Skip to main content
สถานที่

แข่งบ้องไฟเป็นทุ่งนาเก่า อยู่ใกล้ๆที่ว่าการอำเภอ กรรมการ 3 คน ผม ธาตรี คุณโพยม นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่   กระจายอยู่ห่างกัน คนละมุมมอง บ้องไฟส่งเข้าแข่งขัน  12  ราย กรรมการฝ่ายจุดชนวน นำบ้องไฟรายแรกไปโคนต้นไม้ กรรมการที่ไต่ต้นไม้เก่ง 2 คน  นำลำตัวบ้องไฟพาดง่ามไม้ จุดชนวน ปรากฏควันกรุ่นตรงหางบ้องไฟ   สะเก็ดประกายไฟฟู่ขึ้น  บ้องไฟพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที  เสียงโห่ร้องของชาวบ้านที่มาชมมากมายดังขึ้น  

รายแรกขึ้นสูงปานกลาง ควันมาก ผมกรอกคะแนนสบายใจ 7 คะแนน บ้องไฟรายที่สอง ระเบิดตูมก่อนขึ้นคาง่ามไม้ กรรมการคนล่างไต่ลงอย่างลนลาน คนแรกลงไม่ทัน กอดกิ่งไม้ที่แกว่งไกวไว้แน่น กิ่งไม้อีกกิ่ง ถูกแรงระเบิดหักลงมา ประชาชนที่ชมเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าปลอดภัย เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกอื้ออึง บ้องไฟถูกจุดไป  4  ราย  คุณโพยมถูกกรรมการหมู่บ้านดึงไปกินเหล้า  แกชอบอยู่แล้ว เดินมาบอกผมเพื่อทราบ  เพื่อทราบจริงๆ ผมไม่รู้จะทักท้วงหรือขัดข้องอย่างไร สักครู่ธาตรีถูกหนุ่มๆในหมู่บ้านดึงไปกินเบียร์ เหลือผมเพียงคนเดียว ผมชักร้อนขึ้นมา  เหงื่อเริ่มซึมหลัง สถานการณ์รุกไล่หลังผมชนกำแพง

บ้องไฟ
ที่ขึ้นสูงควันน้อย เริ่มมีมากขึ้นและสูสีกัน ผมชักสับสน บอกตนเองไม่ได้ว่า บ้องไฟรายใดขึ้นสูงที่ 1, 2 และ 3   เพราะเราใช้สายตามองดูบ้องไฟบนท้องฟ้า และประมาณด้วยสายตาว่า บ้องไฟนั้นสูงระดับเท่านั้นเท่านี้ ดูเพียงครั้งเดียวก็ตัดสิน ไม่อาจดูซ้ำได้ ตัดสินใจเป็นอย่างไรก็ให้เป็นไป ผมกดปากกาหนักๆวงจัดลำดับที่ 1, 2, 3 คัดลอกใหม่ให้เรียบร้อย ส่งปลัดอำเภอเพื่อประกาศผลรับรางวัล บอกปลัดว่า
"อีกประมาณ 20 นาที ท่านค่อยประกาศผลนะครับ  คนดูจะได้ตื่นเต้น"

จากนั้นผมรีบเร่งเท้าเดินกลับบ้านพักอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมซื้อกับข้าวมื้อเย็นไปกินด้วย ถึงที่พักปิดประตูเงียบ  ขี้เกียจฟังเสียงวิจารณ์การตัดสิน คงรับคำด่ามากกว่าคำชม  คำด่านั้นมันแสบๆ คันๆ ถึงใจ ทิ่มแทงจนสะดุ้งนอนไม่หลับได้

ในตอนเช้าอีกวันหนึ่ง
ผมไปกินข้าวบ้านเจ๊อิ๊ด ได้ยินเสียงวิจารณ์การตัดสินจากชาวบ้าน
"ปีนี้ตัดสินยุติธรรมดี ไม่มีนอกมีใน พอรับได้"
ผมถอนใจเฮือกใหญ่ ค่อยยืดหน้าอกขึ้น วางท่าให้สง่ากว่าเดิม กินข้าวแบบสบายใจ สมองคิดใคร่ครวญ รับคำชมได้เราก็ต้องรับคำด่าได้ แต่ไม่ควรเคลิ้มคำชมไม่หวั่นไหวคำด่า เราตัดสินด้วยความเที่ยงตรงถูกต้อง

ถ้าอย่างนี้เราจะกลัวสิ่งใดอีก สอนตนเองแล้ว ผมก็เดินออกร้านสู่ที่ทำงานด้วยใจที่นิ่งและเยือกเย็น

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ผมเป็นทุกข์กังวล เกี่ยวกับการเรียนต่อระดับปริญญาตรีของลูกชาย สถานที่เข้าเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าเล่าเรียนภาคเรียนละสี่หมื่นบาท ผมจะหาเงินจากที่ไหน ปีหนึ่งเกือบแสนบาท จะกู้เงินเพื่อการศึกษาได้นั้น ผู้ปกครองต้องมีเงินได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี รายได้ผมเกินไปเล็กน้อย กลางคืนผมนอนหลับๆ ตื่นๆ ลูกชายมีอาการหงุดหงิดกลัวไม่ได้เรียน ตัวผมผู้เป็นพ่อยิ่งกังวลใจมากกว่าลูก สุขและทุกข์ของลูก เป็นสุขทุกข์ของพ่อแม่อย่างแท้จริง...  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อายุมากขึ้น ร่างกายเริ่มโรยรา โรคต่างๆ ก็วิ่งเข้ามาหา เวียนหัว นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดตามส่วนต่างๆ เช่น ข้อมือ ข้อนิ้ว หลัง บั้นเอว ต้นแขน ยามวัยเด็ก วัยหนุ่มสาว ทานอะไรได้หมด ไม่มีปัญหาเจ็บป่วย ทานอร่อยและทานได้มาก ลองคิดทบทวนย้อนหลัง ด้านการใช้ชีวิตและการปฏิบัติงาน ในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวออกกำลังโดยเล่นกีฬา สู่วัยทำงาน ไม่ได้ออกกำลังกายเลย งดเว้นการวิ่งหรือเดินเสียเฉยๆ ชอบนั่งสังสรรค์ร้องเพลงคาราโอเกะ ด้านการรักษาสุขภาพ เพียงแต่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน ที่น่าอายมากคืออารมณ์ทางเพศลดลงแทบหมด เหมือนน้ำมันแห้งขอดถัง...