Skip to main content

แม่เกิดลูก

ออกมาหลายตัว ขนสีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ตัวอ้วนขนฟู แม่นอนตะแคงในกรง ลูกตัวอื่นคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปกินนมแม่เร็วกว่า เจ้าตัวผอมเล็ก ลำตัวมันยังไม่นิ่งนัก เพราะขายังไหวขณะเดิน ด้วยยังไม่แข็งแรงพอ เจ้าตัวผอมเล็กต้องรอให้บางตัวอิ่ม แล้วคลานออกมา มันจึงคลานเข้าไปกินได้ นมแม่อุ่นหวาน เต้านมนุ่มตึงเต็มปากของมัน มันถูกแม่อุ้มด้วยปากมากินนมบ่อยๆ ลูกตัวใดคลานไปไกล แม่หมาจะใช้ปากคาบเบาๆ ตรงหนังบริเวณคอ นำมาไว้ในกรงเสมอ ทุกวันเมื่อบรรดาลูกๆกินนมอิ่ม มันก็นอนกอดก่ายกันหลับไปมองดูเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดู


เจ้าของกรง

และบ้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตอนเช้า เวลานายผู้ชายเดินลงบันได แม่หมาจะวิ่งกระดิกหางไปรับ เขาก็เดินผ่านไปเฉยๆ แต่ถ้ามีเสียงทะเลาะกัน เสียงโครมครามขว้างปาสิ่งของ แม่ของมันจะยื่นอยู่ห่างๆแสดงอาการหูลีบและหางตกแนบก้นอย่างหวาดกลัว เมื่อบรรดาลูกหมาตื่นขึ้นมา จะเห็นนายผู้หญิงนำอาหารใส่จาน ให้แม่ของมัน

บางวันก็อิ่ม บางวันก็พอประทั่งหิว กินเสร็จมันก็วิ่งมานอนข้างลูกเล็กๆ แลบลิ้นเลียปากทำความสะอาดแผล็บๆ


ใกล้มืดค่ำ

นายผู้ชายเปิดประตูบ้านเข้ามา เดินโซเซร้องเอะอะเสียงดังแม่หมาวิ่งไปต้อนรับ กระดิกหางเริงร่า วิ่งดักหน้าหลัง นายผู้ชายรำคาญ เตะป้าบตรงสีข้างของมัน แม่หมาร้องลั่นวิ่งอย่างตกใจมาหาลูกๆของมัน มันไม่เข้าใจ

ทำไมนายผู้ชายต้องทำร้ายมัน มันดีใจวิ่งไปต้อนรับ สิ่งที่มันได้รับ ต้องมานอนระบมสีข้าง คนนี่ช่างเข้าใจยากจริงๆ...


เมื่อลูกหมาเริ่มโตขึ้น

น้ำนมแม่หมาเริ่มไม่ไหล... มีคนมาบ้านที่มันอยู่หลายคน พูดคุยกับนายผู้หญิง แล้วอุ้มพี่น้องของเจ้าผอมเล็กไปจนหมด เหลือเจ้าผอมเล็กขนสีน้ำตาลไม่สวย ไว้กับแม่ของมันตามลำพัง...จากนั้นเมื่อมองไม่เห็นลูกของมันมันวิ่งพล่าน วิ่งไปหลังบ้าน มองหาลูกอีกแล้วหอนโหยหวน วิ่งไปหน้าบ้าน สอดสายตาหาลูกเล็กๆของมัน เสียงหอนเศร้าสร้อยเสียงไม่ดังและไม่เบา เหมือนเสียงร้องของหมาป่า ร้องหาคู่ ในคืนที่เงียบเหงาหนาวเหน็บเมื่อวิ่งจนเหนื่อย จึงมายืนเซื่องซึม มองลอดช่องประตูบ้านออกไปอย่างซึมเศร้า ตอนเย็นมันไม่ยอมกินข้าวมันได้แต่เลียลูกตัวผอมเล็กที่เหลืออย่างหวงแหน กลางคืนมันจะหอนเสียงเหงาๆเศร้าๆเป็นระยะ จนเจ้าของต้องตะโกนขู่ให้เงียบ อาการคิดถึงลูกน้อยเป็นได้ 3 วัน มันจึงดูดีกว่าเดิมเล็กน้อย นมแม่ไม่ไหลแล้ว เจ้าลูกหมาตัวผอมเล็ก วิ่งเข้าไปจะกินนมแม่ของมัน แม่มันจะเดินหนี บางทีคำรามเบาๆ ห้ามลูกเข้าไปหา แม่ไม่ดูแลเอาใจใส่มันเหมือนเดิม อะไรเปลี่ยนแปลงไปหมด เจ้าลูกหมาตัวผอมเล็กไม่เข้าใจแม่ของมันจริงๆ


เจ้าของบ้าน

ไม่เคยนั่งลูบหัวหมาทั้งคู่ ไม่เคยคลุกคลีเล่นกับมัน นายผู้ชายไม่เคยให้อาหารดูแลมันเลย ส่วนนายผู้หญิง

บางครั้งกลับมืดค่ำ ลืมให้อาหาร หมาทั้งคู่ก็อด นอนกระสับกระส่ายตลอดคืน แต่มันก็ไม่เคยเห่าหอนขอกินข้าว

หิวก็นอนเงียบเป็นสัตว์แปลกหรือเพราะมันเป็นหมา แต่มันก็มีชีวิตมีการกินเติบโตและขับถ่าย...วันปรกติก็ให้อาหารตามอารมณ์ มากบ้างน้อยบ้าง เป็นเศษอาหารจริงๆ เลี้ยงแบบกันตาย คงคิดว่ามันเป็นเพียงสัตว์ ไม่ได้เลี้ยงเพราะรักสัตว์เลี้ยงเพราะมันคือเพื่อนร่วมโลก ไม่เคยอาบน้ำให้มันเจ็บป่วยไม่รอดก็ตายเท่านั้น


เมื่อไม่อิ่ม

มันก็พาลูกไปหากินนอกบ้านจมูกได้กลิ่นเนื้อทอดหอมหวนเป็นเนื้อคลุกยาฆ่าแมลงที่เจ้าของนาโยนกระจายทั่วแปลงนา เพื่อกำจัดพวกหมาวัดหมาอื่นที่มักมาวิ่งเล่นมาทำลายต้นข้าวอ่อนเสียหายบ่อยๆ หมาวัดสองสามตัววิ่งนำหน้าพากันตามกลิ่นหอมชวนลิ้มลองอย่างลิงโลดแม่กับลูกหมาเร่งฝีเท้าตามไป


ผมไม่อยากบอกเลยว่า บทสรุปเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร.


บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…