Skip to main content

ในปี 2546

ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานที่ผมทำงานครั้งสำคัญ ซึ่งตรงกับรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ (พ.ศ.2544-2548) มีการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน ในระดับสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ เปลี่ยนจากการใช้เครื่องพิมพ์ดีด มาใช้คอมพิวเตอร์แทน บุคลากรในฝ่ายงานต่างๆ เช่น การเงิน หน่วยศึกษานิเทศก์ ต่างก็ยกเครื่องพิมพ์ดีดไปไว้ในห้องพัสดุบ้าง วางไว้บนตู้บ้าง ใครมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ก็ใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์หนังสือ เก็บข้อมูล ใช้ข้อมูล ใครใช้ไม่เป็นก็ต้องไปเรียน หรือเข้าอบรมตามโปรแกรมที่ต้องใช้ในการทำงาน เรียนจากเอกชนบ้าง เข้าอบรมตามโครงการของหน่วยราชการบ้าง มีเพียง 2-3 คนยังใช้เครื่องพิมพ์ดีด ผมเป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น เคยเข้าอบรมด้วยงบส่วนตัว ได้ใบประกาศนียบัตรรับรองคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานเรียบร้อย แต่ไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ความคล่องแคล่วชำนาญไม่เกิด จะใช้ของสำนักงานก็มี คนใช้มากกว่าคอมพิวเตอร์ จึงขาดการฝึกทักษะ เกิดความอึดอัดแก่ตนเองมากมาย


อีกราว 2-3 ปีจะเกษียณ

ยังต้องพบปัญหาในการทำงานช่วงท้ายของชีวิต ยิ่งเป็นข้าราชการในยุคนายกฯ คิดเร็ว ทำเร็ว ยิ่งลำบากใจ ช่วงกลางปี 2546 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหน่วยงานระดับอำเภอ โดยรัฐบาลมีนโยบายยุบหน่วยงานระดับอำเภอ เช่น สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ สำนักงานศึกษาธิการอำเภอ รวมทั้งบุคลากรในหน่วยงานเหล่านี้ด้วย ให้รวมอำเภอเชียงดาว เวียงแหง ไชยปราการ ฝาง แม่อาย เป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 สำนักงานเขตอยู่ที่อำเภอฝาง บุคลากรทุกฝ่ายทุกคนต้องไปทำงานรวมกันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ที่ฝาง ผมอยู่ฝ่ายวิชาการก็ต้องย้ายไปเช่นกัน


ยังไม่พอ

ทางรัฐบาลของผู้นำ คิดเร็ว ทำเร็ว มีนโยบายจะประเมินผลงานของข้าราชการ โดยกำหนดว่า ใครได้คะแนนต่ำสุด คิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ของหน่วยงาน ต้องพิจารณาตนเองออกจากราชการ สร้างความขวัญหนีขวัญกระเจิงไปทั่ว บางคนทนไม่ไหว เออลี่รีไทร์ไปก่อน ผมก็คิดหนัก ถ้าลาออก จะได้บำนาญเดือนละ 14,000 บาท ไม่พอดำรงชีวิต ลูกคนเล็กยังเรียนไม่จบ ยื่นใบลาออกแล้วต้องขอระงับ ทิ้งช่วงเวลาผ่านไปนิดหนึ่ง รัฐบาลท่านทักษิณให้เงินประจำตำแหน่งเพิ่มเป็นสองเท่า ผมได้เพิ่ม ค่อยมีกำลังใจสดชื่นขึ้นมาบ้าง


ยังมีอีก

รัฐบาลมีนโยบายให้ข้าราชการทุกคนต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็น ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานง่ายๆ ใช้โปรแกรมง่ายๆ ได้ เปิดเว็บรับข้อมูลของกระทรวงได้ เปิดอินเตอร์เน็ตได้ รับส่งอีเมล์เป็น ถ้าไม่เป็นอาจกระทบถึงการเลื่อนตำแหน่ง ความก้าวหน้า เหล่านี้สร้างความกังวลแก่ผมมาก เกษียณไปก่อนก็พ้นไป ยังเหลืออายุราชการอีกตั้ง 3-4 ปี พอดีมีเด็กอัตราจ้าง เอกคอมพิวเตอร์มาช่วยงาน ก็แก้ปัญหาได้พอประมาณ แต่ผมก็ต้องช่วยตนเอง เงินประจำตำแหน่งเกือบสองหมื่นต่อเดือน ไม่รวมเงินเดือน ผมต้องพยายามสุดกำลังให้สมกับเงินที่เขาให้ ผมซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมา 1 เครื่อง ซื้อเครื่องพริ้นเตอร์อีก 1 เครื่อง พิมพ์ไปฝึกไปแบบเต่า ในสำนักงานมีทั้งหมด 13 คน ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นมี 3 คน ผมคนหนึ่งในนั้นอีกแล้ว ผมคิดดู ผมกลายเป็นโดโนเสาร์หรือเต่าพันปีไปเสียแล้ว มีชีวิตอยู่ระหว่างรอยต่อยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง ไม่ปรับตัวก็อยู่ไม่ได้ อยู่ไม่ได้ก็ต้องหนีคือลาออก ปรับได้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผมใช้คอมพิวเตอร์ได้เล็กน้อย กระทั่งเกษียณนึกว่าหนีพ้น ผมเขียนหนังสือ ก็ต้องส่งงานทางอีเมล์ จึงต้องฝึกส่งงานเขียน เปิดอินเตอร์เน็ตหาข้อมูล


วันนี้ 
ผมส่งอีเมล์ได้ เปิดอินเตอร์เน็ตเป็น พูดคุยเรื่องคอมฯกับลูกหลานได้ สบายใจขึ้นมาก

ขอร่วมยุคสมัยด้วยคนเถอะครับ.

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ผมเป็นทุกข์กังวล เกี่ยวกับการเรียนต่อระดับปริญญาตรีของลูกชาย สถานที่เข้าเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าเล่าเรียนภาคเรียนละสี่หมื่นบาท ผมจะหาเงินจากที่ไหน ปีหนึ่งเกือบแสนบาท จะกู้เงินเพื่อการศึกษาได้นั้น ผู้ปกครองต้องมีเงินได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี รายได้ผมเกินไปเล็กน้อย กลางคืนผมนอนหลับๆ ตื่นๆ ลูกชายมีอาการหงุดหงิดกลัวไม่ได้เรียน ตัวผมผู้เป็นพ่อยิ่งกังวลใจมากกว่าลูก สุขและทุกข์ของลูก เป็นสุขทุกข์ของพ่อแม่อย่างแท้จริง...  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
อายุมากขึ้น ร่างกายเริ่มโรยรา โรคต่างๆ ก็วิ่งเข้ามาหา เวียนหัว นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดตามส่วนต่างๆ เช่น ข้อมือ ข้อนิ้ว หลัง บั้นเอว ต้นแขน ยามวัยเด็ก วัยหนุ่มสาว ทานอะไรได้หมด ไม่มีปัญหาเจ็บป่วย ทานอร่อยและทานได้มาก ลองคิดทบทวนย้อนหลัง ด้านการใช้ชีวิตและการปฏิบัติงาน ในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวออกกำลังโดยเล่นกีฬา สู่วัยทำงาน ไม่ได้ออกกำลังกายเลย งดเว้นการวิ่งหรือเดินเสียเฉยๆ ชอบนั่งสังสรรค์ร้องเพลงคาราโอเกะ ด้านการรักษาสุขภาพ เพียงแต่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน ที่น่าอายมากคืออารมณ์ทางเพศลดลงแทบหมด เหมือนน้ำมันแห้งขอดถัง...