต่ำตามวิถีทางและอัตภาพของตัวเองสลับกันไปมา...นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเองแต่ก็แปลก...จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับและรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีขึ้นมีลง นั่นคือเวลาที่ชีวิตผมขึ้นหรือรุ่งเรือง ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองฟูฟ่องพองโต และมองดูโลกนี้สวยงามสดชื่นรื่นรมย์ น่าอยู่น่าอาศัย...ราวกับสวรรค์บนพื้นพิภพแต่พอถึงเวลาที่ชีวิตเริ่มลงหรือตกต่ำ ผมก็จะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มห่อเหี่ยวฟุบแฟบ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเคยรู้จักคนบางจำพวกที่มีลักษณะต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือคน-คนพวกนี้ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาชีวิตมากน้อยหรือหนักหนาสาหัสเพียงใด เมื่อถึงเวลานอนหลับ…เขาสามารถที่จะปล่อยวางปัญหานั้น ๆ ออกไปจากความคิดจิตใจ และนอนหลับได้สนิท ราวกับว่าไม่มีปัญหาใด ๆ มาแผ้วพาน ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันใหม่ เขาก็จะหยิบยกปัญหาต่าง ๆ มาครุ่นคิดพิจารณาหาทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไขได้…ก็จัดการแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้เขาก็สามารถจะปล่อยวางปัญหานั้นเอาไว้ก่อน และหันไปทำธุระอื่น ๆ แทนที่จะเก็บมาหมกมุ่นครุ่นคิด เป็นทุกข์กังวลอยู่กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้…