Skip to main content
ผมย้าย

จากโรงเรียนในป่าในดอย มาอยู่โรงเรียนขนาดใหญ่ประจำอำเภอ จากโรงเรียนขนาดเล็ก 1 ชั้นมี 1 ห้อง มาเป็น 1 ชั้นมี 5 ห้อง นักเรียนโรงเรียนใหม่มีจำนวน 1,500 คน เกือบเต็มสนามฟุตบอลทีเดียว ครูมีถึง 30 กว่าคน มากคนก็มากเรื่อง เพียงเข้าประชุมโรงเรียนครั้งแรก ได้พบการประคารมระหว่างครูด้วยกัน 2 กลุ่ม และครูกับผู้บริหาร มันช่างดุเด็ดเผ็ดร้อน เหมือนขบพริกขี้หนูแตกถูกลิ้นสัก 4-5 เม็ด มีรสชาติจริงๆ ผมเป็นผู้มาใหม่ จึงได้เพียงฟัง เก็บข้อมูล ครูแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นฝ่ายอาจารย์ใหญ่ อีกกลุ่มค้านอาจารย์ใหญ่ ในเวลาต่อมา มีตัวแทนสองกลุ่มมาพูดคุยกับผม ด้วยอัธยาศัยที่ดี ชักชวนเข้ากลุ่ม ผมก็เออออไปตามสถานการณ์ แต่ยังไม่ตัดสินใจเด็ดขาด ด้วยเป็นครูเช่นเดียวกัน เป็นอาชีพสอนคน ต้องเป็นตัวอย่างเขาได้ ไม่รู้ทำประการใด ทุกคนดีกับผม ผมพูดได้กับทุกคน พอนานไปจึงรู้ว่า หากไม่เข้ากลุ่มคงอยู่ลำบาก เพราะมีเรื่องอะไร จะขาดคนสนับสนุนช่วยเหลือ ผมเลือกฝ่ายอาจารย์ใหญ่ เพื่อนครูในกลุ่มสนับสนุน ให้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ พอดีผมไปเรียนต่อ ครูท่านอื่นก็ครองในตำแหน่งนี้รอผม ผมไปเรียนต่อสองปี กลับมาได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ เข้ากลุ่มมันดีตรงนี้เอง


งานประจำปี

โรงเรียนเวียนมาอีกครั้ง ประมาณปี 2528 จุดมุ่งหมายเพื่อแสดงผลงานนักเรียน เป็นงานพบกันระหว่างครูกับผู้ปกครอง โรงเรียนมีการประชุมหลายครั้ง ประชุมคณะครู ประชุมกรรมการโรงเรียน แต่งตั้งกรรมการฝ่ายต่างๆ ก่อนวันงานจริงราว 20 วัน ฝ่ายสถานที่เริ่มลงมือทำเวที ฝ่ายแสงเสียงเริ่มติดตั้งสายไฟ ฝ่ายกิจกรรมนักเรียนรีบเร่งซ้อมการแสดง ได้ยินเทปเพลงดังเกือบตลอดวัน ครูประภาศรีซึ่งเป็นครูนาฏศิลป์ของโรงเรียน ครูสาวแสนสวย ตาคมวาว ไร้ความรู้สึก ต้องฝึกสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป. 1 ถึง ป.6 และมัธยมต้นด้วย เป็นการรับผิดชอบการแสดงทั้งหมดของโรงเรียน เพราะครูชายและครูสตรีบางท่าน ไม่สามารถสอนฟ้อนรำได้ ที่ประชุมจึงมีมติยกงานนี้ให้ท่านคนเดียว เสื้อผ้ารวมทั้งชุดการแสดง ต้องขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ผู้ปกครองให้ความร่วมมือดี แต่เมื่อไม่พอได้ขอเพิ่ม ทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ ต่อว่าท่านอาจารย์ใหญ่ ครูบางท่านก็โจมตีอาจารย์ประภาศรี ทำให้เครียดไม่น้อย อาจารย์ใหญ่ต้องลงมาแก้ไข เหตุการณ์จึงผ่านไปได้ กลางวันเหนื่อยสอนการฟ้อนการรำ กลางคืนก็ต้องเย็บชุดการแสดงของเด็ก หลับดึกๆหลายคืน ท่านอาจารย์ประภาศรีกล่าวว่า

"ถ้างานโรงเรียนเสร็จ จะนอนหลับให้สบาย ยาวไปเลย"


พรุ่งนี้

จะเป็นงานประจำปีโรงเรียน ตอนเช้ามืดวันแรกของงาน ผมและคณะครูที่อยู่บ้านพักครู ต้องตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายอย่างตกใจ ดังมาจากบ้านพักสองชั้นของอาจารย์ประภาศรี เป็นเสียงอาจารย์วีระชัย ที่อยู่บ้านพักหลังเดียวกับอาจารย์ประภาศรี แต่คนละห้อง ผมและครูหลายคนวิ่งไปที่บ้านพักหลังนั้น อาจารย์วีระชัยยืนสั่นตรงประตูบ้านพักชั้นล่าง บอกอย่างละล่ำละลัก

"อาจารย์ประภาศรีผูกคอตาย!"

"ตรงไหน ?" ทุกคนถามเกือบพร้อมกัน

อาจารย์วีระชัยชี้ไปข้างบน

"ตรงกลางระหว่างห้อง"


ระหว่างห้องพักทั้งสองห้อง มองขึ้นไป ผู้หญิงผิวขาว รูปร่างสันทัด ในชุดนอนสีขาวบางเบา ห้อยนิ่งอยู่กลางห้อง ผู้หญิงที่ไปดูร้องอย่างตกใจ เริ่มร้องไห้ บอกไม่น่าเลย ผู้ชายตะลึงงันไปหมด

อาจารย์วีระชัยเล่าว่า

"ผมกลับจากเที่ยวราวตีสี่ เดินขึ้นบันได ก็เห็นอาจารย์ประภาศรี ห้อยโตงเตง ตกใจขนหัวลุกเกรียว จึงวิ่งย้อนกลับลงมา ร้องให้คนช่วย ตาสว่าง หายง่วงหมดเลย "


จนบัดนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ท่านผูกคอตายเพราะอะไร...ขออนุญาตเขียนถึงด้วยความเคารพและอาลัยครับ.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ย่างเข้ากลางเดือนตุลาคม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แสงจ้าขาว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ที่สี่แยก
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พื้นที่ป่าเมืองไทยล่าสุดเหลือเท่าไร ระหว่างปี พ.ศ. 2504-2552 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่ามากกว่า 72 ล้านไร่ เฉลี่ยป่าถูกทำลายปีละ 1.6 ล้านไร่ และในปี พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 53.3 หรือประมาณ 171 ล้านไร่ พอมาถึงปี พ.ศ.
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
20 กรกฎาคม 2555
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
การเมืองไทย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พรรคประชาธิปัตย์
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
Normal 0 false false false
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง