Skip to main content

คำว่า “เพื่อน”

มีความหมายมากมาย เป็นคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ช่วยเหลือกัน กินด้วยกัน มีอะไรในใจพูดได้ทุกอย่างพูดแล้วสบายใจ เป็นที่ปรึกษาปัญหาสารพัด ยืมเงินได้แต่ต้องใช้ตรงเวลา บางคนรักเพื่อนมาก เพื่อนทำผิดยังปกป้อง ก็ต้องพิจารณารักเพื่อนมากไปไหม

 

เพื่อนผม

คนหนึ่ง พ่อแม่เลิกกัน แม่แยกมาอยู่กับน้องสาว น้องสาวมีครอบครัว สามีน้องสาวคงไม่เต็มใจต้อนรับนัก เพื่อนผมมักมีเรื่องโต้เถียงกับสามีพี่แม่ ผมได้ยินครั้งหนึ่ง ทั้งคู่พูดกูมึง ซึ่งนับว่ารุนแรง แม่ผมคงรู้เรื่องนี้ดี

และรู้จักคุ้นเคยกับแม่เพื่อน แม่ขี้สงสาร เห็นอกเห็นใจคน จึงบอกให้เพื่อนผมว่า

หากไม่สบายใจ..มาอยู่กับสันทัดก็ได้ มานอนที่บ้านแม่ เวลากินก็กลับไปกินที่บ้าน มาเถอะ แม่ถือเป็นลูกคนหนึ่ง”

สันทัด เป็นชื่อผม แม่บอกผมชวนเพื่อนด้วย ผมบอกว่า

มาอยู่ด้วยกันซิ นอนในห้องนอนกันนั่นแหละ แบ่งกันคนละครึ่ง...แต่ห้ามล้ำเขตนะโว้ย”

ผมตบท้ายให้ตลก เพื่อนจะได้ไม่คิดมาก

 

เพื่อนผม

คนนี้ชื่อ “บุญมา” ก็มาอยู่บ้านผม นอนอีกข้างหนึ่งของห้อง ผมจำได้ว่า เป็นเดือนเมษายน โรงเรียนปิดภาคเรียนใหญ่ ผมเป็นข้าราชการครู ได้ปิดพักผ่อนยาวทีเดียว เพื่อนผมเป็นลูกจ้างร้านรถยนต์

ในบริเวณ

บ้านผม มีบ้านอีกหลังหนึ่ง เป็นบ้านของย่า ย่าเสียชีวิตแล้วไม่มีใครอยู่อาศัย จึงหาคนมาพักโดยไม่คิดค่าเช่า

ไม่ให้บ้านร้าง เราคัดหาครอบครัวที่สามัคคีกัน ไม่กินเหล้า เล่นพนัน ได้ครอบครัวที่ผ่านการคัดสรรของพ่อแม่ เป็นครอบครัวที่พอใช้ได้ สามีค้าขาย ภรรยาเป็นแม่บ้าน มีลูกชาย 3 คน หญิง 1 คน ลูกสาวผิวขาว ได้เชื้อจีนจากพ่อ ขนตางอน ตาสวยแบบแขกติดมาจากแม่ เรียนมัธยมต้น และมีน้องชายฝ่ายภรรยาอีก 1 คน เป็นลูกจ้างขายของในตลาดชื่อ “น้อง”

 

ผมจำเหตุการณ์

วันนั้นได้แม่นยำ ราวทุ่มเศษ ผมอยู่ในห้องนอน ได้ยินเสียงปังเหมือนเสียงปืน เสียงใกล้มาก ผมรีบออกห้อง พ้นประตูก็มองลงไป เห็นพี่น้องกำลังหักปืน เพื่อใส่กระสุนลูกใหม่ เพื่อผมชื่อบุญมา กำลังยื้อแย่งปืน เสียงคนร้องร้องดังสับสน ภาพต่อมา พี่น้องล้มลงนอนพื้นดิน เพื่อนผมยืนอยู่ยกเท้ากระทืบลงไปที่พี่น้อง ผมวิ่งลงไปห้าม มีบางคนเข้ามาแยกคู่กรณี ผมขวางพี่น้องที่ยืนขึ้นได้แล้วขอร้องให้หยุด แกบอกว่า

สันทัดไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องยุ่ง” น้ำเสียงข่มอารมณ์เต็มที่


เมื่อแยกได้เพื่อนผมถูกยิงที่ท้อง ผมรีบวิ่งไปหาเพื่อนอีกคนที่บ้านใกล้กัน ให้ติดเครื่องจักรยานยนต์รอไว้

บอกเพื่อนว่า บุญมาถูกยิงต้องรีบส่งโรงพยาบาล เรา3คนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ มุ่งสู่โรงพยาบาลสวนดอก (มหาราช)อย่างเร่งรีบ เลือดตกใน เพื่อนหายใจแทบไม่ออกถึงโรงพยาบาลเพื่อนรับการรักษาอย่างรีบด่วนจนปลอดภัย

 

เช้า 13 เมษายน

ผมนั่งเตียงห้องคนป่วย บุญมาเพื่อนผมเดินตัวงอ มือกุมแผลผ่าตัดที่ท้องมานั่งที่เตียงใกล้กัน ผมถามประโยคสำคัญด้วยความสงสัย

มันเรื่องอะไรวะมา...ที่เขาต้องยิงแก?”

บุญมานิ่งครู่หนึ่ง บอกผมว่า ถ้าบอกแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด ผมรับปากขึงขังอยากรู้ยิ่งขึ้นอีก เพื่อนผมกระซิบที่หู

กันแอบเห็น.............”

คำตอบที่บอกทำให้ผมตะลึง เป็นไปได้หรือ... ผมบอกใครไม่ได้จริงๆ รับปากเพื่อนไว้แล้วครับ.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขณะเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ยินผู้ใหญ่หลายคนมานั่งคุยกับย่า พูดในทิศทางเดียวกันว่า อุ๊ย(ย่าหรือยาย)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ตื่นแล้ว ยังหนาวขอนอนงอเข่านิ่งๆต่ออีกหน่อย เสียงเจ้าเหมียวแมวตัวผู้ประจำบ้านร้องเหมียวๆที่ประตูห้องนอน ได้ยินเสียงเล็บมันข่วนประตูถี่ มันจะมาร้องทุกเช้าปลุกเจ้าของบ้าน ผมตะโกนบอกมันว่ายังไม่ลุกยังหนาวอยู่ มันไม่ยอมยังคงร้องเหมียวๆและข่วนประตูต่อไป ผมชักฉุนมันเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้อาศัย พูดกันคนละภาษา อับจนสุดปัญญาหาล่ามแปล มันอาจคิดว่าเราเป็นคนใช้ก็ได้ ถ้าหิวมันร้องเราก็เอาอาหารให้ มันหนาวมันร้องบอกอีก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
มองเข้าไปในมิติการเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่เข้าอวยพรว่า “...ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรเราก็น้อมรับ...ขอโอกาสให้ทำงานอยู่จนครบ เทอม จะได้ตอบว่า ผลงานที่ได้แถลงไว้ทำได้อย่างไร ได้คะแนนเท่าไรบ้าง.”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทย โดยชูนโยบายเด่นด้าน ความปรองดอง การแก้ไขและป้องกันยาเสพติด ปราบปรามคอรัปชั่น ยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆอีกยาวเหยียด และท่านมักจะทิ้งท้ายวาทะสำคัญคือ “ ขอโอกาส” จากประชาชน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ฮัก(รัก)รออยู่ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาบ้านเกิดที่เชียงใหม่ เป็นการกลับมาบ้านเกิดครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ(10 สิงหาคม 2554) แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงต้องอยู่กรุงเทพฯ เพื่อบริหารจัดการน้ำก่อน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    หากไม่ย้ายเมืองหลวง คนไทยจะปักหลักอยู่ที่เดิมสู้ต่อไป  มาในแนวสู้ไม่ถอย  ขอแก้ตัวอีกสักครั้ง  หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  กรุงเทพฯจะต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบัน  และคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาลทีเดียว  ลองมาดูตัวเลขความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ธนาคารโลกได้ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท  แยกเป็นความเสียหายจากทรัพย์สิน 6.4 แสนล้านบาท  ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ 7.16 แสนล้านบาท  แรงงานว่างงาน 7-9.2  แสนคน  และไทยจะใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจจากน้ำท่วม  ในวงเงินประมาณ 7.56  แสนล้านบาท…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ประเทศแรก ที่จะจมมหาสมุทร คือประเทศมัลดิฟว์ ประเทศเป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย มีประชากรราว 270,000 คน มีพื้นที่ 298 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าภูเก็ตที่มีพื้นที่ 543.034 ตารางกิโลเมตร มัลดิฟว์เป็นหมู่เกาะปะการัง มีหาดทรายขาวและสวยงามมาก หมู่เกาะกระจายราว 1,200 เกาะ พื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1.5 เมตรเท่านั้น ประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อ นายโมฮัมเหม็ด แอนนี นาชิด กำลังหนักใจเกี่ยวกับการมองหาที่ตั้งประเทศแห่งใหม่ ได้มองไปที่ประเทศศรีลังกา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
     ในอดีต มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทย  เสนอแนวคิดการย้ายเมืองหลวงหลายครั้งหลายยุค  ลองไล่ตามลำดับ เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2486  บุรุษผู้กล้าหาญคนแรก  ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม  คิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ต่อมาในในสมัยรัฐบาล  พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ  จะย้ายเมืองหลวงไปที่เขาตะเกียบ  จังหวัดฉะเชิงเทรา  พอมาถึงยุคท่านสมัคร  สุนทรเวช  เจ้าของวลีเด็ดๆ  เช่น “ กระเหี้ยนกระหือรือ   อะไรกันนักหนา ฯลฯ”  ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง  รัฐมนตรีช่วยว่าราชการกระทรวงมหาดไทย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  การย้ายเมือง มักมีสาเหตุต่างๆ ที่สำคัญ  ดังเช่น  เมืองลำพูนในอดีต  ในปี พ.ศ. 1490  เมืองลำพูนได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงคือ “โรคห่า” หรืออหิวาตกโลก  ผู้คนล้มตายมากมาย  ผู้ที่ยังไม่ตายเห็นว่า  ถ้าอยู่ต่อไปอาจต้องเสียชีวิต  จึงพากันไปอยู่เมือง “สุธรรมวดี”  คือเมืองสะเทิม  ประเทศรามัญหรือมอญ  และยังระหกระเหินย้ายไปอยู่เมืองอื่นนานถึง 6 ปี  เมื่อทราบว่าโรคระบาดลดลง  จึงพากันกลับมาอยู่เมืองลำพูนดังเดิม เวียงกุมกาม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง ที่อยุธยาถูกน้ำท่วม มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท ตามลำดับดังนี้ 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องหนัง ฯลฯ มูลค่าลงทุน 9,472 ล้านบาท คนงาน 14,000 คน โรงงาน 48 โรง พื้นที่ 2,050 ไร่ 2.ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ฯลฯ มูลค่าลงทุน 58,000 ล้านบาท คนงาน 90,000 คน โรงงาน 183 โรง พื้นที่ 12,000 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมฯ…